UVA UVB คือ รังสี อัลตราไวโอแลตชนิดหนึ่งที่มาจากแสงแดดที่สามารถพบเจอได้ในชีวิตประจำวันในช่วงกลางวัน ซึ่งตัวรังสียูวี 2 ชนิดนี้ทำอะไรบ้าง และส่งผลต่อผิวมนุษย์ด้วยปัจจัยใด ทาง Bioderma จะมาอธิบายอย่างละเอียดเองว่า UVA UVB ต่างกันอย่างไรกันบ้าง

ทำความรู้จัก รังสี UVA และ UVB

รังสี UVA UVB คือคลื่นรังสีแสงยูวีในแสงแดดที่พบเจอในช่วงกลางวันโดยทั่วไป หากได้รับรังสีนี้มากเกินไป อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของผิวหนังผู้คนในระยะยาว โดยสองรังสียูวีนี้แตกย่อยมาจากแสง UV หรือ รังสีอัลตราไวโอเลต ที่เป็นต้นกำเนิดคลื่นรัศมีของแสงแดดเข้มข้นมาทำร้ายผิวคนได้ นอกจากรังสี UVA UVB คือคลื่นพลังงานที่อันตรายต่อผิวคนแล้ว ยังมีรังสี UVC ที่เล็ดลอดออกมาจากชั้นโอโซนบางส่วนของโลกในปัจจุบัน เข้ามามีบทบาทในการทำลายสภาพผิวหนังมากที่สุด ทาง Bioderma ได้เห็นปัญหาของรังสีที่มีผลต่อสุขภาพผิวหนังนี้ จึงทำการคิดค้นผลิตภัณฑ์ ครีมกันแดด ที่มีสูตรปกป้องผิวระดับสูง และพร้อมอธิบายรังสี UVA และรังสี UVB คืออะไร เป็นรังสีที่มีผลต่อสภาพผิวอย่างไรบ้าง ให้หายสงสัยกัน

รังสียูวีเอ (UVA)

UVA คือ รังสีอัตราไวโอเลตชนิด A (ultraviolet A-rays) ที่มีความยาวรังสีสูงถึง 300-400 MM โดยเป็นคลื่นแสงที่สามารถพบได้ตามทั่วไปในยามกลางวันช่วงเวลาที่แดดจ้า และเป็นรังสีที่มีอัตราเข้าถึงสภาพผิวหนังของมนุษย์สูงเป็นอย่างมาก เนื่องจาก UVA คือรังสีที่มีอัตราความเข้มข้นในการเข้าถึงผิวหนังชั้นในมนุษย์สูง แม้อยู่ในที่ร่ม รังสี UVA นี้สามารถเดินทางทะลุผ่านกระจกในอาคารได้ หากผิวได้รับรังสีมากเกินไปจะทำให้สุขภาพผิวหนังเสื่อมโทรม เหี่ยวหย่น ผิวคล้ำ หน้าหมองคล้ำ ฝ้า หรือ ฝ้าแดด รวมถึงจุดด่างดำด้วย และอาจทำให้ผิวหนังแปรสภาพแก่ก่อนวัยอันควร

รังสียูวีบี (UVB)

UVB คือ รังสีอัตราไวโอเลตชนิด B (ultraviolet B-rays) ที่มีความยาวรังสีสูงถึง 290-320 MM โดยเป็นคลื่นแสงที่เป็นรังสีที่มีอัตราเข้าถึงสภาพผิวหนังของมนุษย์ต่ำกว่ารังสี UVA แต่มีคลื่นพลังงานที่สามารถปรับสภาพผิวชั้นนอกให้แปรสภาพเป็นภาวะ ผิวไหม้แดด และบางบริเวณของผิวอาจเกรียมแดดในระยะสั้น หากปล่อยให้รับรังสี UVB ระยะยาวอาจก่อให้เกิดการกระตุ้น DNA ใต้ผิวหนังเปลี่ยนสภาพเซลล์เป็นมะเร็งผิวหนังได้

รังสี UVA และ UVB แตกต่างกันอย่างไร

รังสี UVA และ UVB คือ รังสีอัลตาไวโอเลตที่ส่งผลทำให้สุขภาพผิวหมองคล้ำ จนไปถึงก่อให้เกิดโรคผิวหนังต่างๆได้ และ UVA UVB ต่างกันอย่างไร มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้รังสีสองชนิดนี้มีผลต่อการดำเนินชีวิตของคนในยามกลางวันบ้าง

UVA :

