Key Takeaway

  • ผิวแพ้ง่ายคือผิวที่ไวต่อสิ่งกระตุ้น ระคายเคืองง่าย แดง คัน หรือเป็นผื่นได้ง่าย
  • ผิวแพ้ง่ายเกิดจากผิวบอบบางตามธรรมชาติ ฮอร์โมน พันธุกรรม สภาพอากาศ มลภาวะ ใช้สกินแคร์ไม่เหมาะสม และการรักษาทางการแพทย์บางวิธี
  • วิธีเลือกสกินแคร์สำหรับผิวแพ้ง่าย คือเลือกสูตรอ่อนโยน ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ และสารระคายเคือง เติมความชุ่มชื้นให้ผิวแข็งแรง

 



“ผิวแพ้ง่าย ผิวบอบบาง” ปัญหาผิวที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของหลายๆคน ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกระคายเคืองผิว หรือข้อจำกัดในการซื้อสกินแคร์และเครื่องสำอางเนื่องจากกลัวว่าจะมีสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ แต่ผิวแพ้ส่วนผสมเฉพาะในผลิตภัณฑ์นั้นต่างกับการมีผิวแพ้ง่าย การเรียนรู้วิธีสังเกตสภาพผิวตัวเองว่าเป็นผิวแพ้ง่ายหรือไม่ จะช่วยหาวิธีบำรุงผิวให้แข็งแรงได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

ผิวแพ้ง่าย คือผิวที่ไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติ เกิดได้จากปัจจัยภายใน เช่น ฮอร์โมน กรรมพันธุ์ โรคผิวหนัง และปัจจัยภายนอก เช่น สกินแคร์ เครื่องสำอาง มลภาวะ อากาศร้อนหรือเย็นจัด เมื่อระคายเคืองอาจเกิดการอักเสบ มีผื่นแดง คัน แสบ ผิวลอก หรือสิวขึ้น ซึ่งสามารถพบได้ในทุกวัย

อาจเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากภายในร่างกายและสิ่งแวดล้อมภายนอก ซึ่งกระตุ้นให้ผิวระคายเคืองและอักเสบ มาดูกันว่าสาเหตุหลักมีอะไรบ้าง
 

1. ระบบปกป้องผิวตามธรรมชาติอ่อนแอ

ผิวชั้นนอกจะมี Skin Barrier เป็นปราการสำหรับกักเก็บความชุ่มชื้น ไม่ให้ผิวแห้งกร้าน และปกป้องไม่ให้สิ่งแปลกปลอมภายนอกเข้ามาทำร้ายผิวจนเกิดการระคายเคือง หากปราการดังกล่าวอ่อนแอจะส่งผลให้ผิวเกิดการระคายเคือง แสบคัน ผดผื่นขึ้นได้ง่ายมากขึ้น  
 

2. การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด และความวิตกกังวล

การพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างเต็มที่ อาจทำให้ผิวไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ เกิดความแห้งกร้าน หน้าหมองคล้ำ ไม่อิ่มน้ำ ทั้งนี้ยังมีงานวิจัยที่กล่าวผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอสามารถทำให้เกิดสิวได้มากกว่า ผู้ที่นอนพักผ่อนเพียงพอ ดังนั้นควรพักผ่อนให้เพียงพอประมาณ 6-7 ชั่วโมงต่อวัน
 

3. พันธุกรรมและฮอร์โมน

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกายส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานหลายอย่าง หนึ่งในผลกระทบอาจเป็นสภาพผิวโดยรวมที่มีความแห้งกร้านกว่าปกติ 

นอกจากฮอร์โมนแล้วพันธุกรรมยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้มีผิวแห้งง่าย หากคนในครอบครัวมีประวัติผิวแพ้ง่ายจะส่งผลให้คุณมีโอกาสมีปัญหาผิวแพ้ง่ายได้เช่นเดียวกัน บางคนอาจแพ้เหงื่อตัวเองซึ่งเกิดจากการที่เหงื่อไปกระตุ้นให้ผิวเกิดอาการคัน แดง หรือผื่นขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบางอยู่แล้ว
 

