Key Takeaway

  • สกินแคร์ (Skincare) คือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการดูแลและบำรุงผิว ทั้งผิวหน้าและผิวกาย เพื่อให้ผิวมีสุขภาพดีและแข็งแรง
  • เนื้อสัมผัสของสกินแคร์มีหลากหลาย เช่น เอสเซนส์ เซรั่ม โลชั่น ครีม ควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการ
  • สกินแคร์รูทีนพื้นฐานประกอบด้วย คลีนซิ่ง คลีนเซอร์ โทนเนอร์ เซรั่มหรือครีม มอยส์เจอไรเซอร์ และครีมกันแดด ใช้ตามลำดับเพื่อการดูแลผิวที่ครบถ้วน
  • สำหรับมือใหม่ ควรระวังการเปลี่ยนสกินแคร์บ่อย อ่านฉลากให้ละเอียด ทดสอบก่อนใช้ และไม่คาดหวังผลเร็วเกินไป เพื่อการใช้สกินแคร์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

 



สกินแคร์มีอะไรบ้าง? มือใหม่หัดดูแลผิวต้องอ่าน! บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับสกินแคร์แต่ละชนิด พร้อมแนะนำขั้นตอนการบำรุงผิวแบบง่ายๆ เพื่อผิวสุขภาพดี แข็งแรงอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หัดดูแลผิว หรือต้องการปรับเปลี่ยนสกินแคร์รูทีน บทความนี้มีคำตอบให้คุณ

สกินแคร์ (Skincare) คือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการดูแลและบำรุงผิว ทั้งผิวหน้าและผิวกาย เพื่อให้ผิวมีสุขภาพดีและแข็งแรง ซึ่งสกินแคร์มีหลายประเภท เช่น โฟมล้างหน้า เซรั่ม ครีมบำรุง และมอยส์เจอไรเซอร์ ซึ่งแต่ละประเภทมีหน้าที่และคุณสมบัติที่แตกต่างกัน โดยสกินแคร์สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้
 

กลุ่มสกินแคร์ปกป้องผิว

สกินแคร์ในกลุ่มนี้มีหน้าที่ปกป้องผิวจากปัจจัยภายนอกที่อาจทำร้ายผิว เช่น แสงแดด มลภาวะ และอนุมูลอิสระ ตัวอย่างเช่น ครีมกันแดด ซึ่งช่วยป้องกันผิวจากรังสี UV ที่เป็นสาเหตุของริ้วรอยก่อนวัยและจุดด่างดำ
 

กลุ่มสกินแคร์บำรุงผิว

สกินแคร์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงผิวให้แข็งแรง เช่น มอยส์เจอไรเซอร์ เซรั่ม และครีมบำรุงต่างๆ นอกจากจะช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นแล้ว ยังช่วยแก้ปัญหาแต่งหน้าไม่ติดได้อีกด้วย เพราะผิวที่ชุ่มชื้นจะช่วยให้เครื่องสำอางติดทนนานขึ้น
 

กลุ่มสกินแคร์รักษาผิว

จริงๆ แล้ว ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้เป็นยา ซึ่งไม่ใช่สกินแคร์อย่างที่เข้าใจกัน มักมีส่วนผสมที่ช่วยรักษาปัญหาผิวเฉพาะด้าน เช่น ยาแต้มสิว ที่มีส่วนผสมของสารออกฤทธิ์ที่ช่วยลดการอักเสบ

สกินแคร์มีการทำเนื้อสัมผัสออกมาหลายแบบ เพื่อให้ตอบโจทย์กับสภาพผิว ประเภทและชนิดของสกินแคร์ที่แตกต่างกัน มาดูกันว่ามีเนื้อสัมผัสแบบไหนบ้าง ดังนี้

  • เอสเซนส์ (Essence): เนื้อบางเบา ซึมซาบเร็ว เหมาะกับผิวทุกประเภท โดยเฉพาะผิวมัน มักพบในโทนเนอร์หรือเซรั่มเข้มข้น
  • เนื้อเซรั่ม (Serum): เนื้อบางเบาแต่เข้มข้น ซึมซาบเร็ว เหมาะกับทุกสภาพผิว 
  • เนื้อโลชั่น (Lotion): เนื้อบางเบากว่าครีม ซึมซาบง่าย เหมาะกับผิวมันถึงผิวผสม เช่น มอยส์เจอไรเซอร์ หรือโลชั่นบำรุงผิวกาย
  • เนื้อครีม (Cream): เนื้อข้นกว่าโลชั่น ให้ความชุ่มชื้นสูง เหมาะกับผิวแห้ง ผิวปกติ 
  • เนื้อบาล์ม (Ointment): เนื้อข้นเหนียว ให้ความชุ่มชื้นสูงมาก เหมาะกับผิวแห้งมาก หรือใช้เฉพาะจุด เช่น ริมฝีปาก หรือส้นเท้าแตก เป็นต้น
  • เนื้อแบบแท่ง (Stick): เนื้อแข็ง สะดวกในการพกพาและใช้งาน เช่น กันแดด มาสก์พอกผิว เป็นต้น
  • เนื้อสครับ (Pastes): เนื้อหยาบ มีเม็ดสครับ ช่วยขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก 