  • UVA เป็นรังสีที่มีความยาวสูงสุด แต่พลังงานต่ำกว่า UVB สามารถทะลุเข้าถึงชั้นผิวหนังกำพร้าและหนังแท้ได้
  • UVA เป็นรังสีที่โดนทะลุผิวหนังได้ทุกที่ๆมีแสงแดดเข้าถึง ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้กำแพงกระจกบนอาคารส่วนไหน รังสีนี้สามารถทะลุเข้าถึงรูขุมขนของเนื้อผิวได้ในช่วงเวลากลางวัน
  • UVA ก่อให้เกิด สภาพผิวหนัง หม่นหมอง ผิวคล้ำ ฝ้ากระจุดด่างดำ บริเวณใบหน้าเหี่ยว ตีนกาขึ้นก่อนวัยอันควร

UVB :

  • UVB เป็นรังสีที่ความยาวรัศมีที่สั้นกว่า UVA แต่เป็นรังสีที่มีพลังงานสูงกว่า สามารถทะลุเข้าถึงผิวหนังชั้นกำพร้าได้เท่านั้น
  • UVB เป็นรังสีที่ไม่สามารถทะลุเข้าผ่านกระจกบนอาคารได้
  • UVB ก่อให้เกิด ผิวไหม้แดด เป็นรอยคล้ำดำบางบริเวณที่ถูกอาบรังสีชนิดมากเกินไปและอาจส่งผล DNA ใต้หนังกำพร้าแปรสภาพเป็นเซลล์มะเร็งผิวหนังในอนาค

UVA UVB คือรังสีที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่สภาพผิวของมนุษย์ หากได้รับ 2 ชนิดรังสีนี้มากเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะผิวเสื่อมโทรมในระยะยาวได้โดยสภาพอาการที่ก่อให้เกิดโรคผิวหนังจากรังสี UVA UVB อันตราย แบ่งเป็น 5 ชนิดได้แก่

ภาวะ ใบ หน้าหมองคล้ำ มีจุดด่างดำตามจุดบนผิว และสร้างรอยเลือดดำลักษณะใยแมมมุม ตามจุดของใบหน้าที่ได้รับรังสี UVA UVB มากที่สุด

uva uvb คือสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคผิวหนัง

ภาวะรังสี UVA UVB อันตรายที่ทำปฎิกิริยากับเครื่องสำอางบนใบหน้าและครีมกันแดดประเภทจากสารสกัดธรรมชาติและสารเคมีบางชนิด ทำให้เกิดอาการระคายเคืองบนผิว ส่วนผสมสมซึมซับในรูขุมขนแล้วเกิดเป็นสิวผดตามบริเวณหน้า

uva uvb คือสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคผิวหนัง

ภาวะรับรังสี UVB ที่มากเกินไปจนสภาพผิวหนังชั้นกำพร้าไหม้เกรียม ผิวแดงแสบร้อนอับเสบ

uva uvb คือสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคผิวหนัง

ภาวะผู้ป่วยที่แพ้แสงแดด UVA UVB ได้ง่าย เป็นตัวกระตุ้นสารไม่สมดุล Oxidative Stress ในเซลล์ผิวให้เสียหาย และนำไปสู่โรคมะเร็งผิวหนัง

uva uvb คือสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคผิวหนัง

ภาวะการเกิดผิวหนังเยื่อบุจนเป็นเนื้อร้าย ส่วนใหญ่ชนิดมะเร็งที่พบเจอเป็นประเภท Basal cell Carcinoma (BCC) เป็นลักษณะเนื้อผิวหนังนูนสีชมพูใส มีความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการรุกลามไปยังร่างกายตามส่วนสำคัญต่างๆ อย่างบริเวณหนังศีรษะได้

uva uvb คือสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคผิวหนัง

อันตรายของรังสียูวีเอ UVA

รังสี UVA คือรังสีที่สามารถทะลุเข้าสู่ชั้นผิวกำพร้าจนถึงชั้นผิวหนังแท้ ที่เป็นปัจจัยในการส่งผลกระทบต่อสภาพผิวหนังเสื่อมโทรมในระยะยาว โดยกระบวนการเริ่มต้นของรังสี UVA เข้าสู่การทำลายเซลล์บนผิวนั้นเป็นตัวกระตุ้นสารไม่สมดุล Oxidative Stress ในเซลล์ผิวเสียหาย ส่งผลให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย และเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังได้

