วันเวลาเปลี่ยนผ่านไป อายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้สภาพร่างกายก็ร่วงโรย และเสื่อมสภาพลง ไม่เว้นแต่ผิวพรรณ ที่เป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ภายนอกของร่างกาย จึงมองเห็นความเปลี่ยนแปลงได้เด่นชัดที่สุด

เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น คอลลาเจน (Collagen) ที่อยู่ในโครงสร้างผิวผลิตน้อยลง ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ขาดความยืดหยุ่น จึงเกิดอาการหน้าเหี่ยว มีริ้วรอยขึ้นมาบนใบหน้าได้ง่าย ๆ ถึงแม้เราจะไม่สามารถหยุดอายุให้อ่อนเยาว์ไว้ตลอดไปได้ แต่วันนี้ Bioderma ก็พร้อมจะมาบอกเคล็ดลับวิธีช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า เพื่อลดริ้วรอยเก่าบนใบหน้าให้ตื้นขึ้น พร้อมป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ ๆ ก่อนวัยอันควร

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาผิวมีริ้วรอย : หน้าแก่

 

สารบัญบทความ

ริ้วรอย (Wrinkles) คืออะไร 

ริ้วรอย (Wrinkle) คือ ปัญหาผิวที่มักจะพบได้บ่อย เมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่ออายุมากกว่า 25 ปีขึ้นไป เพราะเมื่ออายุในช่วง 25 ปีขึ้นไป กระบวนการทำงานของเซลล์ในร่างกายจะเริ่มเสื่อมสภาพลง 

ทำให้ฟื้นฟูเซลล์ผิวได้ช้าลง รวมถึงมีโครงสร้างผิวเองก็จะอ่อนแอลง เนื่องจากกระบวนการผลิตคอลลาเจน (Collagen) จะผลิตลดลงทุก ๆ 1% ต่อปี และอีลาสติน (Elastin) กรดไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) ในโครงสร้างผิวก็มีจำนวนน้อยลง

ผิวจึงเสียความชุ่มชื้น ไม่อุ้มน้ำ ผิวจึงหลวม หย่อนคล้อย หน้าไม่เต่งตึง ไม่กระชับ เกิดเป็นปัญหาริ้วรอยขึ้นมาได้ง่าย ๆ และมักจะยิ่งพบริ้วรอยรอยเหี่ยวรุนแรงมากขึ้นในช่วงอายุ 40 - 50 ปีขึ้นไป

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาผิวมีริ้วรอย : หน้าโทรม

นอกจากปัจจัยเรื่องอายุที่ร่วงโรยไป ส่งผลให้ผิวเกิดริ้วรอยได้ แต่รู้หรือไม่? ถึงแม้จะอายุยังไม่มาก ก็สามารถเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้เช่นกัน ด้วยปัจจัยแวดล้อม และการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างไม่ถูกวิธี ส่งผลให้เกิดปัญหาริ้วรอยขึ้นมาได้

ครีมลดริ้วรอย

ปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลให้เกิดริ้วรอย มีดังนี้

  • แสงแดด

แสงแดดเป็นศัตรูร้ายกาจที่ทำร้ายปราการผิวให้อ่อนแอลง เนื่องจากภายในแสงแดดมีรังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet) ที่เป็นรังสีที่เข้มข้น สามารถลงลึกไปถึงชั้นโครงสร้างผิวได้ รังสี UV จึงเข้าไปทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวเสียความยืดหยุ่น เป็นสาเหตุให้ผิวเกิดริ้วรอยได้ง่าย

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับรังสี UV : UVA UVB คือ

 

