ปัญหาสิวทั่วบริเวณใบหน้า ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหนึ่งในบริเวณที่เป็นสิวที่พบได้มากอีกจุดหนึ่งคือสิวที่คาง สิวขึ้นคางเป็นปัญหาที่สามารถพบได้ในทุกสภาพผิว ทั้งผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือผิวหน้ามัน สิวขึ้นคางสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่มักจะพบในวัยผู้ใหญ่มากกว่าในวัยรุ่น และพบได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิง หากรู้จักที่มีของสิวที่คางแล้วก็จะสามารถดูแลผิวเพื่อป้องกันการเกิดสิวขึ้นคางได้ดีขึ้น

 

สารบัญบทความ

เมื่อพูดถึงสิวที่คางแล้ว สาเหตุสิวขึ้นคางที่หลายๆคนมักจะคิดถึงเป็นอันดับแรกมักเป็นอาการแพ้ต่อผลิตภัณฑ์ที่ใช้ เช่น แชมพูสระผม ยาสีฟัน หรือครีมโกนหนวด เนื่องจากผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 อย่างนี้เมื่อใช้แล้วอาจเกิดการระคายเคืองผิวในขณะที่กำลังใช้ได้ หรือเกิดการตกค้างในบริเวณคางได้หากล้างไม่สะอาด เบื้องต้นจึงแนะนำให้รักษาสิวที่คางด้วยการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่ให้มีความอ่อนโยนมากขึ้น และสังเกตดูว่าเมื่อเปลี่ยนแล้วยังมีสิวขึ้นเพิ่มในบริเวณดังกล่าวหรือไม่ ผิวช่วงคางยังมีการระคายเคืองหรือไม่ รักษาตัวได้ดีขึ้นหรือเปล่า

สิวที่คาง

หากลองเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้เกิดสิวที่คางแล้วยังไม่ดีขึ้น สิวขึ้นคางอาจเกิดจากปัจจัยอื่นๆได้

1. อาการ PMS (Premenstrual Syndrome)

อาการ PMS หรือ Premenstrual Syndrome คือระยะเวลาช่วงก่อนประจำเดือนจะมาในแต่ละเดือน ในช่วงเวลาดังกล่าวระดับฮอร์โมนในร่างกายจะไม่คงที่ ส่งผลให้ระบบต่างๆในร่างกายรวน เช่น ฮอร์โมนแอสโตรเจนเพิ่มสูงขึ้น กระตุ้นการทำงานของรังไข่ และทำให้เกิดสิวใต้คางเกิดจากระดับฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นตรงนี้ได้ด้วย
 

2. ฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) สูงกว่าปกติ

ฮอร์โมนแอนโดรเจน คือหนึ่งในฮอร์โมนเพศชายที่หากมีมากกว่าปกติก็ก่อให้เกิดสิวที่คางได้ เพราะฮอร์โมนเพศชายที่สูงขึ้นและขาดความสมดุลมักทำให้รูขุมขนกว้าง ผิวผลิตน้ำมันได้มากกว่าเดิม ผิวมัน เกิดการอุดตันได้ง่ายขึ้น
 

3. ชอบบีบสิวและสัมผัสใบหน้า

สิวขึ้นคางอาจเกิดจากการสัมผัสบริเวณใบหน้าโดยไม่จำเป็นก็ได้ ถึงแม้ว่าจะล้างมือด้วยสบู่แล้วก็ควรหลีกเลี่ยงการจับบริเวณใบหน้าระหว่างวันโดยไม่จำเป็นเพราะนอกจากสิ่งสกปรกบนมือของเราแล้ว การสัมผัสใบหน้าอาจก่อให้ผิวเกิดความระคายเคืองได้ รวมถึงการแคะ แกะ เกา และการบีบสิว สามารถทำให้ผิวเกิดความระคายเคืองหรือเกิดการอักเสบได้

ช่วงคางและบริเวณกรอบหน้าเป็นช่วงที่ผิวได้รับการเสียดสีค่อนข้างบ่อยจากการใส่แมสก์ จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสที่อาจทำให้ผิวระคายเคืองมากกว่าเดิม และงดการบีบสิวเพื่อลดโอกาสผิวเกิดการระคายเคืองหรืออักเสบ
 

