Key Takeaway

  • การเลือกสกินแคร์ที่เหมาะสมต้องพิจารณาสภาพผิว ส่วนผสม และมาตรฐานผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะคนผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่ก่อการระคายผิว เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ และพาราเบน
  • ขั้นตอนการลงสกินแคร์ skincare routine ที่ถูกต้องประกอบด้วย 10 ขั้นตอนหลัก เริ่มจากการทำความสะอาดผิว (Double Cleansing) ตามด้วยการใช้โทนเนอร์ น้ำตบ เซรั่ม และมอยส์เจอไรเซอร์ตามลำดับ
  • การลงสกินแคร์ตอนเช้าและกลางคืนมีความแตกต่างกัน โดยตอนเช้าควรเลี่ยงผลิตภัณฑ์เนื้อหนักและสารผลัดเซลล์ผิว ส่วนตอนกลางคืนควรเน้นการทำความสะอาดและเพิ่มความชุ่มชื้น
  • ควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจเป็นเกิดการระคายผิว ได้แก่ น้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน ไฮโดรควิโนน ฟอร์มาลดีไฮด์ และอ็อกซีเบนโซน เนื่องจากอาจทำให้ปราการผิวเสื่อมสภาพ
     

 

ทาสกินแคร์ก็หลายตัว แต่ทำไมสภาพผิวก็ยังไม่ดูดีขึ้นเลย? คำตอบก็คือ ขั้นตอนลงสกินแคร์ เพราะการลงสกินแคร์อย่างเป็นขั้นเป็นตอน เรียงลำดับการใช้ที่ถูกต้อง ช่วยให้สกินแคร์ช่วยบำรุงผิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ บทความนี้ จะพาไปดูขั้นตอนการลงสกินแคร์ ที่จะทำให้ผิวรับสารบำรุงได้ดีกว่าวิธีเดิมๆ
 

การเลือกใช้สกินแคร์บำรุงผิวที่ถูกต้อง

การเลือกใช้สกินแคร์ที่ถูกต้องนั้นถือว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อการดูแลผิวให้สุขภาพดี และแข็งแรงไม่แพ้ง่าย โดยการเลือกใช้สกินแคร์ที่ดีต่อผิวมากที่สุดนั้นควรใส่ใจในเรื่องดังต่อไปนี้
 

เลือกใช้สกินแคร์ที่เหมาะกับผิวหน้า 

แต่ละคนนั้นมีสภาพผิวที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น ผิวมัน ผิวผสม ผิวธรรมดา และโดยเฉพาะผิวแพ้ง่ายที่ต้องใส่ใจในการเลือกสกินแคร์มากเป็นพิเศษ 
 

ดูส่วนผสมของสกินแคร์ให้ละเอียด 

เนื่องจากส่วนผสมของสกินแคร์บางชนิดอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ หรือระคายผิวง่าย เช่น พาราเบน น้ำหอม หรือแอลกอฮอล์ เป็นต้น ซึ่งหากใครที่มีผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยงสกินแคร์ที่มีส่วนผสมเหล่านี้ 
 

เลือกสกินแคร์ตามเป้าหมายการดูแลผิว

เลือกสกินแคร์ตามเป้าหมายการดูแลผิว เช่น หากใครที่มีผิวแพ้ง่าย ผิวโทรม ไวต่อสภาพแวดล้อม ควรเลือกใช้สกินแคร์ที่มีส่วนช่วยให้ปราการผิวแข็งแรงขึ้น มีความชุ่มชื้นและยืดหยุ่นได้ดีขึ้น หรือหากใครที่มีผิวเป็นสิวและต้องรักษาสิวไปด้วย ควรเลือกใช้สกินแคร์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ซึมลงสู่ผิวได้ดี และสามารถใช้ควบคู่ไปกับยาทาสิวด้วย เป็นต้น
 

เลือกสกินแคร์ที่ได้มาตรฐาน

เลือกสกินแคร์ที่ได้มาตรฐานหรือได้รับการรับรองจากแพทย์ผิวหนัง เช่น สกินแคร์ที่จัดอยู่ในหมวดเวชสำอางที่มีความอ่อนโยนต่อผิวและตอบโจทย์ปัญหาผิวได้ดีโดยเฉพาะผิวแพ้ง่าย ผิวเป็นสิว ผิวมัน ทั้งนี้จะต้องทดลองผลิตภัณฑ์สกินแคร์ก่อนใช้งานจริงทุกครั้ง

