วิธีการดูแลผิว
มาดูต้นตอการเกิดรอยดำ รอยแดงจากสิว และวิธีลดเลือนรอยสิวฉบับเร่งด่วน
รู้จักกับสาเหตุที่ทำให้เกิดรอยดำ รอยแดงที่จากสิว พร้อมกับลักษณะที่ต่างกันของทั้งสองรอยนี้ เพื่อทำความเข้าใจ จะได้ป้องกันและเพื่อลดรอยดำ รอยแดงไม่ให้เกิดซ้ำอีก
วิธีการดูแลผิว
รู้จักกับสาเหตุที่ทำให้เกิดรอยดำ รอยแดงที่จากสิว พร้อมกับลักษณะที่ต่างกันของทั้งสองรอยนี้ เพื่อทำความเข้าใจ จะได้ป้องกันและเพื่อลดรอยดำ รอยแดงไม่ให้เกิดซ้ำอีก
การเกิดสิวอาจเป็นปัญหาผิวที่น่ากังวลตั้งแต่ช่วงที่เริ่มเกิดสิว ช่วงรักษาสิว ไปจนถึงหลังสิวยุบ เนื่องจากสิวบางประเภทแม้ว่าจะหายแล้วก็อาจทิ้งรอยสิวหลงเหลือไว้ในภายหลังได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิวอักเสบหรือสิวที่มีขนาดใหญ่ อาทิ สิวหัวช้าง
รอยสิวมีได้ทั้งรอยดำและรอยแดงจากสิว ซึ่งมีสาเหตุการเกิดที่แตกต่างกัน ถึงแม้ว่ารอยสิวสามารถจางหายได้เองตามกระบวนการการรักษาแผลของผิว ก็อาจใช้เวลานานหลายเดือนและไม่ทันใจ กว่ารอยสิวเดิมจะหายก็อาจมีสิวขึ้นเพิ่มและมีรอยสิวใหม่เพิ่มมาอีกด้วย การดูแลสิวด้วยความระมัดระวังเพื่อป้องกันการเกิดรอยสิวและอย่างเร่งด่วนให้จางเร็วขึ้น จะช่วยดูแลผิวหน้าให้กระจ่างใสไร้รอยสิวได้
แม้รอยดำ และรอยแดงจากสิวจะสร้างความกังวลใจเหมือนกัน แต่ทั้ง 2 รอยนี้ กลับมีสาเหตุที่ทำให้เกิดขึ้นรอยต่างกัน ดังนี้
รอยแดง เป็นรอยที่เกิดจากการอักเสบของสิว เกิดได้ทั้งตอนที่เป็นสิวอยู่ และหลังจากสิวหายแล้ว จากกลไกของผิวหนังที่ทำการซ่อมแซมฟื้นฟูตนเองจากการลำเลียงเลือดไปยังผิวที่อักเสบ ทำให้หลอดเลือดใต้ผิวหนังมีการขยายตัว แล้วบวมคั่งอยู่ตรงส่วนที่เป็นสิว เกิดเป็นรอยที่มีสีชมพู สีม่วง สีแดง ซึ่งรอยแดงนี้สามารถหายไปเองตามธรรมชาติได้ แต่ต้องใช้เวลา ซึ่งสามารถรักษาให้หายเร็วขึ้นได้ด้วยวิธีที่ถูกต้อง มิเช่นนั้นอาจกลายเป็นรอยแดงถาวรได้
รอยดำจะต่างจากรอยแดงตรงที่พฤติกรรมจากการบีบ แคะ แกะสิว จึงเป็นการกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังผลิตเมลานินออกมามากเกินไป ผิวบริเวณนั้นจึงมีสีเข้มมากกว่าปกติ กลายเป็นสีอื่น เช่น สีแทน สีน้ำตาล สีเทา และสีดำ ซึ่งหากเจอแสงแดด จะทำให้รอยดำจากสิวนี้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ใช้เวลาในการรักษาที่นานกว่า
มาดู 9 วิธีกำจัดรอยดำ รอยแดงจากสิว ที่ได้ประสิทธิภาพ ให้ใบหน้ากลับมาเรียบเนียน สวยใสเหมือนเดิม โดยสามารถทำได้ดังนี้
