สิวเห่อเต็มหน้าเลย สิวอุดตันก็ขึ้น สิวอักเสบก็โผล่ ทำไมกันนะ? ปัญหาสิวเห่อถึงเพิ่มขึ้นได้มากขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ก็ดูแลรักษาผิว รักษาสิวด้วยวิธีปกติทั่วไปเหมือนทุกวันแท้ ๆ งั้นวันนี้ Bioderma จะพาเพื่อน ๆ ทุกคนมาดูกันว่าสิวเห่อเกิดจากอะไร แล้วเราจะทำอย่างไรถึงจะรักษาสิวเห่อให้หมดไปได้ มาดูวิธีกัน! เพื่อกู้หน้าพัง เรียกหน้าเรียบเนียนไร้สิวให้กลับมาอีกครั้ง

แต่ก่อนอื่นเลยในการจะเลือกวิธีดูแลผิวเราจะต้องตรวจดูให้รู้ก่อนว่าสภาพผิวของเรานั้น มีลักษณะแบบใด เป็นสภาพผิวมัน มีรูขุมขนขยายกว้าง หรือมีลักษณะผิวเป็นผิวแห้ง แต่หากใครมีสภาพผิวที่บอบบางแพ้ง่าย พูดได้เลยว่าเป็นสภาพผิวที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญและใส่ใจดูแลมากเป็นพิเศษ เพราะสภาพผิวนี้ หากได้รับการรบกวนจากสภาพแวดล้อม หรือตัวกระตุ้นใด ๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง มลภาวะ เหงื่อ ก็สามารถทำให้ผิวระคายเคืองจนเกิดสิวเห่อขึ้นมาเต็มทั้งใบหน้าได้

 

สารบัญบทความ

สิวเห่อเกิดจากสาเหตุ

สิวมักจะเกิดจากสาเหตุหลัก ๆ หลายประเภทตามแต่ละลักษณะของสิว แต่โดยทั่วไปแล้วสิวจะเกิดจากการที่ภายในรูขุมขนเกิดความผิดปกติอยู่ภายใน อย่างในกรณีสิวอุดตัน ที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน แล้วถ้าหากผิวบริเวณนั้นถูกรบกวนบ่อย ๆ ผิวก็อาจจะเกิดการอักเสบจนตามมาซึ่ง สิวอักเสบ และสิวหัวช้างได้ หรือในกรณีที่ผิวถูกกระตุ้นจากอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ ผิวจะเกิดตุ่มสิวผดนูนขึ้นมาได้ นอกจากนี้การที่เชื้อราเข้าไปสร้างความระคายเคืองกับผิวหนัง ก็ทำให้เกิดสิวยีสต์ขึ้นมาได้เช่นกัน

แต่ปกติสิวมักจะขึ้นทีละเม็ด แต่ในบางกรณีหลายคนก็พบเจอกับปัญหาสิวเห่อหนักมากได้เช่นกัน โดยปัญหาสิวเห่อคือ การที่สิวแต่ละชนิด ลุกลามจากเพียงแค่ไม่กี่จุด กลายเป็นกระจายทั่วใบหน้า ทำให้ผู้ประสบปัญหาสิวเห่อรู้สึกหนักใจ เพราะบางครั้งผู้เป็นสิวเห่อดำเนินชีวิตประจำวันตามปกติ แต่อยู่ดี ๆ สิวก็เกิดลุกลามขึ้นมาบนหน้าได้ เพราะบางครั้งผิวหนังที่เป็นสิว มีความบอบบาง เกราะป้องกันผิวนั้นบอบบาง ทำให้เมื่อโดนปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ ทำให้สิวเห่อหนักมากทั่วใบหน้า

ปัจจัยกระตุ้นสิวเห่อเกิดจากหลายปัจจัย ดังต่อไปนี้


1. การใช้มือไม่สะอาดสัมผัสตามผิวหนัง เพราะปกติเราต้องใช้มือที่ไม่สะอาดสัมผัสกับสิ่งของต่าง ๆ หากเราไม่ล้างมือให้สะอาด ด้วยน้ำสะอาดและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอาจทำให้มีแบคทีเรีย สิ่งสกปรกสะสมตามฝ่ามือ แล้วหากเราเอามือเผลอไปสัมผัสใบหน้า จะทำให้สิ่งสกปรกตกค้างอยู่บนใบหน้า ผิวถูกกระตุ้นให้เกิดหน้าพังสิวเห่อทั่วใบหน้า

2. การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ นำมาซึ่งปัญหาสิวเห่อได้ เพราะการนอนหลับดึกหลังเที่ยงคืนไป และไม่ครบอย่างนอน 8 ชั่วโมง ทำให้ร่างกายมีช่วงเวลาในการผลิตสาร ฮอร์โมนต่าง ๆ ในร่างกายน้อยลง มีเวลาฟื้นฟูสภาพผิวน้อยลง การขยายของแผลสิว และการหายของสิวช้าลง และทำให้สารต่าง ๆ ในร่างกายไม่สมดุล ส่งผลให้หน้ามันมากขึ้น รูขุมขนขยาย เกิดสิวเห่อ สิวอักเสบ หรือเป็นเม็ดไตสิวขึ้น นอกจากนี้จะทำให้ร่างกายไม่สดชื่น เกิดความเครียดได้ง่าย ทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกาย รวมถึงภูมิคุ้มกันป้องกันผิวก็ต่ำลงด้วยเช่น ทำให้เพียงโดนสภาพแวดล้อมใด ๆ กระตุ้นเล็กน้อย ก็ทำให้สิวลุกลาม สิวเห่อทั่วใบหน้าได้

อย่างเช่น ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่สร้างขึ้นมาจากต่อมหมวกไต และมักหลั่งออกมาเมื่อร่างกายเกิดความเครียด ได้รับความกดดัน และเมื่อนอนดึก หลับไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า สดชื่น ช่วยในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน รักษาระดับน้ำตาลในเลือด และความดันโลหิต

ในช่วงเช้า ฮอร์โมนคอร์ติซอลมักจะผลิตออกมามาก แต่เมื่อถึงช่วงกลางคืน ฮอร์โมนคอร์ติซอลจะลดลงต่ำลงมาเรื่อย ๆ เพื่อให้ร่างกายได้นอนหลับพักผ่อน แต่ถ้ามีความเครียดหรือนอนไม่หลับ ฮอร์โมนดังกล่าวในร่างกายก็จะสูง และกระตุ้นร่างกายให้ผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมาได้ ก่อให้เกิดสิว เป็นสิวเห่อลามทั่วผิวหนังได้

3. ในปัจจุบันที่สถานการณ์โควิด ทำให้เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใส่แมสก์ได้ การเสียดสีเป็นประจำระหว่างเนื้อแมสก์และผิวซ้ำ ๆ ในบริเวณช่วงแก้ม จมูก คาง ทำให้ผิวบริเวณดังกล่างเกิดการระคายเคือง สิวจึงเห่อขึ้นมา นอกจากนี้บริเวณที่ใส่แมสก์เป็นบริเวณปิด ผิวตรงนั้นจะอับชื้น อากาศไม่ถ่ายเท ทั้งน้ำมันบนหน้าในบริเวณนั้น ทั้งเหมาะแก่การฟักตัวของเชื้อแบคทีเรีย และความร้อนที่ไม่ระบาย ทำให้ผิวช่วงตรงนั้นระอุเป็นสิวเห่อขึ้นมาได้ โดยเฉพาะสิวผดที่แก้ม  สิวที่คาง และผดผื่นคันตามช่วงแก้ม ตามคาง

4. แสงแดด เป็นตัวการที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่หากเราได้รับแสงแดดมากเกินไป จะส่งผลเสียในการทำร้ายผิวได้มากกว่า เพราะแสงแดดมีส่วนในการกระตุ้นให้ผิวเกิดสิวเห่อขึ้นได้ เพราะแสงแดดทำให้ผิวแห้งกร้าน ยิ่งกระตุ้นให้ต่อมไขมัน ผลิตน้ำมันส่วนเกิน(Seborrhea)ออกมาก