10 ขั้นตอนการลงสกินแคร์ที่ถูกต้อง
 

10 ขั้นตอนการลงสกินแคร์ที่ถูกต้อง


การเลือกใช้สกินแคร์ที่ได้คุณภาพและเหมาะกับสภาพผิวถือเป็นด่านแรกในขั้นตอนการบำรุงผิว ส่วนขั้นตอนต่อมาที่จะช่วยให้ผิวกระจ่างใส แข็งแรงสุขภาพดีและไม่แพ้ง่าย แนะนำให้ทำตาม 10 ขั้นตอนการลงสกินแคร์รูทีน (Skincare Routine) ดังต่อไปนี้
 

1. ล้างเครื่องสำอางบนผิวหน้า

เพราะในชีวิตประจำวันผิวของเรา ต้องเผชิญกับมลภาวะและฝุ่นละอองต่างๆ รวมถึงเครื่องสำอางที่แต่งทุกวัน การที่เราจะลงสกินแคร์เพื่อบำรุงผิวในแต่ละครั้ง จำเป็นต้องเช็ดหน้าด้วยคลีนซิ่ง และล้างหน้าให้สะอาดก่อนเสมอ เพื่อให้ผิวหน้าสะอาดพร้อมรับการบำรุงใหม่และป้องกันการอุดตันซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว รวมถึงการสะสมเซลล์ผิวเก่าที่ทำให้ผิวหน้าโทรม คล้ำ ไม่กระจ่างใส 

แต่สำหรับคนที่ผิวแพ้ง่ายควรเลือกใช้คลีนซิ่งที่มีความอ่อนโยน แต่ทำความสะอาดได้ล้ำลึกอย่าง คลีนซิ่งสูตรน้ำหรือไมเซล่าวอเตอร์
 

Sensibio H2O 

Sensibio H2O ช่วยขจัดสิ่งสกปรกและเครื่องสำอางได้อย่างหมดจด ปลอบประโลมผิวที่ระคายง่าย พร้อมทั้งสร้างสมดุลตามธรรมชาติของผิว ทำให้ผิวรู้สึกสดชื่นและแข็งแรงขึ้น
 

 Sébium H2O

Sébium H2O ช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก ลดความมันส่วนเกิน ควบคุมการผลิตน้ำมัน พร้อมทั้งบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง ผิวรู้สึกสดชื่นและสะอาดยาวนาน
 

Hydrabio H2O

Hydrabio H2O ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวรู้สึกสดชื่นและอิ่มน้ำหลังทำความสะอาด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่แห้งและเป็นมลพิษ
 

2. ใช้เจลล้างหน้าที่อ่อนโยนทำความสะอาดหน้า


ขั้น ตอน การ ลง ส กิน แคร์ ใช้เจลล้างหน้าที่อ่อนโยนทำความสะอาดหน้า


หลังจากเช็ดหน้าด้วยคลีนซิ่งแล้ว ก่อนไปถึงขั้นตอนการลงสกินแคร์จะต้องล้างทำความสะอาดผิวหน้าด้วยเจลล้างหน้าอีก 1 ขั้นตอน หรือที่เรียกว่าขั้นตอน Double Cleansing เพื่อชะล้างความมันส่วนเกินบนใบหน้าและสิ่งสกปรกที่ฝังเกาะอยู่ตามรูขุมขน 

หากใครที่มีผิวแพ้ง่ายควรเลือกใช้เจลล้างหน้าที่ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง มีค่า pH 5.5 ที่คล้ายคลึงกับโครงสร้างผิว เพื่อป้องกันการระคายผิวและช่วยให้ผิวชุ่มชื้นหลังล้างหน้า 
 

Sensibio Gel moussant

Sensibio Gel moussant ช่วยทำความสะอาดผิวหน้าและรอบดวงตาได้อย่างหมดจด ปลอบประโลมผิวที่ระคายง่าย ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว เหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย

Sébium Gel moussant

Sébium Gel moussant ช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างหมดจด ลดความมันส่วนเกิน ช่วยให้รูขุมขนสะอาดหมดจด ลดปัญหาสิวเสี้ยน สิวอุดตัน อ่อนโยนต่อผิวบอบบางรอบดวงตา เหมาะสำหรับผิวมันและผิวผสม

 

3. ใช้โทนเนอร์เช็ดผิวหน้า 

หลังจบขั้นตอนการทำความสะอาดผิว ให้ใช้โทนเนอร์เช็ดผิวทันที เพื่อให้รูขุมขนเปิดหลังล้างหน้า เข้าสู่ระยะการเตรียมผิว พร้อมรับการบำรุง โดยโทนเนอร์จะมีหน้าที่เข้าไปเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว พร้อมให้สกินแคร์ซึมลงสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก

Sensibio Tonique

Sensibio Tonique ช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่น สบายผิวทันที พร้อมเติมความชุ่มชื้นให้ผิวดูอิ่มน้ำ ปลอบประโลมผิวที่ระคายง่าย และเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงจากผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ

Sébium Lotion

Sébium Lotion ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นยาวนาน 8 ชั่วโมง ควบคุมความมันส่วนเกิน ลดโอกาสการเกิดสิว ทำให้รูขุมขนแลดูเล็กลง 

Hydrabio Tonique

Hydrabio Tonique ช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่น เปล่งปลั่ง เติมความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มน้ำ เหมาะสำหรับผิวแห้งและขาดน้ำ
 

4. ลงน้ำตบหรือเอสเซนส์ทั่วใบหน้าและลำคอ

ขั้นตอนลงสกินแคร์ลำดับต่อมา คือ หลังจากที่เปิดรูขุมขนด้วยโทนเนอร์แล้วให้ลงสกินแคร์ที่มีเนื้อบางเบาและซึมลงสู่ผิวได้เร็ว ได้แก่ น้ำตบหรือเอสเซนส์ ให้ทั่วใบหน้าและลำคอ โดยสามารถทำได้ทั้งขั้นตอนลงสกินแคร์ตอนเช้าและขั้นตอนลงสกินแคร์ตอนกลางคืน 

โดยเฉพาะผิวแห้ง ขาดน้ำ ผิวแพ้ง่าย หรือผิวเป็นสิว ที่ต้องการการบำรุงและจำเป็นต้องใช้สกินแคร์เนื้อบางเบาเพื่อให้ผิวได้รับการบำรุงที่ล้ำลึกขึ้น
 

5. ยาแต้มสิว

หากใครมีปัญหาเรื่องสิว ต้องใช้ยาแต้มสิวอยู่ในขั้นตอนการลงสกินแคร์ด้วย หลังลงน้ำตบแล้ว สามารถใช้ตัวยาแต้มสิว แต้มเฉพาะจุดที่สิวขึ้นได้ ไม่จำเป็นต้องทาทั่วใบหน้า หลังจากนั้นให้รอเนื้อครีมซึมเข้าสู่ผิว จึงค่อยลงสกินแคร์ขั้นต่อไป

ซึ่งยาแต้มสิว เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดหนึ่งที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเรื่องสิวโดยเฉพาะ มักจะมีส่วนผสมที่ช่วยลดการอักเสบของสิว ลดการสะสมของแบคทีเรีย และมีส่วนช่วยให้สิวยุบตัวลงได้เร็วขึ้น
 
 

6. ลงเซรั่มเพิ่มความชุ่มชื้น



ขั้น ตอน การ ลง ส กิน แคร์ ลงเซรั่มเพิ่มความชุ่มชื้น

ขั้นตอนต่อไปคือการบำรุงผิวด้วยเซรั่ม ซึ่งเซรั่มมีเนื้อสัมผัสที่บางเบากว่าครีมบำรุงผิว แต่มีความเข้มข้นมากกว่าโทนเนอร์ โดยมีส่วนผสมของสารสกัดเข้มข้นที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก ช่วยให้ซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วและล้ำลึก เหมาะสำหรับผิวที่ต้องการการบำรุงเป็นพิเศษ เช่น ผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ ผิวที่ต้องการการฟื้นบำรุง เป็นต้น ถ้าอยากมีผิว Glass Skin ก็อย่าลืมบำรุงผิวด้วยเซรั่มเป็นประจำเช้า-เย็น
 

Sensibio Defensive Serum

Sensibio Defensive Serum ช่วยปลอบประโลมผิวระคายง่าย เผยผิวกระจ่างใส และมอบความชุ่มชื้นต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง ด้วยเนื้อสัมผัสบางเบา ซึมไว ปราศจากน้ำหอม เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ช่วยให้ผิวแข็งแรงและมีสุขภาพดีขึ้น

Sébium Serum

Sébium Serum ช่วยแก้ปัญหาสิวได้ตรงจุด ควบคุมความมันบนผิว ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ช่วยให้รูขุมขนกระชับ รอยสิวแลดูจางลง ผิวเนียนนุ่ม พร้อมมอบความชุ่มชื้นยาวนาน 8 ชั่วโมง ไม่ก่อให้เกิดการระคายผิว เหมาะสำหรับผิวมันและผิวผสมที่เป็นสิว 

Hydrabio Sérum

Hydrabio Sérum เนื้อบางเบา ซึมเข้าสู่ผิวได้เร็ว ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างล้ำลึก ปรับผิวให้เรียบเนียน กระจ่างใส อ่อนโยนต่อผิว เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแห้งขาดน้ำ เผยผิวใหม่ที่สดใส เปล่งปลั่ง