  • การสูบบุหรี่

การสูบบุหรี่ไม่เพียงแต่ทำร้ายสุขภาพร่างกายโดยรวมเท่านั้น แต่ยังทำร้ายสุขภาพผิวด้วยเช่นกัน เพราะภายในบุหรี่บรรจุสารนิโคติน (Nicotine) และสารเคมีอื่น ๆ ทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระ (Oxidant) ภายในร่างกาย เข้ามาทำร้ายเซลล์ต่าง ๆ รวมถึงเซลล์ในโครงสร้างชั้นผิว และทำร้ายคอลลาเจนในชั้นผิวด้วยเช่นกัน ผิวจึงเสื่อมสภาพง่ายต่อการเกิดริ้วรอยนั่นเอว

 

  • การรับประทานอาหารบางประเภท

อีกหนึ่งซึ่งที่ใครหลาย ๆ คนอาจจะมองข้าม แต่รู้หรือไม่การรับประทานอาหารไม่มีประโยชน์บางชนิด ทำให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระภายในร่างกาย ทำให้สุขภาพผิวเสื่อมลง เกิดริ้วรอยขึ้นมาได้

    • เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน (Caffeine)เป็นส่วนผสมที่มักพบในเครื่องดื่มชนิดกาแฟ โกโก้ น้ำอัดลม ซึ่งสามารถทำร่างกายสูญเสียน้ำ ทำให้ผิวแห้งง่ายต่อการเกิดริ้วรอย
    • อาหารที่มีน้ำตาลสูงของหวาน และน้ำหวานมากมายนั้นเต็มไปด้วยน้ำตาล ซึ่งเมื่อรับประทานอาหารเหล่านี้ ร่างกายจะเกิดกระบวนการไกลโคชั่น (Glycation) ส่งผลให้คอลลาเจนถูกทำลาย
    • อาหารที่มีไขมันสูงเมื่อรับประทานอาหารประเภทนี้ ร่างกายจะเกิดกระบวนการไกลโคชั่น เช่นเดียวกับอาหารที่มีน้ำตาลสูง ทำให้โครงสร้างผิวเสียคอลลาเจน ผิวพรรณจึงมีรอยเหี่ยวย่นลง
    • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เครื่องดื่มชนิดนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อการทำงานของตับอย่างหนัก สุขภาพร่างกายเสื่อมลงเท่านั้น แต่ยังทำลายวิตามิน เอ (Vitamin A) ในร่างกายที่มีสรรพคุณในการชะลอวัยลดลง จึงเกิดริ้วรอยบนใบหน้า และร่างกายขึ้น
    • อาหารที่มีโซเดียม (Sodium) สูงอาหารที่มีรสเค็ม รสจัด อย่างอาหารสำเร็จรูป อาหารแช่แข็ง หรือของหมักดอง จะดูดน้ำจากร่างกายและผิวไป จึงทำให้ผิวขาดน้ำผิวหน้าจึงแห้ง มีริ้วรอยเกิดขึ้นได้

 

  • การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ

การนอนดึกเกินช่วง 4 ทุ่ม หรือนอนพักผ่อนติดต่อกันไม่ถึงอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ส่งผลให้ร่างกายไม่ได้รับสาร Growth Hormones ที่มีส่วนซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ ที่สึกหรอ รวมถึงเซลล์ผิวด้วยเช่นกัน ทำให้ไม่สามารถซ่อมแซมริ้วรอยที่เกิดขึ้นบนใบหน้าได้

 

  • ความเครียด

ความเครียดส่งผลให้ร่างกายกระตุ้นการหลังฮอร์โมนความเครียด หรือฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol Hormones) ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูง มีส่วนเข้าไปทำลายคอลลาเจนภายในชั้นผิว นำไปสู่การเกิดริ้วรอย

 

  • การแสดงสีหน้า

หนึ่งในพฤติกรรมที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะในชีวิตประจำวันทุกครั้งที่พูดคุย หรือแสดงสีหน้า จะทำให้ผิวเกิดรอยย่นซ้ำ ๆ ในบริเวณเดิม ๆ ทุกวัน จึงทำให้เกิดริ้วรอยฝังลึกลงไปในชั้นผิวนั่นเอง

 