นั้นทำให้เกิดผลหลายอย่างที่กระตุ้นให้เกิดสิวเห่อ เช่น ผิวแห้งทำให้ผิวไม่เรียบเนียนจากเซลล์ผิวเก่าที่ตายไปแล้ว เซลล์ผิวเก่าทำให้ผิวแห้งกระด้าง และไปขัดขวางกระบวนการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้รูขุมขนไม่ระบาย ไขมันจึงอุดตันในรูขุมขน นอกจากนี้ เหงื่อที่ถูกผลิตมากขึ้นจากแสงแดด และอากาศร้อน ทำให้เชื้อแบคทีเรีย P.ances เจริญเติบโต และแพร่กระจาย ให้สิวเห่อบนผิวได้ ดังนั้นเราควรทาครีมกันแดด เพื่อปกป้องผิวจากรังสีUV ทั้ง UVA และ UVB ไม่ให้กระตุ้นให้เกิดสิวเห่อ และฝ้า

5. การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่เหมาะกับสภาพผิว ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง จนสิวเห่อขึ้นมาได้ หรือการทำความสะอาดผิวหน้า ไม่สะอาดหมดจดก็ทำให้เกิดการอุดตันเพิ่มลามไปทั่วผิวหน้าได้ เช่น ในทุก ๆ วันที่ทาครีมกันแดด หรือแต่งหน้า ควรล้างหน้าด้วยคลีนซิ่งก่อน ถึงจะตามด้วยการทำความสะอาดด้วยเจลล้างหน้าที่อ่อนโยนอีกครั้ง เพราะครีมกันแดด และเครื่องสำอางมักจะมีส่วนผสมที่กันน้ำ จึงจำเป็นต้องล้างด้วยคลีนซิ่งก่อน และล้างด้วยเจลล้างหน้าแล้ว ก็ควรเสริมด้วยการเช็ดโทนเนอร์อีกครั้ง เพื่อเปิดผิวพร้อมรับการบำรุง พร้อมทั้งเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวอีกขั้น

6. สิวเห่อช่วงประจำเดือนเกิดขึ้นได้ง่ายมาก เป็นประจำในช่วงที่รอบเดือนกำลังจะมา เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายเกิดความแปรปรวนของสาร ฮอร์โมนร่างกายต่าง ๆ ไม่สมดุล ส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการข้างเคียงหลายอย่างทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทั้งทำให้เกิดความเครียดภายในใจ และทางร่างกายภายนอกก็เกิดสิวเห่อขึ้นมาได้

เพราะในช่วงที่จะมีประจำเดือน ก่อนที่ประจำเดือนจะมา จะมีช่วงที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนโปสเจสเทอโรน (Progesterone) คือ ฮอร์โมนเพศหญิง ที่มีหน้าที่ในการควบคุมภาวะไข่ตกและการมีประจำเดือน รวมถึงระบบต่าง ๆ ทั่วไปในร่างกายด้วย ได้แก่ การเต้นของหัวใจ อุณหภูมิภายในร่างกาย ความหิว การนอนหลับพักผ่อน อารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ รวมทั้งความต้องการทางเพศด้วยเช่นกัน และยังรวมถึงการสร้างฮอร์โมน ควบคุมการหลั่งฮอร์โมนหลายชนิดด้วย จึงมีผลความเกี่ยวข้องในการมีประจำเดือนและการตั้งครรภ์ ทำให้ช่วงมีรอบเดือนฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนจะพุ่งสูงขึ้น ทำให้เกิดการกระตุ้นร่างกายให้ผิวบวมขึ้น รูขุมปิดลง ทำให้เกิดการอุดตันของน้ำมันต่าง ๆ ในรูขุมขนที่ปิดจนไม่สามารถระบายน้ำมันออกมานอกผิวหนังได้

และสิวฮอร์โมนสามารถเห่อขึ้นมาได้อีก เพราะฮอร์โมนอีกชนิด คือ ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (Testosterone) ฮอร์โมนเพศชายที่มีผลกับผิวหนังโดยตรง เพราะเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นการทำงานที่เพิ่มขึ้นของต่อมเหงื่อและต่อมไขมัน ทำให้ร่างกายมีกลิ่นตัว อีกทั้งต่อมไขมันจะผลิตไขมัน และน้ำมันส่วนเกินออกมาบนผิวหนังมาก ทำให้ง่ายต่อการที่น้ำมันจับตัวกับสิ่งสกปรกอุดตันในรูขุมขนได้ง่าย อีกทั้งผิวหนังที่ชื้นน้ำมันนี้ ก็กลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อสิวได้อย่างดี ทำให้สิวเห่อขึ้นมาได้