4. มลพิษจากสภาวะแวดล้อม ฝุ่นและมลภาวะต่างๆ

สิวใต้คางเกิดจากมลภาวะภายนอกหลายปัจจัยได้ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นจากล้อรถกับถนน ฝุ่น PM2.5 ฝุ่นจากเกสรดอกไม้หรือพืช ความชื้นในอากาศและลมที่อาจพัดนำเชื้อโรคต่างๆมาสัมผัสกับผิวได้ หลายคนอาจพบว่าในช่วงที่ระดับ PM 2.5 พุ่งขึ้นสูง จะมีสิวขึ้นเยอะเป็นพิเศษ เป็นเพราะมลภาวะเหล่านั้นเข้าไปอุดตันผิวนั่นเอง

 

สิวที่คาง อาจบ่งบอกถึงโรคผิวหนังชนิดอื่น

แม้ว่าปัจจัยข้างต้นจะเป็นสาเหตุของสิวรวมถึงสิวบริเวณคาง แต่ตุ่มที่คางอาจไม่ใช่สิวไปเสียทั้งหมด บางครั้งปัญหาผิวที่เราคิดว่าเป็นสิวที่คาง อาจเป็นปัญหาผิวแบบอื่นก็ได้ เช่น

สิวที่คางเกิดจาก

ขนคุด

บางครั้งสิวขึ้นคางอาจเป็นในลักษณะของขนคุด ขนคุดคือขนที่ขึ้นอยู่ภายใต้ผิวหนัง ช่วงปลายขนติดอยู่ในชั้นผิวหนังแทนที่จะโตแล้วออกมานอกชั้นผิวแบบปกติ ทำให้เกิดเป็นตุ่มนูน ผิวไม่เรียบเนียน โดยเฉพาะในผู้ชายเพราะว่าการโกนหนวดบางครั้งทำให้ผิวเกิดความระคายเคือง หรือเกิดการตัดขนใต้ชั้นผิวหนังทำให้ขนที่เติบโตออกมาติดอยู่ในผิวชั้นในได้ บางกรณีอาจเกิดการอักเสบและมีหนองร่วมด้วย

เป็นสิวที่คาง

โรคผิวหนัง Rosacea

โรคผิวหนังชนิดหนึ่งเรียกว่า Rosacea เป็นอาการผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ลักษณะจะเป็นผื่นแดง ผิวเกิดรอยแดงหรือระคายเคืองได้ง่าย หนึ่งในอาการคือตุ่มแดงที่เกิดขึ้นบนผิวในบริเวณคางและกรอบหน้า

หากตุ่มที่เกิดบริเวณคางไม่ใช่สิว การรักษาย่อมแตกต่างกันออกไปด้วย จึงควรสังเกตว่าสิวบริเวณคางนั้นมีลักษณะอย่างไรเพื่อแยกสิวออกจากปัญหาผิวเหล่านี้

สิวที่คาง มีลักษณะไหนบ้าง

สิวที่ขึ้นบริเวณกรอบล่างของใบหน้า อย่างคางนั้น นอกจากเกิดได้จากหลายสาเหตุแล้ว สิวขึ้นคางก็ยังมีหลายประเภท แยกไปตามลักษณะของสิวที่แตกต่างกัน สิวที่คางมีลักษณะหลากหลายรูปแบบตามต่อไปนี้

สิวอักเสบที่คาง

สิวอักเสบที่คาง คือสิวที่เกิดการอักเสบในผิวหนังบริเวณคาง สิวอักเสบที่คางมีลักษณะแดง เป็นก้อน หัวสิวแข็ง สิวอักเสบมีหัวสามารถเห็นหัวสิวเป็นสีขาวได้เพราะมีหนองอยู่ใต้ชั้นผิวหนัง อย่างเช่น สิวอักเสบหัวหนอง นอกจากนี้สิวอักเสบที่คางชนิดนี้หากเมื่อสัมผัสโดนอาจรู้สึกเจ็บได้