สิวอุดตันซึ่งเป็นปัญหาหลักในการเกิดรอยดำ รอยแดงจากสิวสามารถป้องกันได้ด้วยการทำความสะอาดผิวหน้าเพื่อลดโอกาสการเกิดการอุดตันในรูขุมขน หลีกเลี่ยงการเกิดสิวซึ่งอาจทิ้งรอยสิวในภายหลังได้ ผิวหน้าที่สะอาดยังลดโอกาสการเกิดความระคายเคืองของสิว และลดแนวโน้มการเกิดการอักเสบได้อีกด้วย เนื่องจากสิวบางชนิด เช่น สิวไม่มีหัว สามารถหายได้โดยไม่มีการอักเสบของสิว หากดูแลผิวให้สะอาดและใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลผิวเป็นสิว ก็จะช่วยให้แนวโน้มการเกิดรอยสิวลดลงได้
การปกป้องผิวจากแสงแดดเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกเพศทุกวัยไม่ว่าจะมีรอยดำ รอยแดงจากสิวหรือไม่ก็ตาม เพราะแสงแดดมีรังสียูวีที่ทำร้ายผิว ทั้งเร่งการแก่ตัวของผิว และกระตุ้นการผลิตเซลล์เม็ดสีในชั้นผิวหนัง เกิดเป็นฝ้า หรือเป็นทั้ง ฝ้ากระจุดด่างดำ รวมถึงกระตุ้นให้รอยดำและรอยแดงจากสิวมีสีเข้มขึ้นได้
การสวมใส่เสื้อผ้าและใช้อุปกรณ์เพื่อป้องกันผิวจากแสงแดด ทั้ง ครีมกันแดด เสื้อกันแดด ร่มกันแสงยูวี และหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง สามารถช่วยป้องกันผิวจากแสงแดดได้ การทาครีมกันแดดเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ เนื่องจากการอยู่ในตัวอาคารเองก็ยังมีแสงยูวีจากหลอดไฟและหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือซึ่งสามารถทำร้ายผิวได้ การทาครีมกันแดดที่มีส่วนช่วยในการปกป้องผิวจากแสงยูวีจะชะลอการเสื่อมสภาพของผิว และช่วยลดการผลิตเม็ดสี ช่วยให้รอยแดงรอยดำไม่เข้มกว่าเดิมด้วย
ครีมกันแดดที่ได้รับมาตรฐานระดับโลกอย่าง Bioderma Photoderm Aquafluide เป็นครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50+ PA++++ มีเนื้อบางเบาสามารถใช้ได้ทุกวัน ไม่เยิ้ม ไม่ทำให้ผิวเหนอะหนะ สามารถใช้เป็นกันแดดเติมระหว่างวันได้ และมี Sun Active Defense ที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยป้องแสงแดดอันเป็นต้นเหตุของรอยดำ รอยแดงจากสิว ทำให้กระบวนการการลดเลือนรอยสิวเป็นไปได้อย่างราบรื่น
หรือครีมกันแดด Bioderma Photoderm Cover Touch สำหรับผิวที่ต้องการการปกปิดมากเป็นพิเศษด้วยครีมกันแดดสีเนื้อ ทาแล้วช่วยทำให้ผิวแมตต์เรียบเนียน เหมาะกับผู้ที่มีผิวผสม หน้ามัน เป็นสิวง่าย มีปัญหาจุดด่างดำบนใบหน้า เป็นครีมกันแดดสูตรมิเนอรัล 100% ช่วยลดโอกาสการเกิดสิวอุดตัน และลดโอกาสการเกิดสิวอีกด้วย อีกทั้งยังมี SPF 50+ ช่วยป้องกันรังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ และครีมกันแดดยังมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ตกค้างสะสมหรือส่งผลกระทบต่อธรรมชาติแต่อย่างใด