หลังจากที่เราทราบแล้วว่ามีตัวกระตุ้นอะไรบ้างแล้ว เรามาดูกันว่าแล้วบริเวณไหนในร่างกายกันที่เรามักจะพบอาการสิวเห่อบ่อย ๆ กัน เพราะบริเวณดังต่อไปนี้มักจะถูกกระตุ้นจากปัจจัยที่กล่าวมาแล้วบ่อย ๆ ทั้งเหงื่อ ฮอร์โมน การเสียดสีจากแมสก์ เสื้อผ้า และความร้อน แสงแดด

  • สิวเห่อหน้าผาก เป็นบริเวณยอดฮิตบริเวณแรก ๆ ที่สิวมักจะเห่อทั่วหน้าผากได้ เพราะเป็นบริเวณที่ได้รับการเสียดสีจากเครื่องประดับผมต่าง ๆ ทั้งหมวก เฮดแบนด์ ผ้าโพกผมต่าง ๆ
     
  • สิวเห่อเต็มหน้า ในบางกรณี หากแพ้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ทำให้ผิวทั้งใบหน้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์ เกิดสิวชนิดต่าง ๆ กระจายทั่วทั้งพื้นผิวหน้าทั่วบริเวณ
     
  • สิวเห่อแก้ม เป็นอีกส่วนที่เกิดสิวเห่อได้ เพราะการเสียดสีซ้ำ ๆ จากแมสก์ที่สวมใส่ประจำทุกวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ความอับชื้นของผิวใต้แมสก์ ยิ่งทำให้สิวผุดเห่อทั่วบริเวณแก้มได้
     
  • สิวเห่อคาง นอกจากแมสก์ที่เสียดสีกับคางเป็นประจำ ทำให้สิวเห่อขึ้น และการสัมผัสคางบ่อย ๆ จากการเท้าคาง ทั้งมือที่ไม่สะอาดและและการลูบเสียดสีคางบ่อย ๆ ยิ่งทำให้สิวขึ้นทั่วคาง
     
  • สิวเห่อที่หลัง อีกหนึ่งบริเวณที่มักจะได้รับการเสียดสีจากเสื้อผ้า และเกิดความอับชื้น จากเหงื่อทั่วหลัง ทำให้ง่ายต่อการเพาะเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ง่ายต่อการเกิดสิวแพร่เห่อทั่วแผ่นหลัง

 

อาการของสิวเห่อนั้นคือ การที่มีสิวลุกลามไปทั่วทั้งบริเวณของผิวหนัง อาจจะไม่ได้มีเพียงสิวชนิดใด ชนิดหนึ่งเพียงเท่านั้น อาจจะมีการพบสิวหลายประเภท รวมถึงปัญหาผิวอื่นอย่าง ผื่น รอยสิว ปะปนกันไปด้วย โดยเฉพาะชนิดสิวเหล่านี้ พบได้บ่อยที่สุด คือ สิวอุดตันเห่อ สิวผดเห่อ สิวอักเสบเห่อ

สิวเห่อ

แต่การที่สิวเห่อหนักมากนั้น อาจจะมีได้สองรูปแบบ ตามแต่ลักษณะของอาการสิวเห่อที่เกิด ได้แก่

  • สิวเห่อจากอาการแพ้ต่าง ๆ (Breakout) หน้าแพ้สิวเห่อจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิวของเรา รวมถึงอาการแพ้จากฮอร์โมน ความเครียด กรรมพันธุ์ และการดำเนินชีวิตประจำวันที่ต้องเผชิญกับฝุ่น ควัน สิวเห่อชนิดนี้จะมีลักษณะตุ่มสิวที่ใหญ่กว่าตุ่มสิวทั่ว ๆ ไป และอาจจะมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วยทั้งอาการอักเสบ บวม แดงขึ้นมาด้วย
     
