เข้าใจผิวตนเอง
ผิวผสมคืออะไร สภาพผิวหน้าแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร
“ผิวผสม” สภาพผิวที่เป็นส่วนผสมของผิวมัน และผิวแห้ง ทำให้การดูแลผิวมีขั้นตอนที่ยากขึ้น Bioderma พร้อมมาเผยเคล็ด(ไม่)ลับฉบับพิเศษในการดูแลผิวผสมให้แลดูสุขภาพดี!
เข้าใจผิวตนเอง
“ผิวผสม” สภาพผิวที่เป็นส่วนผสมของผิวมัน และผิวแห้ง ทำให้การดูแลผิวมีขั้นตอนที่ยากขึ้น Bioderma พร้อมมาเผยเคล็ด(ไม่)ลับฉบับพิเศษในการดูแลผิวผสมให้แลดูสุขภาพดี!
เอ๋~ ทำไมเดี๋ยวตรงนี้ก็ผิวหน้ามันเยิ้ม เดี๋ยวตรงนี้ก็ผิวแห้งลอกเป็นขุย ใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาผิวอย่างงี้อยู่คงเกิดความสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าสภาพผิวนี้คืออะไร? แล้วจะต้องดูแลผิวอย่างไรกัน?
สภาพผิวนี้เรียกกันว่า “ผิวผสม”ซึ่งเป็นสภาพผิวที่บริเวณมีความมันมีความมันในบริเวณทีโซน ส่วนบริเวณแก้มจะมีความแห้ง ทำให้การดูแลผิวจำเป็นต้องมีขั้นตอนการดูแลที่มากขึ้น วันนี้ Bioderma จึงขอมาแชร์เคล็ด(ไม่)ลับฉบับพิเศษในการดูแลผิวให้กับคุณ!
ผิวผสม (Combination Skin) คือ สภาพผิวหน้าที่มีประเภทผิวมากกว่า 2 ประเภทขึ้นไปที่แตกต่างกันบนผิวหน้า ไม่ใช่แค่เพียงสภาพผิวที่เป็นอยู่เป็นประจำเท่านั้น ในบางครั้งสภาพผิวก็อาจจะแปรปรวนเป็นสภาพผิวผสมตามช่วงอากาศได้
ผิวหน้าผสมโดยส่วนใหญ่แล้วมักจะผิวมันในบริเวณช่วงหน้าผาก จมูก เพราะเป็นบริเวณทีโซน ( T - Zone) มีต่อมไขมันใต้ผิวหนังอยู่มาก ทำให้มีผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมามาก ในทางกลับกันในบริเวณแก้มกลับมีสภาพผิวแห้งต่างออกไป
แล้วทีนี้เราจะรู้ได้อย่างไรกันนะว่าเรามีผิวผสมหรือเปล่า? อาจจะสังเกตจากสัญญาณเตือนต่าง ๆ ของผิวที่จะบ่งบอกถึงความแปลกไปของผิวพรรณของคุณได้
สัญญาณเตือนของลักษณะผิวผสมมี ดังนี้
รูขุมขนกว้าง ในบริเวณที่ผิวมัน ต่อมไขมัน (Sebaceous glands) จะผลิตน้ำมันส่วนเกิน (Sebum) ออกมามาก ทำให้น้ำมันและเซลล์ผิวเก่าที่ตาย (Dead skin cells) ไปอุดตันในรูขุมขน ทำให้รูขุมขนขยายตัวใหญ่ขึ้น
ผิวมันเยิ้ม แน่นอนในบริเวณหน้าผาก จมูก เป็นช่วงบริเวณทีโซน (T-Zone) ที่มักจะผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมาก ทำให้ผิวบริเวณนี้ดูมันเยิ้มไปทั่วทั้งบริเวณ
สิวหัวดำ และสิวหัวขาว เพราะมันน้ำมันส่วนเกินบนผิวหน้าจะเข้าไปอุดตันตามรูขุมขน เข้าไปผสมรวมกับสิ่งสกปรกตกค้าง และเซลล์ผิวเก่า ทำให้เกิดสิวขึ้น และเมื่อเกิดปฏิกิริยากับอากาศทำให้หัวสิวกลายเป็นสีดำ แต่หากหัวสิวปิดไม่ได้สัมผัสกับอากาศ หัวสิวก็จะไม่มีสีคล้ำนั่นเอง
ผิวแห้งคัน หรือสิวเห่อ ในเวลาเดียวกันในบางบริเวณผิวก็แห้งกร้าน เกิดสิวเห่อขึ้นได้ง่าย รวมถึงบริเวณที่ผิวมันมาก ก็เกิดสิวเห่อขึ้นได้เช่นกัน
รังแคบนหนังศีรษะ แม้รังแคจะไม่ใช่ส่วนของผิวพรรณตรง ๆ แต่หากหนังศีรษะแห้งก็จะทำให้ หนังศีรษะลอกออกมาเป็นแผ่น เป็นรังแคตามหนังศีรษะ
แน่นอนเลยว่าสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่าง “พันธุกรรม” เข้ามามีผลต่อสภาพผิว ไม่ว่าจะผิวมัน ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย หรือผิวผสมก็เป็นสิ่งที่ได้รับสืบทอดมาจากครอบครัวอยู่แล้ว อย่างในกรณีถ้าคุณพ่อคุณแม่ของคุณมีผิวมันในช่วงทีโซน ผิวในบริเวณหน้าผาก กับจมูกอาจจะมัน และมีสิวอุดตันต่าง ๆ ขึ้นมาได้ไง
อีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลให้เกิดผิวผสม ก็คือสภาพแวดล้อมต่าง ๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ใช้ และไลฟสไตล์การดำเนินชีวิตประจำวันด้วยเช่นกัน เช่น ถ้าหากใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมที่รุนแรง ก็อาจทำให้ผิวทั่วบริเวณแห้งลงไปได้ และมีส่วนกระตุ้นให้ผลิตน้ำมันบนผิวเพิ่มมากขึ้น
การหามอยเจอร์ไรเซอร์ผิวผสมนั่นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะหัวใจหลักในการดูแลผิวผสม คือ “ความสมดุล” โดยจะต้องหามอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวบริเวณที่แห้ง แต่ก็ไม่ทำให้ผิวบริเวณที่มันมีความมันเยิ้มมากยิ่งขึ้น Bioderma จึงมาขอแนะนําวิธีเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ให้ถูกใจชาวผิวผสมกัน
สภาพผิว (Skin Type) โดยทั่วไปปกติของคนเราแบ่งออกเป็น 4 ประเภทตามลักษณะผิวหน้า ว่ามีความมัน ความแห้งของผิวหน้ามากน้อยแค่ไหน ซึ่งผิวแต่ละลักษณะอาจจะมีความแตกต่างกันไปตามลักษณะพันธุกรรม และสภาพแวดล้อมภายนอกที่ต้องเผชิญในแต่ละวัน
“ผิวผสม” สภาพผิวที่เป็นเหมือนลูกครึ่งระหว่างผิวมัน และผิวแห้ง หรือสภาพผิวอื่น ๆ มากกว่า 2 ประเภทอยู่ด้วยกัน มักจะมีความต่างในบริเวณผิวทีโซน หน้าผาก จมูก และคาง จะมีความมันมากเป็นพิเศษ และแห้งมากเป็นพิเศษบริเวณข้างแก้มทั้งสอง
ผิวที่ไม่มีความผิดปกติอะไรเป็นพิเศษ เป็นผิวที่มีสุขภาพดี มีความสมดุลของผิว (Eudermic) โดยรวมผิวไม่มีความมัน หรือความแห้งมากจนเกินไป ยกเว้นบริเวณหน้าผาก คาง จมูก อาจจะมีความมันจากน้ำมันที่ผลิตออกมาได้เล็กน้อย
สภาพผิวที่มีความมันจากน้ำมันบนผิวหน้าน้อยกว่าผิวปกติทั่ว ๆ ไป อาจจะเกิดได้จากทั้งผิวขาดความชุ่มชื้น ผิวขาดน้ำ หรือผิวขาดความมัน จากกรดไขมันที่ช่วยคงความชุ่มชื้นให้กับผิว พร้อมเป็นเกราะป้องกันให้กับผิวให้อิ่มฟูแลดูอิ่มน้ำ
การดูแลผิวผสมนั้นสามารถทำได้ด้วยการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ และทั้งใส่ใจเลือกสกินแคร์ที่เหมาะกับผิวผสมแพ้ง่าย พร้อมปรนนิบัติผิวให้ผ่อนคลาย มีปราการผิวที่แข็งแรงพร้อมสู้ทุกสถานการณ์ที่ผิวต้องเผชิญ
เราอาจจะเริ่มจากการสังเกตสภาพผิวของตัวเองได้ง่าย ๆ โดยจับจุดสังเกตจากความแตกต่างของผิวบริเวณทีโซน (หน้าผาก จมูก คาง) และบริเวณหน้าแก้มทั้งสอง
แต่หากมีความไม่แน่ใจอาจจะเข้าพบกับแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเข้ารับการประเมินประเภทผิว และสภาพผิว (Evaluation skin type and condition) ซึ่งแพทย์จะประเมินจากปัจจัยเหล่านี้ ดังนี้
ผิวผสมเป็นสภาพผิวที่มีความแตกต่างของผิวแต่ละจุดที่แตกต่างกัน ทำให้การใส่ใจดูแลผิวผสมนั้นทำได้ยากมากขึ้น ดังนั้นในการดูแลผิวผสม โดยเฉพาะการเลือกสกินแคร์ จำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องการรักษาสมดุลของผิวทั้งความมัน และความชุ่มชื้นให้คงที่อยู่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ตามมา