 

สร้างผิวสวย แข็งแรง ด้วยสกินแคร์รูทีนพื้นฐาน

สำหรับใครที่กำลังต้องการเริ่มที่จะดูแลผิว มาดูสกินแคร์รูทีนพื้นฐานกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง ดังนี้

คลีนซิ่ง (ใช้ก่อนล้างหน้าตอนเย็น)

คลีนซิ่งเป็นขั้นตอนแรกในการทำความสะอาดผิว มีหน้าที่ขจัดคราบเครื่องสำอาง ครีมกันแดด และสิ่งสกปรกที่สะสมบนผิวหน้าตลอดทั้งวัน ช่วยให้การล้างหน้าในขั้นตอนต่อไปมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งคลีนซิ่งมีหลายรูปแบบ เหมาะกับสภาพผิวต่างๆ ดังนี้
 

  • คลีนซิ่งน้ำ: เหมาะกับทุกสภาพผิว เช่น
  1. Sensibio H2O สำหรับผิวบอบบาง แพ้ง่าย ลดการระคายผิว
  2. Sébium H2O สำหรับผิวมัน ผิวผสม ช่วยควบคุมความมัน และไม่ก่อให้เกิดสิวอุดตัน
  3. Hydrabio H2O สำหรับผิวแห้ง ขาดน้ำ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น
     
  • คลีนซิ่งน้ำมัน: เหมาะกับผิวแห้ง ผิวบอบบาง ช่วยละลายเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกได้อย่างหมดจด โดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง ด้วยการนวดบนผิวหน้าแห้ง จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น
  • คลีนซิ่งบาล์ม: เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแห้ง

คลีนเซอร์

คลีนเซอร์หรือผลิตภัณฑ์ล้างหน้า มีหน้าที่ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึก ขจัดสิ่งสกปรก ความมัน และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ช่วยให้ผิวสะอาดหมดจด พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป ซึ่งคลีนเซอร์มีหลายรูปแบบ เหมาะกับสภาพผิวต่างๆ ดังนี้

  • เจลล้างหน้า (Gel Cleanser): เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่มีลักษณะเฉพาะที่ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในหลายสภาพผิว 
  1. Sensibio Gel moussant: เหมาะสำหรับผิวบอบบาง แพ้ง่าย อ่อนโยนต่อผิว ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
  2. Sébium Gel moussant: เหมาะสำหรับผิวมัน ผิวผสม ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง รวมถึงลดโอกาสการเกิดแบคทีเรียสะสม ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้
     
  • โฟมล้างหน้า (Foam Cleansing): มีลักษณะเป็นโฟม เหมาะสำหรับผิวมันและผิวผสม แต่ควรระวังสำหรับผิวแห้ง และผิวแพ้ง่าย
  • สบู่ก้อน (Syndet): สบู่ที่พัฒนามาให้มีความอ่อนโยนต่อผิว ลดการระคายผิว และเหมาะสำหรับผิวมัน แต่ไม่เหมาะกับผิวแพ้ง่าย

โทนเนอร์

โทนเนอร์เป็นสกินแคร์ที่ใช้หลังจากล้างหน้า จะช่วยปรับสมดุล pH ของผิว และเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป บางสูตรยังมีคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้นและบำรุงผิว

  • ผิวบอบบาง แพ้ง่าย: Sensibio Tonique ช่วยปลอบประโลมผิว เนื้อบางเบา และให้ความชุ่มชื้น
  • ผิวมัน ผิวผสม: Sébium Lotion ช่วยควบคุมการผลิตไขมันและค่า pH ของผิว ให้ชุ่มชื้น
  • ผิวแห้ง ขาดน้ำ: Hydrabio Tonique ช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่น และชุ่มชื้นยาวนาน 8 ชั่วโมง

เซรั่ม หรือครีม 

เซรั่มและครีมเป็นสกินแคร์บำรุงผิวที่มีความเข้มข้นของสารสำคัญสูง มีหน้าที่แก้ไขปัญหาผิวเฉพาะด้าน เช่น ริ้วรอย จุดด่างดำ หรือสิว ซึมเข้าสู่ผิวได้ลึกกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ

  • ผิวบอบบาง แพ้ง่าย: Sensibio Defensive Serum ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ มีสาร Antioxidant
  • ผิวมัน เป็นสิวง่าย: Sébium Serum ช่วยเรื่องสิว ริ้วรอย และรูขุมขนกว้าง
  • ผิวแห้ง ขาดน้ำ: Hydrabio Sérum ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นยาวนาน ปรับผิวให้เรียบเนียน แลดูกระจ่างใส

มอยส์เจอไรเซอร์

มอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) คือสกินแคร์ที่ช่วยเพิ่มและรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว ป้องกันการสูญเสียน้ำ ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ดูเปล่งปลั่งมีสุขภาพดี ซึ่งมอยส์เจอไรเซอร์มีหลายรูปแบบ เหมาะกับสภาพผิวต่างๆ ดังนี้
 

  • เนื้อโลชั่น: เหมาะกับผิวปกติถึงผิวมัน
  • เนื้อครีม: เหมาะกับผิวแห้ง แนะนำ Sensibio Defensive ช่วยปลอบประโลม และเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว
  • เนื้อเจล: เหมาะกับผิวมัน ผิวผสม 

ครีมกันแดด (ตอนเช้า)

ครีมกันแดดเป็นสกินแคร์ที่สำคัญที่สุดในการป้องกันผิวจากความเสียหายที่เกิดจากรังสี UV ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของริ้วรอยก่อนวัย จุดด่างดำ และมะเร็งผิวหนัง ควรทาครีมกันแดดเป็นขั้นตอนสุดท้ายของสกินแคร์รูทีนตอนเช้าทุกวัน แม้จะอยู่ในร่ม ซึ่งครีมกันแดดมีหลายรูปแบบ เหมาะกับสภาพผิวและกิจกรรมต่างๆ ดังนี้

  • เนื้อบางเบา: อย่าง Photoderm Aquafluide SPF50+ (Invisible) ที่เหมาะสำหรับใช้ประจำวัน ไม่เหนียวเหนอะหนะ แต่งหน้าทับได้ 
  • เนื้อกันน้ำ: เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง เล่นน้ำ ออกแดดทั้งวัน
  • เนื้อมูส: เหมาะสำหรับผิวมัน ไม่อุดตันรูขุมขน
     

อ่านเพิ่มเติม : วิธีทากันแดดที่ถูกต้อง ใช้กันแดดยังไง ให้ปกป้องผิวได้เต็มประสิทธิภาพ
 

สกินแคร์อื่นๆ ตอบโจทย์ทุกการดูแลผิว

นอกจากสกินแคร์พื้นฐานที่ต้องทาทุกวันเช้า-เย็นแล้ว ยังมีสกินแคร์อื่นๆ สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงผิวหน้า ดังนี้
 

น้ำตบ

น้ำตบช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง ขาดน้ำ หรือต้องการเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิวหน้า ใช้ก่อนแต่งหน้าเพื่อให้เครื่องสำอางติดทนนานขึ้น 
 

แผ่นมาสก์หน้า/โคลนมาสก์หน้า

แผ่นมาสก์หน้าและโคลนมาสก์หน้าช่วยบำรุงผิวเข้มข้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นบำรุงผิวอย่างเร่งด่วน หรือเตรียมผิวให้สวยก่อนงานสำคัญ สามารถใช้ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ลดริ้วรอย หรือทำให้ผิวกระจ่างใส

หากต้องการการดูแลผิวแบบ Glass Skin ซึ่งเป็นเทรนด์ความงามจากเกาหลี สามารถใช้แผ่นมาสก์หน้าเป็นประจำเพื่อให้ผิวชุ่มชื่น ฉ่ำโกลว์
 

อ่านเพิ่มเติม : มาสก์หน้าทุกวันดีไหม? มาสก์หน้าอย่างไรให้ได้ประโยชน์ และเห็นผลเร็ว
 

สลีปปิ้งมาสก์

สลีปปิ้งมาสก์เป็นมาสก์ที่ทาทิ้งไว้ข้ามคืน ช่วยฟื้นบำรุงผิวในขณะที่คุณนอนหลับ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดริ้วรอย ใช้ได้ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์

อายครีม

อายครีมเป็นสกินแคร์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับผิวบริเวณรอบดวงตา ซึ่งบอบบางกว่าผิวส่วนอื่นๆ บนใบหน้า ช่วยลดริ้วรอย ถุงใต้ตา และรอยคล้ำ เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา หรือต้องการป้องกันปัญหาผิวบริเวณนี้
 