  • สภาพผิว

ผู้ที่มีผิวแห้งนั้น มีสภาพผิวที่เป็นผิวที่มีกรดไฮยาลูรอนในผิวน้อย ทำให้ผิวไม่ชุ่มชื้น เซลล์กักเก็บน้ำในผิวน้อย ทำให้ผิวไม่ยืดหยุ่น เมื่อมีการพับของผิวหน้าบ่อย ๆ ผิวจึงไม่คืนตัวกลับไป แต่เกิดเป็นรอยย่น ริ้วรอยบนใบหน้าแทน

แต่ไม่ใช่ว่าผู้มีหน้ามัน หรือผิวผสมจะไม่เสี่ยงต่อการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า เพราะบางครั้งผิวหน้ามันอาจจะเป็นผิวที่ขาดน้ำภายในผิวได้ ผิวจึงเร่งผลิตน้ำมันออกมาเคลือบผิว ดังนั้นจึงมีโอกาสเกิดริ้วรอยได้มากไม่ต่างกัน

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาผิวมีริ้วรอย : หน้าไม่เรียบเนียน

ลักษณะของริ้วรอย

เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมกันนะริ้วรอยในบางบริเวณถึงเห็นได้ชัด แม้ไม่ขยับใบหน้า หรือเวลาแสดงสีหน้าใด ๆ แต่ในบางบริเวณกลับโผล่ขึ้นมาให้เห็นเฉพาะเวลาขยับกล้ามเนื้อแสดงสีหน้าเท่านั้น นั้นเป็นเพราะความลึกของริ้วรอยนั้นตื้น ลึกต่างกัน 

เราจึงแบ่งรูปแบบของริ้วรอยออกเป็น 2 ประเภท

 

1. ริ้วรอยแบบตื้น

ริ้วรอยร่องตื้น หรือริ้วรอยแรกเริ่ม (Fine Line) คือ ริ้วรอยที่เพิ่งเกิดได้ไม่นาน เป็นริ้วรอยที่พึ่งเกิดในชั้นผิวหนังกำพร้าที่อยู่บนสุด จึงยังไม่เกิดลงลึกไปถึงชั้นโครงสร้างผิวหนังแท้ โดยริ้วรอยชนิดนี้เป็นเพียงเส้นริ้วรอยบาง ๆ บนผิวเท่านั้น

ซึ่งริ้วรอยร่องตื่นนี้สามารถรักษาให้ริ้วรอยเหล่านี้ตื้นขึ้น และจางหายไปได้ง่ายกว่าริ้วรอยร่องลึก เพราะเพียงใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เซรั่มลดริ้วรอย ครีมลดริ้วรอย เติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ก็ช่วยฟื้นบำรุงริ้วรอยเหล่านี้ให้ดีขึ้นได้

 

2. ริ้วรอยแบบลึก 

ริ้วรอยร่องลึก เป็นริ้วรอยที่เกิดจากอายุที่ร่วงโรย ทำให้โครงสร้างชั้นผิวหนังแท้เสื่อมโทรมลงไป และเมื่อเกิดการแสดงสีหน้าซ้ำ ๆ ในบริเวณนั้นเป็นเวลานาน จึงเกิดริ้วรอยซ้ำ ๆ ในบริเวณนั้น เป็นร่องลึกขึ้นมาได้ ทำให้ยากที่จะรักษาริ้วรอยร่องลึกนี้ ให้ฟื้นกลับมาเป็นเมื่อครั้งยังเยาว์วัยได้ยาก

นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งรูปแบบของริ้วรอยจากการแสดงสีหน้าได้ด้วย จึงแบ่งคร่าว ๆ เป็น 2 ประเภท ได้แก่