อันตรายของรังสียูวีบี UVB

รังสี UVB คือรังสีที่ไม่สามารถทะลุเข้าสู่ชั้นผิวหนังแท้ได้โดยตรง ในกรณีที่บริเวณของหนังชั้นกำพร้าได้รับอัตราความเข้มข้นของคลื่นพลังงานจากรังสี UVB เป็นระยะเวลานานเกินไป รังสี UVB จะส่งผลให้สภาพผิวชั้นบนแปรสภาพเป็นเนื้อผิวไหม้แดดในระยะสั้น เมื่อตัวผิวออกจากรัศมีของรังสี UVB ไปซักระยะ ผิวที่โดนคลื่นพลังงานจะค่อยๆปรับสภาพแล้วลอกผิวหนังที่ไหม้หลุดออกไปในภายหลัง

ผิวของเรามีกลไกอย่างไร เมื่อเผชิญกับแสงแดด

UVA UVB คือรังสีจากแสงแดดธรรมชาติที่ช่วยให้ผิวได้รับวิตามินจากแสงแดดอ่อนๆในยามช่วงเช้า โดยเฉพาะ UVB เท่านั้น แต่หากอาบแสงแดดมากเกิน 10-15 นาทีเป็นต้นไป ผิวจะทำการปรับสภาพจากเม็ดสีใต้ผิวเป็นผิวแทนเพื่อลดอัตราการเผาไหม้บนผิว อีกทั้งชั้นผิวหนังกำพร้าจะหนาและแข็งขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้รังสี UVA UVB อันตรายทะลุเข้าถึงชั้นหนังแท้มากที่สุด และลดสภาวะ Oxidative Stress ในการกระตุ้น DNA ที่ก่อให้เกิดความเสียหายใต้ผิวหนัง

การป้องกันแสงแดด 3 แบบในชีวิตประจำวันจากรังสี UVA UVB คือ

สวมใส่เสื้อผ้ามิดชิด ป้องกันแสงแดด

สวมใส่เสื้อผ้าสีเข้ม และหนา ในการกันรังสี UVA UVB ไม่ให้กระทบผิวหนังชั้นบนมากที่สุด หรือสวมใส่เสื้อผ้ากรองแสง UV แบบพิเศษในการป้องกันรังสี UVA UVB ในระยะรัศมีต่างๆได้ทุกส่วนของผิว

หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดเป็นเวลานาน

ควรหลีกเลี่ยงการตากแดดในช่วงเวลา 10.00-16.00 น. เพราะเวลาที่กล่าวมานั้นเป็นช่วงเวลาที่แสงแดดแผ่รังสี UVA และ UVB ที่มีมวลพลังงานเข้มข้นสูง หากผิวได้รับการตากแดดในช่วงเวลานั้น จะทำให้สภาพผิวผลิตสาร Oxidative Stress ในการกระตุ้น DNA ให้เกิดความเสียหายต่อผิวหนังได้

หมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน

หากจะออกไปข้างนอก และต้องอยู่ในที่มีแสงแดดจ้าที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรทาครีมกันแดดที่มีสูตรป้องกันจากรังสี UVA UVB PA+++ เข้มข้นก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง โดย ค่า pa คือ ค่าระดับความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UVA ซึ่งหลังจากทาครีมกันแดดป้องกันรังสี UVA และ UVB จากการทำกิจกรรมช่วงกลางวันแล้ว ควรทำความสะอาดผิวให้หมดจด เพื่อหลีกเลี่ยงการอุดตันใต้ผิวหนังจากตัวเนื้อครีมกันแดดในภายหลัง

วิธีป้องกันผิวเสียจากรังสี uva uvb

ครีมกันแดด UVA UVB คือสารสกัดจากธรรมชาติและสารเคมีบางชนิดที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสียูวีโดยเฉพาะ โดยวิธีเลือกครีมกันแดดที่ใช่กับผิวนั้นมีวิธีการเลือกครีมกันแดด UVA UVB 3 ขั้นตอนด้วยกัน

เลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิว

  • ผิวแห้ง เหมาะกับครีมกันแดด UVA UVB ประเภทเนื้อครีมเป็นหลักที่มีส่วนผสมของสารเซราไมด์ที่มีคุณสมบัติช่วยเติมความชุ่มชื้นและน้ำใต้ผิวได้นานยิ่งขึ้น และควรหลีกเลี่ยงการใช้กันแดด UVA UVB ที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ในการใช้งาน เพื่อไม่ให้เกิดผิวหยาบแห้งและกร้านต่อมา
  • ผิวแพ้ง่าย เหมาะกับครีมกันแดด UVA UVB ประเภทเนื้อเจลแบบครีม แบบใส หรือเนื้อโลชั่นที่ใช้ส่วนผสมาจากสารสกัดจากธรรมชาติ มีคุณสมบัติในการซึมซับบนผิวได้ง่าย ไม่เหนียวเหนอหนะ และควรหลีกเลี่ยงการใช้กันแดดUVA UVB ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ และสารเคมีเป็นส่วนประกอบของกันแดด เพื่อลดความเสี่ยงของสารเคมีซึมซับผิวหนังที่อาจทำให้ เกิดการระคายเคืองผิวได้
  • ผิวผสม-ผิวมัน เหมาะกับครีมกันแดด UVA UVB ประเภทเนื้อบางเบาอย่างเนื้อเจลหรือเนื้อเหลวสูตรควบคุมความมัน ที่เกลี่ยง่ายและซึมซาบเร็ว ไม่ทำให้อุดตันรูขุมขน

เลือกครีมกันแดดที่กันน้ำ กันเหงื่อได้

การใช้ครีมกันแดดกันน้ำ กันเหงื่อ จะช่วยให้เนื้อครีมสามารถซึบซับและครอบคลุมสภาพผิวได้ทุกสภาพจากการทำกิจกรรมทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมประเภท กลางแจ้ง และการกีฬา

เลือกครีมกันแดดที่มีส่วนผสมจำเป็น ปริมาณพอเหมาะ

  • สารเคมี เช่น ออกซีเบนโซน (Oxybenzone) และ ออกติโนเซต (Octinoxate) เป็นสารเคมีที่ช่วยป้องกันรังสี UVA เข้าลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ได้ดีเยี่ยม แต่ในขณะเดียวกันสองสารนี้สามารถทำปฎิกิริยาระคายเคืองแก่กับผิวหนังชั้นบนเป็นลักษณะผื่นแดงได้
  • สารสกัดจากธรรมชาติ เช่น สาร ไทเทเนียมไดออกไซต์ และ ซิงค์ออกไซต์ เป็นส่วนผสมที่ช่วยบล็อคสาร UVA UVB สะท้อนกลับไป แต่ด้วยเนื้อครีมจาก2ชนิดนี้เป็นเนื้อครีมที่ชอบทิ้งคราบขาวบนผิวไว้ มีโอกาสสูงที่คราบขาวนี้ซึมซับเกาะกลุ่มในรูขุมขนและอุดตันในช่วงหลัง หากไม่ล้างน้ำสลัดออกจากคราบขาวให้เรียบร้อย
เลือกครีมกันแดดอย่างไร ให้ปกป้องรังสี uva uvb

การเลือกครีมกันแดด ที่เข้าใจผิดๆ คือ การเลือกซื้อกันแดด uva uvb ที่มีคุณสมบัติ SPF สูง เพราะ spf คือ อัตราในการบล็อครังสีชนิด UVB เท่านั้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ผิวที่ถูกทากันแดดที่มีค่า SPF สูง ไม่สามารถทำกลไกลการป้องกันจากรังสี UVA ในรังสีช่วงยามกลางวันได้อย่างเป็นธรรมชาติ หากปล่อยปัญหาทิ้งไว้จะทำให้ผิวไม่สามารถปรับตัวกับแสงแดดในอนาคตและเกิดสภาวะ Oxidative Stress สะสมและอาจ กระตุ้น DNA ใต้ผิวลายเซลล์ชั้นผิวหนังแท้จนลามไปถึงหนังกำพร้าได้

ดังนั้นการเลือกใช้กันแดด อย่างมีประสิทธิภาพควรเลือกครีมกันแดดที่สามารถป้องกันรังสี UVA จาก 1 ใน 3 ของการป้องกันรังสี UVB อีกด้วย พร้อมหลีกเลี่ยงการใช้สารกันแดดที่มีส่วนผสมที่ทำผิวหนังแพ้และระคายเคืองอีกด้วย และควรเลือกใช้กันแดด uva uvb ที่มีส่วนประกอบสารต่างๆที่พอดีและสามารถใช้ได้ในระยะยาวโดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ

uva uvb การเลือกใช้ครีมกันแดด

นวัตกรรมจากไบโอเดอร์มา “SUN ACTIVE DEFENSE”