 

7. ครีมทารอบดวงตา

ครีมทารอบดวงตา eye cream เป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะสำหรับผิวบอบบางบริเวณรอบดวงตา ช่วยลดถุงใต้ตา รอยคล้ำ และริ้วรอยด้วยการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและคอลลาเจน พร้อมปกป้องผิวด้วยสาร Antioxidant และมอบความชุ่มชื้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวรอบดวงตา โดยควรเลือกสูตรอ่อนโยนปราศจากน้ำหอมและสารที่ก่อนให้เกิดการระคายผิว
 

8. ทามอยส์เจอไรเซอร์

ขั้นตอนการลงสกินแคร์ลำดับสุดท้ายที่มีความสำคัญมากสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวขาดน้ำ ผิวแพ้ง่าย ที่ลักษณะของผิวมีความอ่อนแอและไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ในผิวได้ดีเท่าที่ควร การทาครีมบำรุงผิวหน้าที่มีเนื้อเข้มข้นจะช่วยมอบความชุ่มชื้นให้กับผิว รวมถึงล็อกเคลือบผิวไม่ให้สารบำรุงที่ลงไปที่ผิวก่อนหน้านี้ระเหยออกไปและซึบซาบลงสู่ชั้นผิวแทน 

โดยครีมบำรุงแนะนำที่เหมาะสำหรับผิวขาดน้ำ ผิวแห้ง ผิวระคายง่าย และผิวแพ้ง่าย ควรมีความอ่อนโยน ช่วยปลอบประโลมและช่วยฟื้นบำรุงผิวให้แข็งแรงยิ่งขึ้น อย่าง Bioderma Sensibio Defensive
 

มอยส์เจอไรเซอร์ Bioderma Sensibio Defensive พร้อมปกป้องผิวจากมลภาวะและสิ่งกระตุ้น ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ไม่อุดตัน ช่วยเสริมปราการผิว (Skin Barrier) ด้วยเตตระเปปไทด์-10 ที่ได้รับการพิสูจน์จากงานวิจัยแล้วว่าช่วยเสริมปราการผิวแข็งแรงมากขึ้นถึง 46% หลังการใช้งานติดต่อกันเป็นเวลา 28 วัน และช่วยปกป้องผิวจากสิ่งกระตุ้นภายนอกได้ด้วยสาร Antioxidant ประสิทธิภาพสูงทั้งคาร์โนซีนและวิตามินอี 

ช่วยให้ผิวต้านทานแสงแดด มลภาวะ และสารเคมีได้สูงถึง 75% พร้อมปลอบประโลมผิวแพ้ง่ายให้ผิวสบายมากยิ่งขึ้นและคงความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มน้ำยาวนาน 12 ชั่วโมง นอกจากนี้ การลงสกินแคร์ตอนเช้าควรทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะร่วมด้วย 
 

9. สลีปปิ้งมาสก์

สลีปปิ้งมาสก์ คือมาสก์หน้าที่ออกแบบมาให้ใช้ทาก่อนนอนโดยไม่ต้องล้างออก จะช่วยฟื้นบำรุงผิวอย่างล้ำลึกด้วยส่วนผสมเข้มข้นที่ซึมสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้นในช่วงกลางคืน บำรุงผิวหลายด้าน ทั้งให้ความชุ่มชื้น ผลัดเซลล์ผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ตื่นมาพบผิวเนียนนุ่ม กระจ่างใส และแข็งแรง แก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน หยาบกระด้าง ที่ทำให้แต่งหน้าไม่ติด เนื่องจากช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนและชุ่มชื้น จึงทำให้เมกอัปติดทนยิ่งขึ้น
 

10. ลิปมาสก์

ลําดับสุดท้ายของการทาสกินแคร์ คือการทาลิปมาสก์ที่จะช่วยบำรุงริมฝีปากเข้มข้นที่ออกแบบมาให้ใช้ก่อนนอน ช่วยฟื้นบำรุงริมฝีปากที่แห้ง แตก ลอก หมองคล้ำ ให้เนียนนุ่มชุ่มชื้น อิ่มเอิบ และมีสีสดใสเป็นธรรมชาติ 

ขั้นตอนการลงสกินแคร์ตอนเช้า และตอนกลางคืนอาจจะไม่ได้มีขั้นตอนที่ต่างกันมากนะ แต่ก็มีเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ เพื่อช่วยให้การลงสกินแคร์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนี้