  • Dynamic Line คือ ริ้วรอยที่ปรากฏในบริเวณที่แสดงสีหน้า เช่น ริ้วรอยรอบดวงตา รอยย่นระหว่างคิ้ว ริ้วรอยบนหน้าผาก โดยริ้วรอยเหล่านี้เกิดจากการที่กล้ามเนื้อขยับหดตัว เพื่อแสดงสีหน้าออกมา ริ้วรอยประเภทนี้เกิดได้ในทุกเพศ ทุกวัย เพราะเป็นกล้ามเนื้อที่ทุกคนมีในการทำหน้าที่แสดงสีหน้า แต่ในบางคนจะพบริ้วรอยชนิดนี้ชัดเจน เห็นได้ชัดจากการที่ติดนิสัยขมวดคิ้วเป็นประจำ หรือการแสดงสีหน้าบ่อย ๆ
     
  • Static Line คือ ริ้วรอยประเภทหนึ่งที่ปรากฏให้เห็นแม้ในเวลาที่ไม่ได้แสดงสีหน้าใด ๆ เพราะอายุที่มากขึ้น และการสูญเสียคอลลาเจน (Collagen) ที่ผิวหนังไป ทำให้เสียความยืดหยุ่น เต่งตึงของผิว ไป ทำให้เกิดริ้วรอย รอยย่นต่าง ๆ ขึ้น หรือในบางกรณีที่เกิด Dynamic Line บ่อย ๆ ก็สามารถเปลี่ยนกลายมาเป็น Static Line ได้เช่นกัน

หากอยากมีผิวที่อิ่มน้ำ ยากต่อการเกิดริ้วรอย อ่านได้ที่นี่ : ผิวชุ่มชื้น

บริเวณที่มักเกิดริ้วรอย 

ซึ่งริ้วรอยทั้งริ้วรอยร่องตื่น และริ้วรอยร่องลึกสามารถเกิดในบริเวณที่มีการขยับ และแสดงสีหน้าบ่อย ๆ จากการยิ้ม การยักคิ้ว การขมวดคิ้ว ทำให้ส่งผลให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าชัดขึ้นตามผิวหนังบริเวณต่าง ๆ เหล่านี้ เช่น

  • ริ้วรอยรอบดวงตา ริ้วรอยหางตา หรือที่เรียกกันว่ารอยตีนกา เนื่องจากผิวรอบดวงตาเป็นผิวที่มีความบอบบาง ทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายกว่าบริเวณอื่น ๆ ทำให้รอบดวงตาเป็นบริเวณแรก ๆ ที่จะเกิดริ้วรอยได้ง่าย
  • รอยย่นระหว่างคิ้วเป็นบริเวณที่มักจะแสดงสีหน้าอยู่บ่อย ๆ ทั้งการยักคิ้ว ขมวดคิ้ว ดังนั้นเมื่อแสดงสีหน้าซ้ำ ๆ จะทำให้ริ้วรอยค่อย ๆ เกิดซ้ำ ๆ ลึกลงไปสู่ชั้นผิวเรื่อย ๆ จนเกิดริ้วรอยรอยย่นระหว่างคิ้วขึ้นได้ชัดเจน
  • ริ้วรอยหน้าผากหน้าผากเป็นอีกหนึ่งบริเวณที่เกิดริ้วรอยร่องลึกได้ เพราะเป็นหนึ่งบริเวณที่กล้ามเนื้อขยับบ่อย ๆ ในระหว่างแสดงสีหน้า ทำให้เกิดริ้วรอยร่องลึกยาวตลอดบริเวณหน้ผาก
  • ริ้วรอยบริเวณมุมปากหรือริ้วรอยบริเวณร่องน้ำหมาก อีกหนึ่งบริเวณที่เกิดริ้วรอยขึ้นมาได้ เนื่องจากการขยับแสดงสีหน้าบ่อย ๆ ในเวลายิ้ม หรือพูด ทำให้เกิดริ้วรอยยาวตั้งแต่บริเวณจมูก ยาวไปถึงร่องแก้ม
  • ริ้วรอยเล็ก ๆ ทั่วใบหน้าเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ผิวที่เสื่อมสภาพ ความหย่อนคล้อยเพิ่มมากขึ้น รวมถึงแสดงสีหน้าซ้ำ ๆ ทำให้เกิดริ้วรอยกระจายตามอยู่ทั่วใบหน้าได้ สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งริ้วรอยร่องตื้น และริ้วรอยร่องลึก