  • สิวเห่อจากการปรับตัวของผิว (Skin Purging) ในกรณีที่มีการลองเปลี่ยนใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ หรือเปลี่ยนอาหารที่รับประทาน สามารถทำให้ผิวเกิดสิวเล็ก ๆ ออกมาได้ เนื่องจากการพยายามที่จะดึ่งสิ่งไม่บริสุทธิ์ออกมาจากรูขุมขน โดยหน้าสิวเห่อชนิดนี้ จะมีความแตกต่างตรงที่จะเป็นจุดสิวเล็ก ๆ กว่าสิวเห่อจากอาการแพ้ เมื่อเมื่อเราเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ดูแลผิว แล้วผลิตภัณฑ์ชนิดนั้นมีความเข้มข้นมากเกินไป ทำให้ผิวพยายามที่จะขจัดสารที่ไม่ดีออกมา ก่อนที่จะปรับสมดุลผิวใหม่ให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยขับสารพิษออกมาจากร่างกายในรูปแบบจุดสิว และสุดท้ายจะหายไปเองเนื่องจากร่างกายคุ้นชิน และปรับตัวโดยใช้เวลาประมาณ 10 วัน จุดสิวจึงหายไป

 

วิธีรักษาสิวเห่อ

เนื่องด้วยการที่หน้าแพ้สิวเห่อนั้น มีสิวหลายชนิดเกิดขึ้นทั้ง สิวอุดตันเห่อ สิวอักเสบเห่อ สิวผดเห่อ และอาจมีอาการปัญหาผิวอื่น ๆ ร่วมด้วยกับอาการสิวเห่อ ทั้งผดผื่น สิวเสี้ยน ผิวบวมแดง ซึ่งยากต่อการรักษาด้วยตนเอง จึงควรเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษา เพราะสิวแต่ละประเภท ก็จะมีการรักษาด้วยวิธีแตกต่างกันไป

  • ในขั้นตอนแรกแพทย์จะทำการตรวจสภาพผิวก่อนว่า สภาพผิวของคนไข้เป็นเช่นไร และอาจจะมีการสะกิดหัวสิวในแต่ละจุดที่สิวเห่อขึ้นบนผิวหนัง ไปเข้าตรวจผลในห้องทดลอง และใช้กล้องจุลทรรศน์ (Microscope) ตรวจดูว่ามีเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อรา ไรใด ๆ ในหัวสิว เพื่อจะได้ประเมินขั้นตอนในการรักษาต่อไป
     
  • แพทย์อาจจะแนะนำให้ใช้ยาทาเพื่อรักษาสิวเห่อหนักมาก ในกลุ่มยาที่ช่วยละลายพวกหัวสิว บรรเทาอาการอักเสบ และฆ่าเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ที่นำไปสู่การเกิดสิว เช่น
    • กลุ่มยา Benzoyl peroxide
    • กลุ่มยา Topical retinoids
    • กลุ่มยา Salicylic acid
    • กลุ่มยา Clindamycin solution
       
  • หากบริเวณหน้าสิวเห่อ หรือเห่อขึ้นตามตัว แพทย์อาจจะแนะนำให้ทำหัตถการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น
     
    • การฉีดยาชนิดสเตียรอยด์ (Steroid Injection) ในการช่วยรักษาสิวอักเสบ เพื่อบรรเทาให้สิวมีอาการอักเสบน้อยลง แต่ทั้งนี้ในการฉีดสิวควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ เพราะหากมีการฉีดปริมาณยามากเกินไป อาจจะทำให้ผิวบริเวณสิวยุบลงไป
       
    • การกดสิว (Pressing Acne) ในระหว่างช่วงสิวเห่อ อาจมีสิวบางประเภทที่ไม่ใช่สิวไม่มีหัว อย่างสิวมีหัว สิวหัวดำ สิวอุดตัน สามารถรักษาด้วยการกดสิวได้ โดยอาจจะใช้นวัตกรรมอย่างเลเซอร์ CO2 (CO2 Laser) ในการเปิดหัวสิว เพื่อให้ง่ายต่อการกดหัวสิวออกมาได้ง่าย ไม่เหลือร่องรอยของแผลสิวเท่ากับการใช้เข็มสะกิดเปิดหัวสิว
       