4. สภาพอากาศ

สภาพผิวสามารถแปรเปลี่ยนตามสภาพอากาศที่พบเจอในแต่ละวัน เช่น หากอยู่ในฤดูหนาวที่มีความชื้นในอากาศน้อย จะส่งผลผิวก็จะแห้งมากเป็นพิเศษ การที่ผิวแห้งนั้นหมายความว่าผิวของคุณขาดความสมดุลส่งผลทำให้ผิวอ่อนแอ เมื่อผิวอ่อนแอจะสามารถเกิดอาการแพ้ได้ง่ายมากกว่าปกติ ซึ่งในช่วงอากาศหนาว แนะนำให้บำรุงครีมด้วยผลิตภัณฑ์ที่มอบความชุ่มชื้น และช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น
  

5. มลภาวะเป็นพิษต่างๆ 

ฝุ่นในอากาศ PM 2.5  สิ่งสกปรก และมลภาวะต่างๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า สามารถก่อให้เกิดการระคายเคือง อาการผิวแดง แสบคัน หรือผื่นขึ้นได้ นอกจากนี้บางคนอาจมีอาการ แพ้ไรฝุ่นซึ่งเป็นสาเหตุของอาการคันและผื่นแพ้ทางผิวหนัง ยิ่งไปกว่านั้นการสวมมาสก์เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็อาจทำให้เกิดการเสียดสีระหว่างผิวและมาสก์ และมาสก์เองยังเป็นแหล่งสะสมของฝุ่นและสิ่งสกปรกที่ลอยในอากาศ ส่งผลให้เกิดสิว ผดผื่นแพ้บริเวณใบหน้าและคางได้
 

6. สกินแคร์ไม่เหมาะกับผิว

การใช้สกินแคร์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิวอาจก่อให้ผิวระคายเคืองได้ เช่น หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารตึงผิวกับผิวที่มีความตึงอยู่แล้ว อาจเป็นการทำให้ผิวระคายเคืองมากกว่าบำรุงผิว ดังนั้นการเลือกครีมบำรุงผิวที่เข้ากับผิวได้จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการดูแลผิวบอบบาง ซึ่งผิวแพ้ง่ายควรใช้อะไรดี? ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระบุสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ 

เช่น Bioderma ที่พัฒนาสูตรมาสำหรับผิวแพ้ง่ายและบอบบางโดยเฉพาะ อย่าง Bioderma Sensibio Defensive ครีมบำรุงผิวสำหรับผิวแพ้ง่าย ช่วยเสริมเกราะปราการผิวให้ผิวแข็งแรง หรือ Bioderma Sebium Sensitive ครีมบำรุงผิวสำหรับผิวแพ้ง่ายขาดน้ำ สามารถใช้ควบคู่กับยา ลดสิวได้ รวมถึง Bioderma Sebium Pore Refiner ครีมบำรุงผิวเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง ครีมสามารถช่วยกระชับรูขุมขน ลดโอกาสการเกิดสิ่งตกค้างในรูขุมขน ลดปัญหาผิวระคายเคืองได้ และ Bioderma Hydrabio Serum ครีมบำรุงผิวที่เหมาะกับทุกสภาพผิว ช่วยเติมความชุ่มชื้นทันทีและยาวนาน ฟื้นบำรุงให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส
 

7. การรักษาทางการแพทย์บางประเภท

การรักษาทางการแพทย์อย่างการเลเซอร์ ไม่ว่าจะเป็นเลเซอร์ฝ้าหรือเลเซอร์สิว ส่งผลให้ผิวมีความบอบบางและไวต่อสิ่งรอบข้างมากขึ้นได้ นอกจากนี้การรับประทานยาบางชนิด อาจส่งผลให้ผิวบอบบาง แพ้ง่าย เกิดการระคายเคือง และไวต่อแสงมากขึ้น ซึ่งล้วนแต่เป็นผลจากการรักษาทางการแพทย์บางประเภท

ผลิตภัณฑ์บางตัว เช่น ครีมกันแดด เจลล้างหน้า และเครื่องสำอางอาจใส่สารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองสำหรับผิวแพ้ง่าย ผิวบาง และผิวบอบบาง ก่อนการซื้อสินค้าต่างๆควรดูส่วนประกอบก่อนว่ามีส่วนผสมที่ผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยงหรือไม่
 