ปัญหาริ้วรอยส่งผลต่อปัญหาผิวต่าง ๆ : แต่งหน้าไม่ติด

10 วิธีลดริ้วรอยบนใบหน้า 

ถึงแม้ด้วยอายุที่ร่วงโรยลงไป ทำให้เกิดริ้วรอย และรอยย่นบนใบหน้าอันเป็นปัญหาผิวพรรณที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่เมื่อเราทราบถึงลักษณะของริ้วรอย และสาเหตุของการเกิดริ้วรอย ทำให้เราสามารถหลี่กเลี่ยงปัจจัยเหล่านี้ที่ส่งผลต่อการเกิดริ้วรอยได้ 

แต่หากปฎิบัติตาม 10 วิธีลดริ้วรอยบนใบหน้านี้ได้อย่างเคร่งครัด ก็จะช่วยฟื้นบำรุงริ้วรอยเก่าให้จางลง และชะลอการเกิดริ้วรอยใหม่ ๆ ได้นั่นเอง

1. ป้องกันผิวจากแสงแดด

แสงแดดเป็นอีกหนึ่งศัตรูที่ทุกคนทราบดีว่าส่งผลเสียหลายอย่างต่อผิว รวมถึงการเกิดริ้วรอยด้วย ดังนั้นจึงควรหลบแดด สวมหมวก กางร่มเพื่อกันแดด และที่สำคัญขาดไม่ได้เลย คือการทาครีมกันแดด เพื่อช่วยสร้างเกราะป้องกันให้กับผิว ทั้งจากแสงแดดภายนอก แสงแดดที่ทะลุเข้ามาในอาคาร และแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ 

อ่านเกี่ยวกับครีมกันแดดเพิ่มเติม : SPF

เซรั่มลดริ้วรอย

2. เลี่ยงการสูบบุหรี่

ในบุหรี่เต็มไปด้วยสารเคมีที่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพร่างกาย สุขภาพปอด รวมถึงสุขภาพผิว ทำร้ายคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวง่ายต่อการเกิดริ้วรอย ดังนั้นการเลิกบุหรี่ จึงเป็นวิธีรักษาการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ดีอีกหนึ่งวิธี

ลดริ้วรอย

3. งดดื่มแอลกอฮอล์

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นมีส่วนเข้าไปทำลายวิตามิน เอ ในร่างกาย ซึ่งวิตามิน เอ นั้นเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ช่วยะลอความแก่ ตวามเสื่อมของเซลล์ ทำให้ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าได้ เท่านั้นยังไม่พอยังช่วยลดการอักเสบของผิว จุดด่างดำ

จึงควรงดแอลกอฮอล์ และเลือกรับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามิน เอ เช่น ตำลึง ฟักทอง ข้าวโพด แครอท มะละกอ เป็นต้น

ลดริ้วรอยบนใบหน้า

4. นอนหลับพักผ่อน

การนอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมง และนอนหลับสนิทตั้งแต่ก่อน 4 ทุ่ม เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการฟื้นฟูผิวที่บาดเจ็บกลับมาให้เป็นปกติได้ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาหลั่งของ Growth Hormones และมีเวลาให้ร่างกายมีกระบวนการฟื้นฟูผิวได้ยาวนานขึ้น

ริ้วรอยบนใบหน้า

5. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

ควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อให้น้ำไปเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับร่างกาย และผิว จึงควรหมั่นดื่มน้ำให้อย่างน้อย 1.5 ลิตรต่อวัน เทีนบเท่ากับน้ำปริมาณ 8 - 10 แก้วต่อวัน จึงสามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเซลล์ผิว ลดความแห้งกร้าน มีส่วนช่วยลดเลือนการเกิดริ้วรอยใหม่ ๆ ขึ้น