    • การฉายแสง (Light Therapy) ในการช่วยรักษาสิวเห่อ โดยใช้แสงสีฟ้าและสีแดงในการช่วยรักษาสิวแสงสีฟ้า
       
      • แสงสีฟ้าจะช่วยลงไปฆ่าเชื้อโรคบนผิวหนัง ทั้งเชื้อแบคทีเรีย Cutibacterium Acne (P. Acne) ที่ทำให้เกิดการอักเสบของสิว และยังช่วยควบคุมความมันบนผิว
         
      • แสงสีแดง แสงที่สามารถลงลึกได้ไปถึงชั้นต่อมไขมัน ช่วยลดการอักเสบของต่อมไขมัน และทำให้ต่อมไขมันเล็กลง หดตัวลงลดการเกิดสิวเห่อ ทั้งลดความมันบนใบหน้าลง พร้อมช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen) ช่วยให้ผิวมีความกระชับ เต่งตึง

 

ดูแลผิวหน้ารักษาสิวเห่อ

หน้าแพ้สิวเห่อ ไม่ว่าจะเป็นสิวรูปแบบไหนเห่อ สิวอุดตันเห่อ หรือถูกกระตุ้นจนเป็นสิวอักเสบเห่อ หรือสิวเม็ดเล็กเม็ดน้อย อย่างสิวผดเห่อ ถ้าทุกคนปฏิบัติตามวิธีดังต่อไปนี้อย่างเคร่งครัด ผิวหน้าสิวเห่อก็จะบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้

1.ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจด ไม่เหลือสิ่งสกปรกตกค้างบนผิวหน้า เพื่อไม่ก่อให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่อ่อนโยน ไม่ทำร้ายผิว เพราะถึงแม้จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำความสะอาดหมดจด แต่หากถ้ามีสารทำความสะอาดที่รุนแรงต่อผิวจะทำให้ผิวระคายเคืองมีสิวเห่อหนักมาก

2.เลือกใช้สกินแคร์ในการบำรุงผิวที่อ่อนโยน ไม่ทำร้ายผิวที่เป็นสิวเห่อง่าย โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดที่เน้นให้ความชุ่มชื้น เพื่อลดการผลิตน้ำมันบนใบหน้า พร้อมมีสารสกัดที่ช่วยต้านแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว และมีส่วนประกอบที่ช่วยปลอบประโลมผิวที่ระคายเคืองให้สงบลง

3. ใช้ครีมกันแดดเป็นเกราะป้องกันผิวจากมลภาวะแวดล้อมภายนอก ทั้งฝุ่นควัน PM2.5 และตัวการสำคัญเลยคือ รังสี UV จากแสงแดด โดยครีมกันแดดที่ใช้ควรอ่อนโยน พร้อมมีค่า SPF และPA ที่สูงพอ ที่จะกันความรุนแรงของรังสี UV ได้ และควรหมั่นถ้าครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน ทุก ๆ 2 ชั่วโมง หรือ 30 นาที ก่อนออกแดดจัด เพราะแม้เราจะอยู่ภายในอาคารหรือที่ล่ม รังสี UVB ก็สามารถทะลุเข้ามาได้ นอกจากนี้แสงสีฟ้า (Blue Light) จากอุปกรณ์สำนักงานที่เราใช้งานทุกวันอย่าง แสงจากหลอดไฟ คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ ก็สามารถทำร้ายผิวได้เช่นกัน

4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก่อน 4 ทุ่ม และนอนหลับพักผ่อนให้ครบ 8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายสามารถซ่อมแซมผิวที่เป็นสิว ผลิตฮอร์โมน และสารต่าง ๆ ในร่างกายออกมาได้อย่างสมดุล ช่วยลดความเครียด และการเกิดฮอร์โมนที่ไปกระตุ้นการเกิดสิว ให้เป็นสิวเห่อ และต่อมไขมันบนใบหน้าให้ผลิตน้ำมันมากเกินไป

5. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินง่าย ๆ ด้วยการพยายามลดการรับประทานอาหารน้ำตาลสูง อย่างขนมหวาน น้ำหวาน และเบเกอรี่ เพราะจากการศึกษาพบว่าผู้ที่มีระดับน้ำตาลในร่างกายน้อย ระดับอินซูลิน (Insulin) ในเลือดต่ำนั้น มีการยับยั้งการผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) ที่กระตุ้นการผลิตน้ำมันส่วนเกิดบนผิว สาเหตุหนึ่งของการเกิดอาการสิวเห่อ

และอาหารที่มีน้ำตาลสูง จะทำให้อินซูลินในเลือดสูงขึ้น ในไปสู่ภาวะ Insulin-like growth factor (IGF-1) ในเลือดสูงขึ้น และภาวะดังกล่าวจะทำให้ผิวหนังแบ่งตัวเร็ว และหนาขึ้น ทำให้เกิดก้อนไขมันอุดตันในรูขุมขนและเกิดสิวตามมา

 

สรุป

สิวเห่อเต็มหน้า สิวเห่อหน้าผาก ไม่ว่าสิวจะเห่อที่บริเวณไหน การรักษาสิวเห่อก็จำเป็นต้องเริ่มตั้งแต่พื้นฐาน เพราะในการเกิดหน้าพังสิวเห่อนั้นเกิดจากการกระตุ้นของปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ทั้งภายนอก และภายในของร่างกาย ดังนั้นเราควรปูพื้นฐานผิวให้แข็งแรงด้วยการทำความสะอาดผิวให้สะอาด ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผู้เป็นสิวเห่อ พร้อมมีสารสกัดที่เพิ่มความแข็งแรงให้ผิว มากไปกว่านั้นใช้ครีมกันแดดเพื่อเพิ่มเกราะป้องกันให้กับผิว และพยายามรักษาสมดุลขอร่างกายด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ และหากิจกรรมทำลดความเครียดเพื่อลดการหน้าแพ้สิวเห่อ

เพื่อลดปัญหาผิว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Bioderma ก็เป็นคำตอบหนึ่งสำหรับผู้ประสบปัญหา เพราะผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ได้มาตรฐานจะช่วยปลอมประโลม และลดแนวโน้มการเกิดปัญหาผิวให้ลดลงไปได้

โดยเริ่มใช้คลีนซิ่งในการทำความสะอาดผิวหน้าเป็นขั้นตอนแรกในการทำความสะอาดผิวหน้าที่ทาครีมกันแดด และแต่งหน้าออกไป Bioderma Sebium H2O คลีนซิ่ง เวชสำอางที่อ่อนโยนต่อผิวที่แพ้ง่าย เป็นสิวง่าย ใช้ได้ทั้งผู้ที่มีผิวมัน และผิวผสม อ่อนโยนไม่กระตุ้นให้อาการสิวเห่อลามขึ้นมาเพิ่ม เพราะอ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง ค่า PH5.5 ดีต่อผิว ไม่มีส่วนผสมของพาราเบน และแอลกอฮอลล์ มี Copper Zinc Complex ช่วยกำจัดความมันส่วนเกิน ควบคุมความมันส่วนเกิน พร้อม Biomimetic Micellar Technology ทำความสะอาดเครื่องสำอางกันน้ำหมดจด และเคลียร์สิ่งสกปรก PM2.5 หายไปได้ถึง 93%

คลีนซิ่งเช็ดทำความสะอาด เหมาะกับผิวแพ้ง่ายเป็นสิวง่ายเพื่อลดแนวโน้มจะเกิดหน้าสิวเห่อให้ลดลง ควรเสริมทัพความสะอาดอีกขั้นด้วยเจลทำความสะอาด Bioderma Sebium Gel Moussant เจลทำความสะอาดผิวล้ำลึกและอ่อนโยน ป้องกันรูขุมขนอุดตัน พร้อมช่วยคืนความชุ่มชื้นให้ผิว ช่วยลดความมันและแบคทีเรียสาเหตุของการเกิดสิว ด้วยส่วนผสมของ Copper Zinc Complex ที่คุมความมันหลังล้างหน้าได้นานถึง 4 ชั่วโมง และสารสกัดจากใบแแปะก๊วย (Ginkgo Biloba Leaf Extract) ช่วยลดผิวระคายเคือง เหมาะกับผู้มีผิวแพ้ง่าย เป็นสิว ผิวมัน และผิวผสม