  • ในขั้นตอนการลงสกินแคร์ตอนเช้าอาจจะเลี่ยงที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อหนัก เข้มข้นมาก หรือเนื้อออยล์ ที่จะยิ่งเข้าไปเพิ่มความมันระหว่างวัน ง่ายต่อการเกิดการอุดตันในรูขุมขน
  • อาจจะปิดท้ายขั้นตอนดูแลผิวตอนเช้าด้วยการใช้สเปรย์น้ำแร่ เพื่อเพิ่มความสดชื่น และล็อกสกินแคร์ เครื่องสำอางต่าง ๆ ไม่ให้หลุดลอก ไหลเยิ้มระหว่างวัน
  • เลี่ยงที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวในตอนเช้า ที่ต้องออกไปเจอแสงแดด เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการหน้าไหม้ ระคายผิวได้
  • ขั้นตอนการลงสกินแคร์ในตอนกลางคืนควรให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดผิวหน้ามากเป็นพิเศษ เพราะผิวต้องไปเผชิญมลภาวะมาทั้งวัน
  • เพิ่มความชุ่มชื้น และปลอมประโลมผิวให้ผ่อนคลายในตอนการคืนด้วยการใช้แผ่นชีทมาสก์
     

ส่วนผสมในสกินแคร์ที่ควรหลีกเลี่ยง มีอะไรบ้าง

เมื่อรู้กันไปแล้วว่า Skincare Routine มีอะไรบ้าง? มาดูส่วนผสมในสกินแคร์ที่ควรหลีกเลี่ยง คือ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมที่ทำร้ายผิว และมีความรุนแรงต่อผิวหน้า ทำให้ปราการผิวเสื่อมสภาพลง ได้แก่

  • ส่วนผสมของน้ำหอม (Fragrance)
  • ส่วนผสมของแอลกอฮอล์ (Alcohol)
  • ส่วนผสมของพาราเบน (Paraben)
  • ส่วนผสมของไฮโดรควิโนน (Hydroquinone)
  • ส่วนผสมของฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde)
  • ส่วนผสมของอ็อกซีเบนโซน (Oxybenzone)
     

สรุป

เพื่อให้การบำรุงผิวเห็นผลลัพธ์อย่างสูงสุด การบำรุงผิวตามขั้นตอนการลงสกินแคร์นั้น จะทำให้ผิวหน้าของรับสารบำรุงต่าง ๆ ได้อย่างล้ำลึก ครบถ้วน และมากไปกว่านั้นไม่เพียงแต่ขั้นตอนลงสกินแคร์เท่านั้น เราควรใส่ใจที่จะเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่ก่อความระคายผิวด้วยเช่นกัน

การดูแลผิวและแต่งหน้าให้สวยนั้นมีเทคนิคมากมาย มาดูคำถามยอดฮิตที่หลายคนสงสัยและคำตอบที่จะช่วยให้คุณดูแลผิวได้อย่างถูกต้อง

เริ่มจากการล้างหน้าให้สะอาด ตามด้วยโทนเนอร์ เซรั่ม มอยส์เจอไรเซอร์ และครีมกันแดด รอให้ผลิตภัณฑ์ซึมสักครู่ก่อนลงมือแต่งหน้า เพื่อให้เครื่องสำอางติดทนยิ่งขึ้น

ทาน้ำตบก่อนแต่งหน้าได้ แต่ต้องรอให้น้ำตบซึมเข้าสู่ผิวก่อน เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น และพร้อมสำหรับการแต่งหน้า ไม่ทำให้รองพื้นเป็นคราบ

เน้นการเกลี่ยรองพื้นบางๆ ใช้คอนซีลเลอร์เฉพาะจุดที่ต้องการปกปิด เลือกสีที่ใกล้เคียงสีผิวและเกลี่ยให้กลมกลืน ปัดแก้มโทนอ่อนๆ และใช้ลิปสติกสีธรรมชาติ

ใช้หลังบำรุงผิวและก่อนลงรองพื้น โดยรอให้สกินแคร์ซึมเข้าสู่ผิวก่อน จากนั้นจึงทาไพรเมอร์ให้ทั่วใบหน้า รอสักครู่แล้วจึงลงรองพื้น

ไม่ได้ เพราะน้ำตบมีเนื้อบางและระเหยเร็ว ทำหน้าที่เพียงเตรียมผิวเท่านั้น ต่างจากมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและสร้างเกราะป้องกันผิว

เซรั่มมีเนื้อบางและเข้มข้น ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาผิวเฉพาะจุด ซึมเร็ว ส่วนครีมมีเนื้อข้นกว่า เน้นการให้ความชุ่มชื้นและปกป้องผิว ควรใช้เซรั่มก่อนแล้วตามด้วยครีม