น้ำหอม 

น้ำหอมมักเป็นส่วนประกอบของสกินแคร์เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีกลิ่นหอม ชวนให้น่าใช้ แต่มีหลายคนที่แพ้ผิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมส่วนใหญ่มักแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม หรือการใช้น้ำมันหอมระเหยเพื่อเป็นกลิ่น อาจทำให้ผู้ใช้บางคนผิวแห้งหรือระคายเคืองต่อส่วนผสมดังกล่าวได้
 

สารพาราเบน

พาราเบนเป็นสารกันบูดที่มักพบได้ทั่วไป แต่การใช้พาราเบนในปริมาณที่มากอาจทำให้ร่างกายเกิดความระคายเคืองเนื่องจากพาราเบนส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนโดยเฉพาะผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงพาราเบนเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าพาราเบนชนิดที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจำวันจะอยู่ในปริมาณที่ปลอดภัยไม่เป็นอันตรายต่อผิว ก็ควรสังเกตผิวว่ามีการตอบสนองต่อพาราเบนอย่างไร หากมีอาการแดง เป็นผื่น ควรหยุดใช้ทันที
 

เม็ดสครับ

สครับชนิดเม็ดมักทำมาจากส่วนผสมธรรมชาติ อย่างน้ำตาล กากกาแฟ แต่เม็ดสครับเหล่านี้ก็มีขนาดที่ใหญ่และมักมีเนื้อที่ค่อนข้างหยาบเกินไปสำหรับผิว อาจบาดผิวหรือทำให้ผิวแสบ แดงเห่อ มีผื่นคัน เป็นปฏิกิริยาตอบสนองเนื่องจากเม็ดสครับมีความระคายผิว สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่าย ควรพิจารณาการใช้กรด AHA BHA เพื่อผลัดเซลล์ผิวแทนการใช้เม็ดสครับได้

สำหรับผู้ที่ผิวบอบบางแพ้ง่าย การเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์อาจเป็นเรื่องยากเนื่องจากมีความกลัวแพ้ กลัวผิวถูกทำร้าย ดังนั้นการทดสอบผิวแพ้ง่ายเพื่อรู้ว่าสารใดควรหลีกเลี่ยง และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้อย่างสบายใจ
 

1. วิธีสะกิด

เป็นการทดสอบที่ตรวจในคราวเดียวได้มากประมาณ 40 ชนิด วิธีการทดสอบคือนำสารที่อาจเป็นสาเหตุอาการแพ้มาหยดบนผิวช่วงท้องแขนหรือช่วงหลัง และใช้เข็มสะกิดผิวบริเวณที่หยดสารเพื่อดูการตอบสนองของผิวประมาณ 15 นาที หากมีตุ่มแดง ผื่นแดง แปลว่ามีอาการแพ้ต่อสารนั้นๆ
 

2. วิธีปิดสารทดสอบบนผิวหนัง (Patch test)

มักใช้กับภูมิแพ้ผิวหนัง โดยมีแผ่นที่ป้ายสารที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้มาแปะผิวช่วงท้องแขนหรือแผ่นหลัง และดูการตอบสนองของผิวในเวลา 48 ชั่วโมงโดยดูแลไม่ให้ผิวบริเวณดังกล่าวโดนเหงื่อหรือน้ำ หากมีผื่นแดงแปลว่ามีอาการแพ้ต่อสารนั้นๆ
 

3. การตัดชิ้นเนื้อจากผิวหนังส่งตรวจ

เป็นวิธีที่ใช้ตรวจสอบเนื้อเยื่อผิวหนังที่มีความผิดปกติ เพื่อนำไปส่องกล้องจุลทรรศ์หาสาเหตุของความผิดปกติดังกล่าว

การดูแลรักษาผิวให้แข็งแรงเป็นการรักษาปัญหาผิวแพ้ง่ายที่ต้นเหตุ การดูแลผิวอยู่เสมอจะช่วยบำรุงผิวให้มีความแข็งแรง ฟื้นฟูผิวหน้าแพ้ง่าย ลดความเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้ได้
 

1. ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด

การทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดเป็นการชำระล้างสิ่งสกปรกที่อาจตกค้างอยู่ในผิว โดยผิวแพ้ง่ายควรใช้อะไรทำความสะอาดผิวหน้าดี? ส่วนใหญ่มักใช้คลีนซิ่ง เจลล้างหน้า หรือโฟมล้างหน้า เพื่อช่วยลดการสะสมสิ่งตกค้างในรูขุมขน ทำให้ผิวหน้ามีความสะอาดพร้อมรับการบำรุง การทำความสะอาดผิวหน้านอกจากจะช่วยให้ผิวมีความสมดุลแล้ว ยังส่วนลดโอกาสการเกิดสิว เนื่องจากสิ่งสกปรกถูกชำระล้างออกไปหมดแล้ว ไม่สามารถเกิดการอุดตันในรูขุมขนได้
 

2. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

เมื่อร่างกายพักผ่อนจะเกิดกระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟูส่วนที่สึกหรอ และผิวที่ได้รับการพักผ่อนนอนหลับอย่างเพียงพอจะมีความอิ่มฟู ไม่หมองคล้ำ ช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง ผิวดูอิ่มน้ำ โดยปกติแล้วควรนอนวันละ 6-7 ชั่วโมงต่อวัน
 

3. การหลีกเลี่ยงการใช้ผ้าเช็ดหน้าแรงๆ

ไม่ว่าจะใช้กระดาษชำระหรือผ้าแบบนุ่มก็ควรหลีกเลี่ยงลักษณะการถูกับใบหน้า ให้เน้นการซับผิวหน้าเบาๆ ไม่ถูไปถูมาเพราะอาจทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นได้ในระยะยาว นอกจากนี้สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางการถูหรือขัดหน้าแรงๆ ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะเหมือนไปกระตุ้นให้อาการแพ้มีความรุนแรงมากกว่าเดิม แนะนำให้ใช้วิธีการซับเบาๆ แทนจะดีมากกว่า
 

 4. รักษาความชุ่มชื้นของผิว

ผิวแพ้ง่ายใช้อะไรรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวดี? วิธีที่ง่ายมากที่สุดที่สามารถช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ผิว คือการใช้ Moisturizer การทาผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวหน้า และ เซรั่มที่มีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้น และช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้แก่ผิวทุกวันเวลาเช้าและเย็น หรือผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งมาก ต้องการความชุ่มชื้นระหว่างวันสามารถพกสเปรย์น้ำแร่ไว้ฉีดระหว่างวัน เพื่อช่วยรักษาน้ำในผิวได้
 

5. หลีกเลี่ยงความเครียดและความวิตกกังวล

นอกจากความเครียดความกังวลจะทำให้คิ้วขมวดและเกิดเป็นรอยย่นในอนาคตได้ เมื่ออายุมาขึ้นแล้ว ความเครียดยังส่งผลต่อระดับฮอร์โมนในร่างกาย ส่งผลให้ผิวมีความเครียด แห้ง หมองคล้ำ ระคายเคืองได้ง่ายกว่าปกติ ซึ่งวิธีขจัดความเครียดมีหลายวิธี ได้แก่ ออกกำลังกาย ทำกิจจกรมที่ชอบ ปลูกต้นไม้ ดูหนัง ฟังเพลง เป็นต้น
 

6. หลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่ร้อนจัดหรือหนาวจัด

สภาพแวดล้อม และอุณหภูมิส่งผลกับผิวค่อนข้างมาก หากผิวอยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนจัด อาจจะทำให้เกิดปัญหารูขุมขนอุดตัน และเกิดเป็นปัญหาสิวตามมาได้ หรือหากอยู่ในสภาพอาการที่หนาวจัดอาจส่งผลให้ผิวแห้ง แตก ลอกเป็นขุย โดยเฉพาะปัญหาข้างจมูกลอก ซึ่งเป็นจุดที่บอบบางและสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย เห็นได้ชัดว่าสภาพอากาศมีผลต่อสภาพผิว สามารถทำให้เกิดความระคายเคืองจากอากาศที่ผิดปกติ และไวต่อสิ่งเร้ารอบตัวได้

สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย การเลือกผลิตภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว หรือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ถือว่าเป็นขั้นตอนสำคัญ หากเลือกผิดอาจจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองมากกว่าเดิม  จึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวหนัง โดยผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายจำเป็นต้องคำนึงถึง
 

1. ทดสอบอาการแพ้ทุกครั้งก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ทุกชนิด