เจลล้างหน้า ไมเซล่า เหมาะกับผิวแพ้ง่ายเป็นสิวง่าย

นอกจากนี้เพิ่มการบำรุงด้วยโลชั่นน้ำตบที่คนผิวมัน รูขุมขนกว้าง หรือผิวบอบบางต่างหลงรัก Bioderma Sebium Lotion ขั้นตอนแรกในการบำรุงผิว เพราะ โลชั่นช่วยเปิดผิวให้การบำรุงขั้นตอนต่อไปด้วยเซรั่ม ครีมบำรุง สามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึกมากขึ้น หลังใช้เพียง 1 สัปดาห์ ด้วยสารสกัดจาก BHA (Salicylic Acid) และสารสกัดจากเห็ด (Agaric Acid) ช่วยให้ผิวเนียนใส รูขุมขนกระชับขึ้น แลดูเล็กลง พร้อม Capryloyl Glycine ช่วยปรับค่า PH บนผิวให้สมดุล และ Glycerin ให้ผิวชุ่มชื้นยาวนานถึง 8 ชั่วโมง

โลชั่นน้ำตบเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างล้ำลึกอีกขั้นด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ Bioderma Sebium Sensitive ครีมบำรุงไม่มีส่วนประกอบของพาราเบน แอลกอฮอลล์ คนผิวผสม ทีโซนมัน ยูโซน บอบบาง แพ้ง่าย ก็ใช้ได้ และเนื้อผลิตภัณฑ์เป็นเจล สบายผิวไม่หนักหน้า เกลี่ยง่าย นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจาก Bakuchiol สารต้านอนุมูลอิสระ 2 เท่าของวิตามิน อี (Vitamin E) ช่วยลดเลือนริ้วรอย รอยแดงจากสิวให้ดูจางลง พร้อมช่วยลดแบคทีเรียที่ก่อเกิดสิว

มอยเจอร์ไรเซอร์หรือครีมบำรุงที่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้มีผิวมันที่แพ้ง่าย เพราะไม่มีพาราเบน ไม่มีแอลกอฮอลล์ สะดวก ใช้งานง่าย Bioderma Sebium Pore Refiner ครีมบำรุงที่ดูแลผิวครบจบในหลอดเดียว ช่วยคุมมัน กระชับรูขุมขนด้วย Agaric Acid โดยเฉพาะหากทาตรง T- Zone จะช่วยให้รูขุมขนกว้างดูกระชับขึ้น พร้อม BHA กรดผลไม้ (AHA) ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้ผิวเรียบเนียน ไม่อุดตัน นอกจากนี้สามารถใช้ทาเป็นเมคอัพเบสทั่วใบหน้าได้ ช่วยปรับให้ผิวดูเรียบเนียน แต่งหน้าติดทนนานยิ่งขึ้น

ครีมบำรุง

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม

ทำความสะอาดและบำรุงผิว

ผิวผสมถึงผิวเป็นสิวง่าย

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium)

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม

ผิวจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เนื่องจากผิวจะมีความหนามากขึ้น มันเงา เกิดสิวอักเสบเป็นจุดมากน้อยแตกต่างกันไป และบางครั้งก็ยังคงเป็นเช่นนั้นต่อเนื่องไปจนถึงวัยผู้ใหญ่อีกด้วย

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium) เป็นผลิตภัณฑ์ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อผิวมันและเป็นสิวง่ายโดยเฉพาะ
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium) มีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและดูแลผิวที่แพทย์ผิวหนังแนะนำโดยเฉพาะ ทั้งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าสำหรับผิวมัน อย่างเจลล้างหน้าและไมเซล่า วอเตอร์ มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวเป็นสิวง่าย และอื่นๆ อีกมากมาย เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวประจำวันให้ตัวคุณเลย!