ลดเลือนริ้วรอย

6. เลือกรับประทานอาหาร

นอกจากจะต้องเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินหลากหลายชนิดเสริมสร้างสุขภาพผิวแข็งแรง ต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่ และริ้วรอยก่อนวัยอันควร

และที่สำคัญควรเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง รวมถึงอาหาร เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน โซเดียมสูง อย่างเช่น อาหารที่เป็นของทอด ของหวาน อาหารแช่แข็ง และเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ น้ำอัดม ที่มีส่วนทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ

เซรั่มลดริ้วรอยอายุ 50

7. รับประทานอาหารเสริม

เนื่องจากการรับประทานอาหารในแต่ละวัน คนเราไม่สามารถรับประทานอาหารที่ให้สารอาหาร และวิตามินได้สูงเพียงพอต่อตวามต้องการของร่างกาย ดังนั้นการรับประทานอาหารเสริมจึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้ต้านการเกิดสารอนุมูลอิสระ ที่ทำให้เซลล์ผิวเสื่อม ที่เป็นสาเหตุในการเกิดริ้วรอยได้

ริ้วรอยรอบดวงตา

โดยวิตามินที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย ได้แก่

  • วิตามินซี (Vitamin C) เป็นวิตามินที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ มีฤทธิ์ในการยับยั้งการสร้างเม็ดสี (Melanin) ทำให้ผิวดูกระจ่างใส และส่วนช่วยสร้างคอลลาเจน (Collagen) ให้กับผิว ช่วยป้องกันริ้วรอย และการเสื่อมสภาพของผิวหนัง
     
  • วิตามินอี (Vitamin E) อีกหนึ่งสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับผนังเซลล์ผิว และช่วยจัดการสารอนุมูลอิสระ ที่จะเข้ามาทำร้ายคอลลาเจนในชั้นผิวไปได้
     
  • โคเอนไซม์คิวเท็น (Coenzyme Q10) ถึงแม้จะเป็นสารที่ร่างกายผลิตได้เองตามธรรมชาติ แต่ด้วยอายุที่มากขึ้น การผลิตสารดังกล่าวก็ลดลง
    หากเราบริโภคอาหารเสริมโคเอนไซม์คิวเท็นก็จะมีประโยชน์ เพราะสารนี้เปรียบได้กับทหารด่านหน้าที่จะช่วยปกป้องผิวพรรณจากการทำลายของสารอนุมูลอิสระ
     
  • แอลฟาไลโพอิกแอซิด (Alpha Lipoic Acid) หรือ ALA สารที่มีหน้าที่ในการนำ วิตามินซี วิตามินอี โคเอนไซม์คิวเท็น และกลูต้าไทโอน ที่ถูกใช้ไปแล้ว ให้นำกลับมาใช้ใหม่ได้ และยังมีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระให้กับผิวอีกด้วย
     
  • สารสกัดจากองุ่น (Grape Seed) สารสกัดจากธรรมชาติที่โดดเด่นในด้านการป้องกันริ้วรอยอีกตัวหนึ่ง โดยเมล็ดองุ่นนั้นประกอบด้วย

     
    • เรสเวอราทรอล (Resveratrol) ซึ่งพบมากในผิวองุ่น จากการทดลอง เรสเวอราทรอลมีสรรพคุณในการช่วยยืดอายุขัยของเซลล์ ทำให้ชะลอความเสื่อมโทรมของเซลล์ผิวหนังออกไปได้
       
    • OPC พบมากในส่วนของเมล็ดองุ่น จากการศึกษาพบว่า การบริโภคสารชนิดนี้ เปรียบเทียบได้กับการทาครีมกันแดดจากภายในร่างกาย เพราะสามารถช่วยลดการถูกทำลายของเซลล์ผิวหนังจากรังสี UV ได้ถึง 15% และยับยั้งการเสื่อมสภาพ
       