อ่านวิธีการลงสกินแคร์ที่ถูกต้อง : 6 ขั้นตอนการลงสกินแคร์ที่ถูกต้อง เพื่อผิวกระจ่างใส ไม่แพ้ง่าย
 

ข้อควรระวังสำหรับมือใหม่ในการใช้สกินแคร์

สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มใช้สกินแคร์ มีข้อควรระวังดังนี้

  • อย่าเปลี่ยนสกินแคร์บ่อย: การเปลี่ยนสกินแคร์บ่อยๆ ทำให้ผิวปรับตัวไม่ทัน อาจเกิดการระคายผิวได้ ควรทดลองใช้สกินแคร์ตัวใดตัวหนึ่งไปสักระยะหนึ่ง (ประมาณ 4-6 สัปดาห์) เพื่อดูผลลัพธ์
  • อ่านฉลากสกินแคร์: สังเกตส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ เช่น น้ำหอม สีสังเคราะห์ พาราเบน หากมีประวัติแพ้ง่าย ควรเลือกสกินแคร์ที่ปราศจากสารเหล่านี้
  • ทดสอบสกินแคร์ก่อนใช้: ทดลองใช้สกินแคร์กับผิวบริเวณเล็กๆ เช่น ข้อมือ หรือหลังใบหู ก่อนนำมาใช้กับใบหน้า เพื่อสังเกตอาการแพ้ หากไม่มีอาการผิดปกติภายใน 24-48 ชั่วโมง จึงค่อยใช้กับใบหน้า
  • อย่าคาดหวังผลลัพธ์ที่รวดเร็ว: การดูแลผิวต้องใช้เวลา ผิวจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ โดยทั่วไปต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์จึงจะเห็นผลชัดเจน
     
     

สรุป

การมีสกินแคร์รูทีนที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญสู่ผิวสวยสุขภาพดี สำหรับมือใหม่ ควรเริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากสกินแคร์พื้นฐาน เช่น คลีนเซอร์ มอยส์เจอไรเซอร์ และครีมกันแดด แล้วค่อยๆ เพิ่มสกินแคร์อื่นๆ เมื่อผิวเริ่มคุ้นเคย พร้อมกับหมั่นสังเกตผิวตัวเองและปรับรูทีนตามความเหมาะสม เพราะสภาพผิวอาจเปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ สภาพอากาศ หรือฮอร์โมน เป็นต้น

การดูแลผิวไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เข้าใจพื้นฐานของสกินแคร์ และเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือผู้ที่ต้องการปรับเปลี่ยนสกินแคร์รูทีน การเริ่มต้นด้วยขั้นตอนพื้นฐานและค่อยๆ เพิ่มสกินแคร์ตามความจำเป็นจะช่วยให้ค้นพบการดูแลผิวที่เหมาะกับคุณที่สุด

คลีนเซอร์แบบไม่ต้องล้างออก

ผิวแพ้ง่าย ผิวธรรมดา

เทคโนโลยี ไมเซล่า

Sensibio H2O

The original Cleansing Micellar Water. Soothes and respects the skin's balance.

คลีนซิ่งไมเซล่า วอเตอร์ (Micellar Water) ปลอบประโลมผิวแพ้ระคายและไม่ทำลายสมดุลของผิว

สำหรับใคร

ผู้ใหญ่, วัยรุ่น

BIODERMA Sensibio Gel moussant เจลล้างหน้าไมเซล่า สูตรอ่อนโยนแม้ผิวแพ้ง่าย

คลีนเซอร์แบบล้างออก

ผิวแพ้ง่าย

สิทธิบัตร D.A.F.

Sensibio Gel moussant

เจลล้างหน้าไมเซล่าสูตรอ่อนโยนแม้ผิวแพ้ง่าย

สำหรับใคร

ผู้ใหญ่, วัยรุ่น

BIODERMA Hydrabio Tonique โลชั่นโทนเนอร์ มอบความชุ่มชื้นให้ผิวแห้งขาดน้ำ

บำรุงผิวได้ทุกวัน

ผิวแพ้ง่าย

สิทธิบัตร D.A.F.

Sensibio Tonique

โทนเนอร์ปลอบประโลมผิว และให้ความชุ่มชื้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผิว

สำหรับใคร

ผู้ใหญ่, วัยรุ่น

Bioderma Sensibio Defensive SerumBIODERMA Sensibio Defensive Serum เซรั่มบำรุงเข้มข้น

เซรั่ม

ผิวบอบบางและแพ้ง่าย

เทคโนโลยีดีเฟนซีฟ

Sensibio Defensive Serum

เซรั่มบำรุงเข้มข้น เพื่อผิวสตรอง ปกป้องทุกมลภาวะ

สำหรับใคร

ผู้ใหญ่, วัยรุ่น