และลักษณะการอักเสบของสิวที่คาง ยังช่วยบอกถึงปัจจัยการเกิดสิวและระดับความรุนแรงของสิวที่เป็นได้อยู่อีกด้วย โดยถ้าหากสิวอักเสบที่คางมีหัวสิวเป็นตุ่มหนองด้วย หมายความว่า สิวที่เป็นอยู่นี่อักเสบอยู่ในระดับยังไม่รุนแรง เกิดจากสิวที่มีลักษณะที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก จะมีขั้นตอนการรักษาที่ไม่ยากนัก

ส่วนสิวหัวช้างหรือสิวอักเสบที่คางขนาดใหญ่ เกิดจากสิวที่อักเสบจากการอุดตันผิวหนังในระดับลึก เนื่องจากเป็นสิวอักเสบที่คางขนาดใหญ่ทำให้การรักษาค่อนข้างที่จะซ้ำซ้อนกว่าสิวขนาดเล็ก อาจจะจำเป็นต้องใช้การฉีดยาลดการอักเสบของสิว เพื่อผลการรักษาที่ดีกว่า

สิวอุดตันที่คาง

สิวอุดตันที่คาง เป็นสิวที่เกิดจากการอุดตันของน้ำมันบนผิวและสิ่งสกปรกที่ตกข้างอยู่เข้าไปอุดตันในรูขุมขนบริเวณคาง โดยสิวอุดตันที่คางมีลักษณะเป็นตุ่มก้อนแข็งหลายขนาดทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ มีทั้งสิวอุดตันที่มีหัวปิดและสิวอุดตันแบบที่มีหัวปิด

สิวอุดตันแม้ว่าถ้าอุดตันในระดับไม่ลึกมากจะสามารถกดออกได้ แต่การให้แพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเป็นคนกดออกให้จะมีโอกาสน้อยมากที่จะทำให้ผิวบริเวณที่กดสิวอุดตันออกมีรอยช้ำ และมีรอยแผลจากสิวหลงเหลือเอาไว้

สิวขึ้นคางไม่มีหัว

สิวขึ้นคางไม่มีหัว เป็นสิวอักเสบประเภทหนึ่งที่ไม่มีหัวสิวโผล่ออกมาให้เห็น เนื่อจากเกิดการอักเสบภายในชั้นผิว ไม่ใช่ภายนอกทำให้ไม่มีหัวสิว จึงมีลักษณะเป็นแค่ตุ่มสีขาว ไม่มีมีหัวสิว และ ไม่สามารถกดหัวสิวออกมาได้

แต่หากสิวขึ้นคางไม่มีหัวเริ่มมีการอักเสบรุนแรงขึ้นอาจเริ่มมีหัวสิวดันขึ้นมาเอง เช่น สิวหัวขาว ในกรณีที่สิวอักเสบไม่มีหัวขนาดค่อนข้างใหญ่หรือสิวหัวช้าง หมายความว่าเกิดการอักเสบในผิวค่อนข้างมาก อาจทำให้เกิดรอยแผลจากสิวในภายหลังได้ ควรหลีกเลี่ยงการ บีบ แกะ แคะสิวขึ้นคางไม่มีหัว เพราะอาจทำให้สิวมีอาการอักเสบมากกว่าเดิม และหลงเหลือแผลสิวทิ้งเอาไว้

สิวผดที่คาง

สิวผดที่คาง เป็นสิวที่คล้ายกับผดผื่นขึ้นบริเวณคาง มักเป็นตุ่มขนาดเล็กใต้ผิวหนัง มักจะขึ้นเป็นกลุ่มปื้น ไม่ค่อยขึ้นเป็นสิวเม็ดเล็ก ๆ ทีละเม็ด อาจมองไม่ค่อยเห็นด้วยตาเปล่า แต่หากเมื่อสัมผัสผิวบริเวณคางจะรู้สึกได้ว่ามีตุ่มสิวผดที่คางผุดขึ้น หรือในบางกรณีอาจมีอาการคันร่วมด้วย หากยิ่งผู้เป็นสิวผดที่คางยิ่งเกา สิวผดที่คางอาจจะยิ่งลุกลามมากขึ้นได้ หรือลามไปในบริเวณอื่น ๆ ใกล้ได้

หรือในบางกรณีที่พบเห็นได้บ่อยของสิวผดที่คาง มักจะมีสิวเสี้ยนที่คางเกิดขึ้นร่วมด้วย อาจจะรักษาได้ด้วยยาทาหรือยากินเป็นหลัก