ทดสอบอาการแพ้ทุกครั้งก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์หรือเครื่องสำอาง สามารถทดสอบการแพ้ได้ด้วยการลองใช้ผลิตภัณฑ์ในบริเวณที่ผิวมีความบอบบางเช่นข้อพับ หรือหลังหู เพื่อดูการตอบสนองของผิวว่ามีผื่นคัน แดง หรือเกิดสิวหรือไม่
 

2. หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมบางชนิดที่อาจทำให้มีอาการแพ้ได้ง่าย

หลีกเลี่ยงน้ำหอม สี แอลกอฮอล์ และส่วนผสมบางชนิดที่อาจทำให้มีอาการแพ้ได้ง่าย เนื่องจากผิวแต่ละบุคคลมีความไวต่อส่วนผสมบางชนิดไม่เท่ากัน และหลายผลิตภัณฑ์มีความแรงของสารแต่ละตัวที่ต่างกัน การทดสอบผลิตภัณฑ์ก่อนใช้ทุกครั้งเพื่อสังเกตถึงสารที่ร่างกายอาจแพ้ จะช่วยให้เลือกผลิตภัณฑ์และเลี่ยงสารที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ง่ายขึ้น
 

ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อผลัดเซลล์ผิว

ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อผลัดเซลล์ผิว หากต้องการผลัดเซลล์ผิวควรทำภายใต้การดูแลของแพทย์ อย่างกรด AHA BHA แม้จะเป็นกรดที่ใช้สำหรับผลัดเซลล์ผิวได้ก็อาจทำให้เกิดอาการแพ้และเป็นอันตรายต่อผิวได้สำหรับผู้ใช้บางคน การปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสอบสภาพผิวก่อนการผลัดเซลล์ผิวจึงเป็นวิธีที่แนะนำมากที่สุด เพื่อเป็นการปกป้องผิวและดูแลผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพควบคู่กัน
 

สรุป

ผิวแพ้ง่ายคือสภาพผิวที่ไวต่อสิ่งกระตุ้นและเกิดการระคายเคืองได้ง่าย สาเหตุอาจมาจากฮอร์โมน พันธุกรรม แพ้เหงื่อตัวเอง แพ้ไรฝุ่น มลภาวะ หรือการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เคล็ดลับดูแลผิวอย่างอ่อนโยน ได้แก่ การใช้สกินแคร์สูตรอ่อนโยน เติมความชุ่มชื้นให้ผิวแข็งแรง และหลีกเลี่ยงฝุ่น ควัน และแสงแดด

หลายคนอาจสงสัยว่าผิวแพ้ง่ายเกิดจากอะไร และต้องดูแลอย่างไรให้เหมาะสม เพื่อป้องกันการระคายเคืองและเสริมความแข็งแรงให้ผิว มาหาคำตอบไปพร้อมกัน 

ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปลอบประโลมผิว เช่น ครีมบำรุงที่ให้ความชุ่มชื้นและไม่มีสารสังเคราะห์ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง

ผิวแพ้ง่ายมักแดงง่ายเพราะไวต่อสิ่งกระตุ้น เช่น โฟมล้างหน้า ลมแรง หรือมลภาวะ วิธีแก้คือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อ่อนโยนและเสริมความแข็งแรงให้ผิว

ผิวแพ้ง่ายเป็นสภาพผิวที่เกิดผื่นคันง่ายเพราะไวต่อสิ่งกระตุ้น ระคายเคืองง่ายจากมลภาวะ สารเคมี หรืออากาศที่เปลี่ยนแปลง

Sébium Sensitive

ครีมบำรุงสำหรับผิวเป็นสิวง่าย ปลอบประโลม คืนความชุ่มชื้น ลดโอกาสเกิดสิว

ผิวเป็นสิวง่าย ผิวเป็นสิวง่าย

Sensibio Defensive

ครีมฟื้นบำรุงเนื้อเบา-ซึมไว ไม่อุดตัน ปลอบประโลมผิว มีสารที่ช่วยให้ผิวแข็งแรง ต้านทานมลภาวะและสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ผิวแพ้ง่าย

ผิวแพ้ ระคายง่าย

Hydrabio Sérum

เซรั่มเข้มข้น ให้ความชุ่มชื้น ทันทีและยาวนาน

ทุกสภาพผิว