การฝึกนิสัยไม่สัมผัสบริเวณที่เป็นสิวจะช่วยลดโอกาสการเกิดการอักเสบของสิวได้ รวมไปถึงเป็นการรักษาสิวและการลดสิวในระยะยาวได้อีกด้วย การบีบสิวหรือกดสิวมักทำให้ผิวเกิดความระคายเคืองและเพิ่มแนวโน้มการเกิดการอักเสบซึ่งอาจทำให้สิวหายช้ากว่าเดิม ดังนั้นไม่ควรบีบสิวหรือกดสิว เลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่เป็นสิว เพื่อให้ผิวในบริเวณดังกล่าวฟื้นฟูได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
การผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนเป็นการช่วยเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ เมื่อผิวชั้นนอกค่อยๆลอกออกไปจะมีการสร้างชั้นผิวขึ้นมาใหม่ ทำให้รอยดำและรอยแดงจากสิวที่อยู่ผิวชั้นนอกค่อยๆ หลุดลอกไปได้อย่างอ่อนโยน ทำให้รอยดำ รอบแดงดีขึ้น
การทำความสะอาดหน้าให้สะอาดเป็นหนึ่งในวิธีการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน โดยเริ่มจากการใช้คลีนซิ่งและเจลล้างหน้า จะช่วยทำความสะอาดใบหน้าและชำระล้างเซลล์ผิวเก่าที่หลุดลอกไม่ให้อุดตันอยู่ในรูขุมขน โดย Bioderma Sebium Gel Moussant ซึ่งเป็นเจลล้างหน้าสูตรสำหรับผิวเป็นสิวที่มี Copper Zinc Complex ช่วยลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดสิว อีกทั้งยังช่วยลดความมันส่วนเกิน ปราศจากแอลกอฮอล์และพาราเบน ช่วยลดโอกาสการเกิดการอุดตัน ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยหลักในการเกิดสิวได้อีกด้วย
การผลัดเซลล์ผิวไม่จำเป็นจะต้องใช้สครับผิวเสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีผิวบางเพราะสครับที่เป็นเม็ดแม้จะเป็นเม็ดบีดที่มีขนาดเล็กก็อาจจะบาดผิวหน้าและก่อให้เกิดความระคายเคืองได้ การเช็ดหน้าด้วยสำลีเป็นการกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวโดยธรรมชาติที่ถนอมผิว เมื่อใช้สำลีคู่กับโทนเนอร์หรือผลิตภัณฑ์น้ำตบบำรุงผิวอย่าง Bioderma Sebium Lotion เพื่อช่วยปกป้องสมดุล pH ของผิว มีส่วนผสมของกลีเซอรีนช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น แต่ยังคงความอ่อนโยนกับผิว และด้วย FluidactivTM Patent ช่วยปรับน้ำมันบนผิว และลดโอกาสการอุดตัน ที่ทำให้เกิดสิวได้เป็นอย่างดี สามารถใช้ได้หลังการใช้เจลล้างหน้าเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
การบำบัดด้วยความเย็นช่วยทำให้ผิวมีความตึงเครียดน้อยลง ทำให้เส้นเลือดหดตัว ลดอาการบวมแดง ลดการระคายเคืองและลดแนวโน้มการเกิดการอักเสบของผิวได้ แต่การบำบัดด้วยความเย็นควรระมัดระวังเรื่องความสะอาดและอุณหภูมิเนื่องจากมีหลากหลายวิธี หากเลือกการบำบัดด้วยความเย็นด้วยตัวเองที่บ้านแต่ไม่มีอุปกรณ์ที่เหมาะสมอาจก่อให้มีสิ่งสกปรกตกค้างในรูขุมขน ทำให้รูขุมขนกว้าง หรือทำให้ผิวระคายเคืองกว่าเดิมด้วยอุณหภูมิที่เย็นเกินไปได้