  • แอสตาแซนทิน (Astaxanthin) เป็นสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) สารสีส้มแดงในกลุ่มอนุพันธ์วิตามิน เอ มีฤทธิ์ในการช่วยปกป้องคอลลาเจน (Collagen) ในผิวจากสารอนุมูลอิสระที่มาทำร้ายผิวนั้่นเอง ทำให้ลดริ้วรอยที่จะเกิดใหม่ได้

8. หมั่นเติมความชุ่มชื้น

ครีมบำรุงผิวหน้าเซรั่มมีคุณสมบัติในการช่วยลดริ้วรอยได้ เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีส่วนผสมที่จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นกับผิว พร้อมกักเก็บไม่ให้ผิวเสียความชุ่มชื้นไป จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีลดริ้วรอยได้ดี เพราะผิวที่ชุ่มชื้น อิ่มน้ำ จะมีความยืดหยุ่น ยากต่อการเกิดริ้วรอย

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับสกินแคร์เพิ่มความชุ่มชื้น : น้ำตบ

วิธีลดริ้วรอยบนใบหน้า

9. ทำหัตถการประเภทฉีด

หากผิวหน้ามีริ้วรอยร่องลึกมาก จึงยากที่จะลดเลือนริ้วรอยให้หายไปได้ ดังนั้นจำเป็นต้องอาศัยการทำหัตถการในการช่วยยับยั้งการขยับของกล้ามเนื้อ เพื่อไม่ให้ผิวเกิดรอยยับ รวมถึงการทำหัตถการ เพื่อฉีดเติมเต็มร่องริ้วรอยให้ดูอิ่มฟูมากยิ่งขึ้น

วิธีลดริ้วรอย
  • โบท็อกซ์ (Botox)
    โบท็อกซ์ หรือชื่อเต็ม คือ โบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) การฉีดสารดังกล่าวจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ล็อคการทำงานของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการขยับใบหน้าชั่วคราว เพื่อให้เกิดการขยับใบหน้าที่ลดลง ลดการเกิดริ้วรอยจากการขยับใบหน้าในบริเวณเดิมซ้ำ ๆ ลง

แต่ทั้งนี้การฉีดสารดังกล่าวก็ควรจะเข้ารับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพียงเท่านั้น เพื่อลดการเกิดผลข้างเคียงลด เช่น การเกิดเปลือกตาหย่อน เพราะการฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณมากเกินไปทำให้ไม่สามารถบังคับกล้ามเนื้อเปลือกตาได้

  • ฟิลเลอร์ (Filler)
    อีกหนึ่งหัตถการที่ควรเข้ารับบริการจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพียงเท่านั้น เพราะหากได้รับฟิลเลอร์ปลอม หรือฉีดโดนเส้นเลือด หรือปริมาณมากเกินไป นอกจากจะทำให้เป็นก้อนไม่สวยงาม และเสียความมั่นใจไปได้ มากกว่านั้นคือเสี่ยงอุดตันในเส้นเลือดทำให้ตาบอดได้ และอาจจะต้องแลกกับค่ารักษาที่มากขึ้นในการฉีดสลาย หรือขูดฟิลเลอร์ออกแทน


หากมั่นใจแล้วว่าเลือกคลินิค หรือแพทย์ที่ไว้ใจได้ พร้อมยอมรับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้แล้วนั้น การฉีดสารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์ (Filler) ก้เป็นอีกทางออกหนึ่งที่ช่วยลดริ้วรอยได้อย่างทันที เพราะเป็นการเติมสาร Hyaluronic Acid ที่เป็นสารในการช่วยดึงน้ำ เติมเต็มผิวให้อิ่มฟู ลดปัญหารอยย่น และร่องลึกให้หายไปได้

10. ทำหัตถการยกกระชับ

เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ช่วยลดริ้วรอย และปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยลงไปได้ ถึงแม้จะเป็นวิธีการที่มีค่าใช้จ่ายที่สูง แต่แลกกับการที่ไม่ต้องฟักฟื้นยาวนาน เพราะไม่ได้ใช้เข็มในการทำหัตถการ จึงไม่ทิ้งรอยเข็มเอาไว้ การใช้เครื่องยกกระชับใบหน้านั้นมีหลายรูปแบบ ได้แก่