สิวฮอร์โมนคาง

สิวฮอร์โมนคาง คือสิวขึ้นคางที่เกิดการอักเสบหรืออุดตันจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย มักพบในกลุ่มวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในวัยรุ่นหญิงในช่วงก่อนและหลังมีรอบเดือน เพราะเป็นช่วงทีมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนที่เป็นฮอร์โมนเพศชายเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการกระตุ้นการผลิตน้ำมันของต่อมไขมันมากขึ้น ทำให้มีน้ำมันส่วนเกินบนผิวมากเกินไปจนเกิดการอุดตันในรูขุมขนได้ง่าย

โดยลักษณะพิเศษของสิวฮอร์โมนที่ต่างจากสิวประเภทอื่น คือสิวประเภทนี้มักขึ้นซ้ำในบริเวณเดิม ยิ่งถ้าหากเป็นช่วงที่ร่างกายมีสิ่งเร้ากระตุ้นให้เกิดสิวที่คางขึ้น เช่น ช่วงมีประจำเดือน ช่วงที่มีความเครียดสูง เครียดสะสมเป็นระยะเวลานาน หรือช่วงที่ใช้ยาคุม ก็มีความเป็นไปได้ว่าสิวที่คางในช่วงนี้เป็นสิวที่เกิดจากระดับฮอร์โมนในร่างกายที่ไม่สมดุล

หากเป็นสิวฮอร์โมนคางธรรมดาทั่วไปก็อาจจะรักษาด้วยการรับประทานยาก็เพียงพอ แต่หากเป็นสิวฮอร์โมนจากผลข้างเคียงของโรคทางสูตินรีเวชหรือโรคต่อมไร้ท่อ เช่น ต่อมหมวกไตทำงานหนัก ซีสในรังไข่ เป็นต้น อาจจะต้องเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ทางสูตินรีเวชหรือแพทย์แผนกต่อมไร้ท่อเพื่อกรรักษาอย่างเหมาะสม

การรักษาสิวที่คางนั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธีตั้งแต่วิธีเบื้องต้นไปจนถึงวิธีที่มีการนำนวัตกรรมสมัยใหม่เข้ามาร่วมใช้ในการรักษาด้วย ผู้ที่เป็นสิวขึ้นคางสามารถเลือกรักษาได้ตามความพึงพอใจและความเหมาะสม โดยวิธีการรักษาสิวที่คางมีวิธี ดังนี้

สิวขึ้นใต้คาง
  • การทำความสะอาดผิวให้สะอาดหมดจด และถูกวิธี

วิธีการรักษาสิวที่คางเบื้องต้นที่ไม่ว่าใครก็สามารถเริ่มต้นทำเองได้นั่นก็คือ การรักษาความสะอาดของผิวให้สะอาดหมดจด ไม่เหลือสิ่งสกปรกตรงค้างบนผิวให้อุดต้นใบหน้า พร้อมทั้งควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้าที่อ่อนโยน และไม่ขัดถู แคะ แกะ เกาใบหน้าโดยเฉพาะบริเวณคาง ไม่ให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว

นอกจากนี้แม้แต่ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผมอย่างยาสระผม ครีมนวดผม ทรีทเมนต์ผม ก็ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน เพราะมีโอกาสที่เมื่อใช้งานฟองหรือตัวครีมจากน้ำยาอาจจะไหลลงมาสู่บริเวณคางได้
 

  • การรักษาด้วยการทายา

การทายารักษาสิวที่คางจำพวกกลุ่มตัวยา Benzoyl Peroxide , Retinoic acid หรือยาปฏิชีวนะแบบทา การเป็นอีกวิธีที่ช่วยลดการอักเสบของสิวที่คาง และลดเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังที่ก่อให้เกิดสิวที่คางได้เช่นกัน

 

  • การรับประทานยาคุมกำเนิด

การรักษาสิวที่คางด้วยการรับประทานยาคุมกำเนิด เป็นวิธีที่ช่วยคุมระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนที่เป็นตัวกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันออกมาให้อยู่ในสภาวะสมดุลปกติ ไม่ผลิตน้ำมันส่วนเกินจนอุดตันผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณคางที่เสี่ยงต่อการเกิดสิวที่คางขึ้น