BIODERMA ได้เห็นความสำคัญของกลไกลการปรับสภาพผิวมนุษย์อย่างเป็นธรรมชาติ โดยได้ร่วมกับทีมแพทย์ผิวหนังและนักวิทยาแสงโดยเฉพาะ ในการคิดค้นสูตรครีมทากันแดดที่มีคุณสมบัติในการป้องกันรังสียูวีทุกชนิด ‘SUN ACTIVE DEFENSE’ และรวบรวม UV filtter ปริมาณน้อย เจาะจงการเน้นย้ำประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA UVB อย่างเข้มข้น พร้อมเป็นครีมที่มีสารประกอบในการป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระบนผิว ทำให้สุขภาพผิวแข็งแรง ช่วยจัดการปัญหาจุดด่างดำ และริ้วรอยก่อนวัย

BIODERMA ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ยูวีฟิลเตอร์

เราคำนึงการเลือกใส่ UV Filter ที่เหมาะสำหรับการป้องกันรังสี UVA UVB แค่ 8 ฟิลเตอร์เท่านั้น (จาก 32 ฟิลเตอร์ที่ได้รับอนุญาตโดยสหภาพยุโรป) โดยมีคุณสมบัติที่อ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแพ้ง่าย ไร้สารตกค้างและเปฺ็นฟิลเตอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 

ผิวสุขภาพดี แม้เผชิญกับแสงแดด

SUN ACTIVE DEFENSE เป็นนวัตกรรมที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ไลน์ Photoderm ของ BIODERMA ทุกผลิตภัณฑ์

PHOTODERM จึงเป็นแบรนด์ที่มุ่งเน้นการผลิตครีมกันแดดที่ลดสภาวะ Oxidative Stress ควบคู่ไปกับกลไกการทำงานของผิวตามธรรมชาติ

Bioderma Photoderm ปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB

Bioderma Photoderm Max Aquafluide SPF 50+

หากคุณมีผิวธรรมดา ผิวแพ้ง่าย หรือผิวแห้ง ขอแนะนำ Bioderma Photoderm Max Aquafluide SPF 50+

Bioderma Photoderm Max Aquafluide

ครีมกันแดด UVA UVA สูตรน้ำนมเนื้อครีมเกลี่ยง่าย สบายผิว ไม่เหนอะหนะ ไม่ทำให้อุดตัน ป้องกันทั้งรังสี UVA UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว

  • มีสาร SPF50+ ที่ช่วยปกป้องผิวได้สูงจากรังสี UVB สูง ที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ ไหม้แดด และมีค่า PA++++ ที่ช่วยป้องกันผิวจากรังสี UVA ตัวการทำร้ายผิวให้เสื่อมสภาพ และเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร
  • นวัตกรรม Sun Active Defense
    • เทคโนโลยีป้องกันยูวีระดับสูง ช่วยในการขจัดจุดด่างดำบนใบหน้า และริ้วรอยต่างๆก่อนวัย ที่เกิดจากแสงแดด
    • UV filter ประสิทธิภาพสูง แต่อ่อนโยนต่อผิว ช่วยป้องกันผิวไหม้จาก UVB และฟิลเตอร์นี้ยังไม่ตกค้างสะสมในสิ่งแวดล้อมด้วย
  • ช่วยป้องกันผิวจากรังสี uva uvb ในระยะเวลานานถึง 8 ชั่วโมง ผิวไม่หมอง และกระจ่างใส แม้อยู่ท่ามกลาง แสงแดด ตลอดทั้งวัน
  • เป็นครีมกันแดดที่ได้รับการทดสอบด้วยมาตรฐานแพทย์ผิวหนังระดับสากลว่าอ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย
  • ผลิตภัณฑ์นี้สามารถใช้ได้ตั้งแต่อายุ 13 ปีขึ้นไป
  • มีคุณสมบัติกันเหงื่อ คงตัวอย่างสม่ำเสมอ ทาแล้วหน้าไม่วอก ไม่ลอย ไม่เป็นคราบขาว หลังใช้ และสามารถทาร่วมกับกับการแต่งหน้าได้
  • ไร้ส่วนผสมของพาราเบน และน้ำหอม
  • OCEAN CARE ใส่ใจสิ่งมีชีวิตในทะเล ไม่ตกค้างในน้ำ รับรองการผ่านจากทดสอบมาตรฐานสากลแล้วว่า เป็นครีมกันแดด uva uvb ที่ไม่ทำร้ายสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล ไม่ว่าจะเป็น ปะการัง แพลงตอน สาหร่ายทะเล และสิ่งมีชีวิตทั้งใน ทะเล แม่น้ำ ทะเลสาบ ในการลดสภาวะมลพิษทางน้ำแบบเต็มรูปแบบ
  • มีสิทธิบัตร DAFTM complex (Dermatological Advanced Formulation) ที่ส่งเสริมบุคคลที่มีสภาวะผิวแพ้ง่าย ให้แข็งแรง ต้านทานต่อมลภาวะได้ดีขึ้น