    ริ้วรอยก่อนวัย
    • ไฮฟู (Hifu) หรือ High Intensity Focus Ultrasound การใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) ที่มีความเข้มข้นสูง ลงไปยังชั้นผิวหนังระดับลึก SMAS กระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อ และคอลลาเจนให้กับผิวขึ้นมาใหม่ เพื่อความกระชับให้กับผิวที่มีริ้วรอย
       
    • เทอร์มาจ (Thermage) การยกกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุ (Radio Frequency) ความถี่สูง โดยความร้อนจากตัวคลื่นจะถูกส่งลงชั้นผิวหนัง Dermis ทำให้เกิดการกระตุ้นของเส้นใยคอลลาเจนที่ขาดการยืดหยุ่นให้สปริงตัวขึ้นมา และผิวที่มีริ้วรอยเต่งตึงขึ้น
       
    • อัลเทอร่า (Ulthera) เป็นหนึ่งในนวัตกรรมการยกกระชับผิวและช่วยลดริ้วรอย ด้วยการปล่อยคลื่นอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) พลังงานคลื่นความถี่สูง และเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน ลงไปยังชั้นผิวหนังลึก ให้เซลล์ผิวหนังชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) เกิดการหดตัวจนเกิดการสร้างเนื้อเยื่อ และคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ (Collagen)

    อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีทำให้หน้าไม่แก่ มีริ้วรอย : วิธีทำให้หน้าเด็ก

    เพื่อไม่ให้ริ้วรอยเห็นได้ชัด จึงควรหมั่นเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอยู่เสมอ ทั้งจากเซรั่มลดริ้วรอย ครีมลดริ้วรอย เป็นประจำ และในการแต่งหน้าจำเป็นต้องเลือกใช้รองพื้น หรือแป้งที่มีเนื้อบางเบาที่สุด เพื่อไม่ให้ผิวหน้าเกิดเป็นริ้วรอยเด่นชัดขึ้น

    ริ้วรอยสามารถเกิดได้ทุกช่วงอายุ ตามแต่กรรมพันธุ์ การใช้ชีวิต รวมถึงการดูแลรักษาผิว แต่โดยทั่วไปแล้วมักจะพบในช่วงอายุ 25 ปีขึ้นไป เพราะว่าผิวนั้นเมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในโครงสร้างผิวนั้นในจำนวนน้อยลงทุก ๆ ปีนั่นเอง

    ผิวแห้ง เป็นผิวที่ขาดน้ำ ผิวจึงมีความยืดหยุ่นน้อย ทำให้เมื่อแสดงสีหน้าบ่อย ๆ เป็นประจำ ทำให้เกิดรอยพับได้ง่าย จึงเกิดเป็นริ้วรอยตามผิวบริเวณต่าง ๆ ที่แสดงสีหน้าบ่อย ๆ ได้ง่ายนั่นเอง

    อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีดูแลผิว : ขั้นตอนการลงสกินแคร์

    สรุป

    โดยทั่วไปแล้วนั้น แม้จะยังไม่อายุมาก ก็สามารถเกิดริ้วรอยขึ้นได้ หากเราดูแลผิวตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะช่วยยับยั้งการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรได้ เพราะจากการศึกษาการดูแลผิว โดยป้องกันการเกิดริ้วรอย(Prejuvenation)นั้น เห็นผลในการช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยได้ดีกว่า การย้อนวัย ให้กับผิว (Rejuvenation)

    ดังนั้นเราควรที่จะดูแลผิวให้มีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ เพราะความชุ่มชื้น คือกุญแจสำคัญง่าย ๆ ในการดูแลผิวไม่ให้เกิดริ้วรอย และลดริ้วรอยลงไปได้