เมโสหน้าใส หรือ Mesotherapy เป็นหัตถการที่ใช้วิตามินนำมาฉีดเข้าไปในผิวหนังชั้นกลาง เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน อีลาสติน รวมถึงเนื้อเยื่อต่างๆ ให้ผิวมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น และกระชับมากขึ้น จึงทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส มีความชุ่มชื้น รวมถึงลดการอักเสบของผิวได้ จึงช่วยรักษารอยแดงจากสิวอย่างเร่งด่วน
การรักษารอยดำ รอยแดงจากสิวแบบเร่งด่วน ไม่ได้มีแต่การรักษาภายนอก แต่การบำรุงจากภายในด้วยการกินวิตามินเสริมก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยบำรุงผิวได้เช่นกัน ดังนี้
เพื่อให้รอยดำ รอยแดงจากสิวหมดไปจากใบหน้า ควรเลือกใช้เซรั่มที่สามารถช่วยขจัดรอยสิวได้ รวมถึงยังลดโอกาสเกิดสิว ที่มีส่วนผสมของ Salicylic Acid, Acetyl Glucosamine และ Hyaluronic acid อย่าง Sébium Serum ที่อ่อนโยนต่อผิว ช่วยทำให้รอยดำ รอยแดงจากสิวแลดูลดลง เพราะมีกรดซาลิไซลิกที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป เผยผิวใหม่ที่ดูเรียบเนียนยิ่งขึ้น
การเลเซอร์รอยสิวควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากแสงเลเซอร์เป็นแสงที่มีความเข้มข้นสูง มีความอันตรายเป็นอย่างยิ่ง การเลเซอร์รอยสิวเป็นการรักษาเฉพาะจุด ที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการการรักษาในระยะเวลาสั้น แต่มีราคาที่สูงกว่าการรักษาแบบอื่นๆ และยังมีผลกระทบให้ผิวมีความบอบบาง และไวต่อแสง หากปล่อยให้ผิวบริเวณที่เลเซอร์ถูกกับแสงแดด อาจทำให้เกิดรอยดำจากสิวที่ชัดกว่าเดิมได้
หลังจากรู้สาเหตุ และวิธีรักษาต่างๆ แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดรอยสิวขึ้นได้อีก มาดูกันว่าจะสามารถป้องกันอย่างไรได้บ้าง
ควรหลีกเลี่ยงการบีบ กด แคะ หรือแกะสิว เพราะจะทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดการอักเสบจากการถูกกระตุ้นได้ กลายเป็นรอยดำ รอยแดงจากสิวในภายหลัง หรือไม่อย่างนั้นอาจเกิดสิวในบริเวณใกล้เคียง จนเป็นสิวเพิ่มขึ้น รวมถึงนิ้วมือ และซอกเล็บอาจมีสิ่งสกปรกที่เป็นเชื้อโรค เมื่อไปสัมผัสผิวหนังที่เป็นสิวอาจจะทำให้ติดเชื้อได้อีกด้วย
สำหรับการใช้สกินแคร์ ควรเลือกเป็นสกินแคร์ที่เหมาะสมกับผิวของตนเอง เพื่อให้สกินแคร์เข้าไปมีส่วนช่วยฟื้นฟู และบำรุงผิวได้เต็มประสิทธิภาพ เมื่อสุขภาพผิวดีก็ช่วยลดโอกาสเกิดสิว และรอยดำ รอยแดงจากสิวได้ โดยควรเลือกสกินแคร์ที่ไม่ทำให้ผิวอุดตัน มีความอ่อนโยน และต้องไม่ทำให้เกิดการระคายผิว