 

Bioderma Photoderm Cover Touch SPF 50+

หากคุณมีผิวผสม หน้ามัน และมีรอยสิว ขอแนะนำครีมกันแดดสีเนื้อสูตร 100% มิเนอรัล Bioderma Photoderm Cover Touch

Bioderma Photoderm Cover Touch SPF 50+

ครีมกันแดด UVA UVB แบบสีเนื้อ สูตร 100% mineral ที่มีพลังป้องกันรังสียูวีสูง สามารถ

ปกปิดริ้วรอยให้เรียบเนียน คุมความมันยาวนาน 8 ชั่วโมง ไม่ทำให้ผิวอุดตัน

กันแดด UVA UVB สำหรับผิวผสม – ผิวมัน มีรอยสิว แพ้ระคายเคืองง่าย ใช้ได้ตั้งแต่อายุ 10 ปีขึ้นไป

  • นวัตกรรม Sun Active Defense
    • เทคโนโลยีป้องกันยูวีระดับสูง ช่วยในการขจัดจุดด่างดำบนใบหน้า และริ้วรอยต่างๆก่อนวัย ที่เกิดจากแสงแดด
    • UV filter ประสิทธิภาพสูง แต่อ่อนโยนต่อผิว ช่วยป้องกันผิวไหม้จาก UVB และฟิลเตอร์นี้ยังไม่ตกค้างสะสมในสิ่งแวดล้อมด้วย
  • ด้วยสิทธิบัตร FLUIDACTIV™ ที่ช่วยปรับคุณภาพซีบัม และลดปริมาณการหลั่งซีบัม ที่สร้างความมันบนใบหน้าได้เต็มที่
  • ป้องกันรังสี UVA/UVB visible light รวมทั้งแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์ดิจิตอล
  • เม็ดสีมิเนอรัล ที่อ่อนโยนต่อผิว ปกปิดรอยสิวได้เรียบเนียน สูงถึง 81% ยาวนานทั้งวัน (8 ชั่วโมง)1
  • เนิ้อผิวแมตต์ คุณสมบัติ คุมมัน ได้ยาวนานถึง 8 ชั่วโมง
  • ไม่อุดตันต่อผิว ลดสิว non comedogenic, non acnegenic
  • คุณสมบัติ กันเหงื่อ ทนความร้อน ทนความชื้น ได้มีประสิทธิภาพแม้อากาศร้อนก็ยังคุมความชื้นได้อย่างดี
  • เป็นกันแดด UVA UVB ที่ไม่ระคายเคืองต่อดวงตา
  • ไม่ใส่น้ำหอม
  • OCEAN CARE ใส่ใจสิ่งมีชีวิตในทะเล ไม่ตกค้างในน้ำ รับรองการผ่านจากทดสอบมาตรฐานสากลแล้วว่า เป็นครีมกันแดด uva uvb ที่ไม่ทำร้ายสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล ไม่ว่าจะเป็น ปะการัง แพลงตอน สาหร่ายทะเล และสิ่งมีชีวิตทั้งใน ทะเล แม่น้ำ ทะเลสาบ ในการลดสภาวะมลพิษทางน้ำแบบเต็มรูปแบบ

 

photoderm cover touch

1Usage test under dermatological control (31 subject with combination to oily skin, 28 days), Portugal, July 2019

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโฟโตเดิร์ม

ปกป้องผิวจากแสงแดด

ผิวแพ้ง่ายที่ต้องเผชิญกับแสงแดด

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโฟโตเดิร์ม (Photoderm)

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโฟโตเดิร์ม

คุณกำลังมองหาครีมกันแดดประสิทธิภาพสูงสำหรับผิวของคุณอยู่หรือเปล่า

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโฟโตเดิร์ม (Photoderm) คือผลิตภัณฑ์กันแดดครบวงจรสำหรับทุกสภาพผิวรวมถึงผิวที่มีความไวต่อแสงแดด  โดยมีทั้งผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดสำหรับผิวที่ไวต่อสิ่งกระตุ้นอย่างแสงแดดหรือสารเคมีผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดสำหรับผิวแพ้ง่าย และผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดสำหรับผิวมันถึงผิวเป็นสิวง่ายโดยเฉพาะ