 

  • การรักษาด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะ

การรับประทานยาปฏิชีวนะเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดการอักเสบของสิวที่คาง และขจัดเชื้อแบคทีเรียบนผิวให้ลดลงได้ ทำให้แนวโน้มที่จะเกิดสิวที่คางลดต่ำลง
 

  • การรักษาด้วยการรับประทานกลุ่มยา Isotretinoin

ในกรณีผู้ที่มีสิวที่คางอักเสบรุนแรง หรือดื้อยา สามารถรับประทานกลุ่มยา Isotretinoin ที่เป็นอนุพันธ์ของวิตามิน A ทำหน้าที่ยับยั้งสาเหตุของการเกิดสิว เช่น กดการทำงานของต่อมไขมันให้ผลิตสารที่เป็นไขมัน(sebum)ลดลง ลดปริมาณเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P. acnes)ลดการอักเสบของสิว และยับยั้งการเกิดสิวอุดตัน (comedone)

แต่ทั้งนี้กลุ่มยาประเภทดังกล่าวมีผลข้างเคียงต่อร่างกายที่รุนแรง ดังนั้นก่อนใช้ควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสียก่อน
 

  • การรักษาด้วยการกดสิว และการฉีดสิวอักเสบ

วิธีรักษาด้วยการฉีดสิวอักเสบ และการอักเสบ เป็นอีกวิธีที่ช่วยขจัดปัญหาสิวที่คางออกไปได้ แต่ทั้งนี้ก็ควรเข้ารับการรักษาจากแพทย์ผิวหนังดีกว่าการกดสิวด้วยตนเอง เพราะจะได้เกิดปัญหารอยสิวตามมาให้กังวลใจเพิ่มอีก
 

  • การรักษาด้วยเลเซอร์ IPL

เป็นวิธีรักษาสิวที่คางโดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาร่วมกับการรักษา โดยเป็นนวัตกรรมการนำพาพลังงานแสงความเข้มข้นสูงที่มีความยาวหลายช่วงคลื่น มาฉายบนผิวของผู้เข้ารับการรักษาเพื่อช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรง ลดการอักเสบของสิวที่คาง และลดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุการเกิดสิวที่คาง
 

  • การรักษาด้วย MADE COLLAGEN

MADE COLLAGEN คือการนำส่วนผสมจากสารสกัดธรรมชาติ ทั้งวิตามิน แร่ธาตุเอมไซม์ ชนิดต่าง ๆ และเซลล์บำบัดอย่าง พลาเซนต้า (Placenta) และคอลลาเจน (Collagen) มาฉีดเข้าที่ผิว เพื่อให้ออกฤทธิ์ดีท็อกซ์ผิว และปรับสมดุลให้กับผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและเป็นเกราะป้องกันที่ดีให้กับผิวไม่ให้เกิดสิวที่คางขึ้น

วิธีป้องกันสิวที่คาง

การป้องกันสิวที่คางสามารถทำได้หลายวิธีเพื่อไม่ให้มีสิวที่คางมากวนใจ

1. การดูแลผิวหน้าให้สะอาดอยู่เสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคของโควิดที่การใส่หน้ากากอนามัยอาจทำให้เกิดสิวแมสก์จากการหายใจใต้แมสก์และเกิดความอับชื้นได้ ดังนั้นการทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึกถึงรูขุมขนจึงเป็นสิ่งที่สามารถช่วยป้องกันการเกิดการอุดตันหรือเกิดสิวในบริเวณคางได้เป็นอย่างดี โดย Bioderma Sebium H2O เป็นคลีนซิ่งไมเซล่าที่มีค่า pH ใกล้เคียงกับผิว สามารถทำความสะอาดรูขุมขนได้ ช่วยป้องกันสิ่งสกปรกตกค้างโดยเฉพาะในบริเวณคางที่หลายคนมักมองข้าม มั่นใจได้ผิวสะอาดและยังคงความอ่อนโยนกับผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งกร้านหรือผิวตึง ไม่เกิดความระคายเคือง คลีนซิ่งมีหลายสูตรหากมีความกังวลเรื่องผิวแพ้ง่าย สามารถเลือกใช้คลีนซิ่งที่เหมาะกับสภาพผิวได้