แสงแดดคือตัวการที่ทำให้ผิวหมองคล้ำได้ เพราะรังสี UV จะไปกระตุ้นการสร้างเมลานินในผิว โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นสิว หากเจอแสงแดดบ่อยๆ อาจทำให้เกิดรอยดำ รอยแดงได้ง่ายขึ้น การหลีกเลี่ยงแสงแดดจึงทำให้ลดโอกาสเกิดรอยดำ รอยแดงจากสิวได้ แต่หากต้องออกนอกบ้านเจอแสงจากดวงอาทิตย์ก็ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 และมี PA+++ เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยให้รอยดำ รอยแดงจากสิวดีขึ้น รวมถึงผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น มะเขือเทศราชินี ผักเคล แตงโม สับปะรด ฝรั่ง เป็นต้น ช่วยลดการอักเสบของผิวหนังได้
ร่างกายที่ขาดน้ำจะทำให้ผิวแห้ง เมื่อผิวแห้งจึงเกิดการผลิตน้ำมันออกมาในจำนวนที่มากขึ้น เป็นเหตุที่ก่อให้เกิดสิว จนอาจมีรอยดำ รอยแดงจากสิวตามมาได้ การดื่มน้ำเปล่าในปริมาณที่เพียงพอในทุกวันจึงส่งผลให้ผิวมีความชุ่มชื้น สุขภาพผิวดีขึ้น ลดโอกาสเกิดสิว นอกจากนี้น้ำยังช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย ช่วยให้ระบบต่างๆ ทำงานได้มีประสิทธิภาพอีกด้วย
รอยแดงเป็นรอยที่เกิดจากการอักเสบของสิว ซึ่งเป็นการซ่อมแซมฟื้นฟูผิวหนังจากการลำเลียงเลือดไปยังผิวที่อักเสบ ทำให้หลอดเลือดใต้ผิวหนังมีการขยายตัว แล้วบวมคั่งอยู่ตรงส่วนที่เป็นสิว ส่วนรอยดำจากสิวเกิดขึ้นในส่วนที่ผิวระคาย หรือมีการอักเสบ จากการบีบ แคะ แกะสิว จึงเป็นการกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังผลิตเมลานินออกมามากเกินไป ผิวบริเวณนั้นจึงมีสีเข้มมากกว่าปกติ กลายเป็นสีอื่น อย่างไรก็ตาม ควรเลือกวิธีรักษารอยดำ รอยแดงจากสิวตามที่ได้กล่าวไปในบทความ รวมถึงควรมีการป้องกันเพื่อไม่ให้มีรอยสิวใหม่อีกครั้ง
สำหรับใครที่อยากรู้ และเข้าใจเรื่องรอยดำ รอยแดงจากสิวให้มากขึ้น ทาง Bioderma ได้นำคำถามที่หลายคนสงสัยมาตอบเพื่อคลายข้อสงสัยเพิ่มเติมให้แล้ว
ขณะมีรอยดำ และรอยแดงจากสิวสามารถสครับผิวได้ แต่ไม่ควรทำบ่อยจนเกินไป ควรทำแค่สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
รอยดำ รอยแดงจากสิว ใช้เวลารักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของรอยที่เป็น บางคนอาจรักษาหายภายในไม่กี่สัปดาห์ บางคนอาจใช้เวลารักษาหลายเดือน ทั้งนี้ควรทำการรักษาอย่างถูกวิธีเพื่อให้รอยดำ รอยแดงจากสิวดีขึ้น
แม้จะรักษารอยดำ และรอยแดงจากสิวจนหายแล้ว แต่ยังสามารถกลับมาเป็นซ้ำอีกได้ สำคัญที่สุดคือการดูแลผิวต่อไปเรื่อยๆ โดยการใช้สกินแคร์ และผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะสมกับผิว รวมถึงทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดอยู่ตลอด เพื่อให้ผิวมีความแข็งแรง ช่วยป้องกันไม่เกิดสิวและรอยสิวอีก