คลีนซิ่ง bioderma ลดการเกิดสิวที่คาง

2. การล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ได้มาตรฐานและดูแลผิวเป็นสิวโดยเฉพาะจะช่วยป้องกันการเกิดสิวที่คาง และช่วยให้สิวบริเวณอื่นหายได้ไวขึ้น ไม่กระจายตัวไปยังจุดอื่น เช่น Bioderma Sebium Gel Moussant ซึ่งเป็นเจลล้างหน้าช่วยลดมันและกำจัดแบคทีเรียที่เป็นปัญหาสิว สำหรับผู้ที่มีผิวหน้ามันและมีน้ำมันส่วนเกิน อาจเพิ่มแนวโน้มผิวอุดตันได้ง่าย การใช้เจลล้างหน้าที่สามารถลดความมันส่วนเกินและช่วยลดการอักเสบของสิวจะช่วยให้ผิวไม่มันเยิ้ม ลดโอกาสการเกิดสิวที่คางได้ นอกจากนั้นเจลล้างหน้ายังมีความอ่อนโยนกว่าผลิตภัณฑ์ล้างหน้าประเภทอื่นๆ ใช้ได้กับทุกสภาพผิวอีกด้วย

เจลล้างหน้า ลดการเกิดสิวที่คาง3. ผิวที่ขาดความชุ่มชื้นแม้ว่าจะเป็นผิวมัน ก็ส่งผลให้ผิวเกิดความระคายเคืองได้ง่าย เพิ่มโอกาสการเกิดขนคุด ทำให้หน้าไม่เรียบเนียน และสิวหายได้ยากกว่าปกติ การเติมน้ำให้ผิวและควบคุมความมันส่วนเกินบนใบหน้าจะช่วยลดโอกาสสิวขึ้นคางได้ อย่างโทนเนอร์น้ำตบ Bioderma Sebium Lotion เป็นน้ำตบคุมมันช่วยปรับค่า pH ของผิวให้สมดุล ลดการเกิดสิว และกักเก็บความชุ่มชื้นในผิวได้ยาวนานถึง 8 ชั่วโมง สามารถช่วยลดความข้นหนืดของน้ำมันบนผิวได้ ผิวที่อิ่มน้ำชุ่มชื้นจะช่วยให้ปราการของผิวแข็งแรง ช่วยป้องกันสิ่งแปลกปลอมจากการเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง

โทนเนอร์ลดสิวที่คางคางเป็นอีกหนึ่งบริเวณของผิวที่ถูกกระตุ้นให้เกิดสิวที่คางขึ้นได้ง่าย เพราะปัจจุบันในสถานการณ์โควิดนี้ทำให้เราต้องใสแมสก์ปิดช่วงล่างของใบหน้า ทำให้ผิวบริเวณดังกล่าวเกิดการอับชื้นทำให้เกิดสิวที่คาง หรือสิวขึ้นตามบริเวณกรอบหน้าได้ แม้เราจะหลีกเลี่ยงสาเหตุดังกล่าวไม่ได้ แต่เราก็สามารถดูแลรักษาผิวของเราให้แข็งแรง สะอาดหมดจดอยู่เสมอ เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยบรรเทาการเกิดสิวที่คางขึ้นได้

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม

ทำความสะอาดและบำรุงผิว

ผิวผสมถึงผิวเป็นสิวง่าย

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium)

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม

ผิวจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เนื่องจากผิวจะมีความหนามากขึ้น มันเงา เกิดสิวอักเสบเป็นจุดมากน้อยแตกต่างกันไป และบางครั้งก็ยังคงเป็นเช่นนั้นต่อเนื่องไปจนถึงวัยผู้ใหญ่อีกด้วย

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium) เป็นผลิตภัณฑ์ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อผิวมันและเป็นสิวง่ายโดยเฉพาะ
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium) มีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและดูแลผิวที่แพทย์ผิวหนังแนะนำโดยเฉพาะ ทั้งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าสำหรับผิวมัน อย่างเจลล้างหน้าและไมเซล่า วอเตอร์ มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวเป็นสิวง่าย และอื่นๆ อีกมากมาย เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวประจำวันให้ตัวคุณเลย!