วิธีทากันแดดที่ถูกต้อง ใช้กันแดดยังไง ให้ปกป้องผิวได้เต็มประสิทธิภาพ
มาดูวิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง ทากันแดดยังไงให้ป้องกันฝ้า กระ จุดด่างดำ ได้อย่างเต็มที่ ป้องกันรังสี UVA UVB และแสงสีฟ้าได้แบบเต็มประสิทธิภาพ ไปพร้อมกันได้ในบทความ
มาดูวิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง ทากันแดดยังไงให้ป้องกันฝ้า กระ จุดด่างดำ ได้อย่างเต็มที่ ป้องกันรังสี UVA UVB และแสงสีฟ้าได้แบบเต็มประสิทธิภาพ ไปพร้อมกันได้ในบทความ
“แสงแดด” ตัวการร้ายทำลายผิว และทำลายเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวสูญเสียคอลลาเจน และความชุ่มชื้น ส่งผลให้ผิวอ่อนแอ คล้ำเสีย แก่กว่าวัย หรืออาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ การทาครีมกันแดดจึงเป็นหนึ่งในวิธีการปกป้องผิวจากรังสี UVA UVB และแสงสีฟ้า แต่การทาครีมกันแดดต้องทาให้ถูกวิธี เพื่อให้ครีมกันแดดทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถป้องกันการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำได้ บทความนี้จะพามาดูวิธีการทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง เพื่อผิวสวยสุขภาพดี ปกป้องผิวจากรังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เคยไหม? ทาครีมกันแดดแล้ว แต่ทำไมผิวกลับแย่ลง ทั้งผิวไหม้ เป็นสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ แถมผิวยังอ่อนแอ และแพ้ง่ายกว่าเดิม หลายคนอาจจะโทษครีมกันแดดว่าไม่มีประสิทธิภาพ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ส่งผลต่อการทำงานของครีมกันแดด จริงๆ แล้ว ครีมกันแดดจะปกป้องผิวของเราได้ดีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับวิธีทาครีมกันแดดด้วยเช่นกัน เพื่อสังเกตว่าเราใช้ครีมกันแดดผิดวิธีอยู่หรือเปล่า มาดูกันกับ 10 ข้อ ที่บอกว่าคุณกำลังทาครีมกันแดดผิดวิธีอยู่!
โดยส่วนใหญ่หลายคนมักจะทาครีมกันแดดไม่เพียงพอ เมื่อทาน้อยเกินไปครีมกันแดดก็ไม่สามารถปกป้องผิวจากแสงยูวีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันผิวไหม้จากแดด เราควรทาครีมกันแดดในปริมาณ 1 ออนซ์ หรือ 1 แก้วช็อตสำหรับบริเวณร่างกาย และทาครีมกันแดดปริมาณ 2 ข้อนิ้วมือ
การทาครีมกันแดดเพียงครั้งเดียวต่อวัน โดยที่ไม่ทาซ้ำระหว่างวันเป็นวิธีทาครีมกันแดดที่ผิด นั่นก็เป็นเพราะว่าประสิทธิภาพการทำงานของครีมกันแดดจะลดลงไปเรื่อยๆ ไม่ว่าค่า SPF ในครีมกันแดดจะสูงแค่ไหน เราก็จำเป็นที่จะต้องทาซ้ำระหว่างวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ออกแดดบ่อย
บางคนเริ่มทาครีมกันแดดก็ตอนที่ออกจากบ้านไปแล้ว แต่จริงๆแล้ว เราควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านประมาณ 15-30 นาที เพื่อให้ครีมกันแดดเซ็ทตัว และยึดเกาะผิวได้ดี นอกจากนี้การออกแดดเพียงแค่เวลาสั้นๆ โดยไม่ทาครีมกันแดด ผิวก็สามารถถูกแสงแดดทำร้ายได้เช่นกัน
ครีมกันแดดหมดอายุได้ อันเนื่องมาจากการเก็บรักษา หรืออยู่ในที่ร้อน-เย็นเป็นเวลานาน ทำให้ประสิทธิภาพการครีมกันแดดลดลง และไม่สามารถปกป้องผิวจากการทำร้ายของรังสียูวีได้
สำหรับคนที่มีผิวเข้มอยู่แล้วอาจมองข้ามเรื่องการทาครีมกันแดดเพราะคิดว่าร่างกายผลิตเมลานินมากพอที่จะปกป้องผิวจากแสงแดด แต่อย่าลืมว่าไม่ว่าสีผิวไหน แสงแดดสามารถทำร้ายผิวได้เหมือนกัน เมลานินไม่สามารถช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งผิวหนัง หรือผิวแก่ได้
การทาครีมกันแดดเพื่อดูแลผิวให้ห่างไกลจากการทำร้ายจากรังสียูวีนั้นไม่เพียงพอ เมื่อทาครีมกันแดดแล้วก็ควรใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด ใส่หมวก กางร่ม หรือหากไม่จำเป็น ก็ไม่ควรออกนอกบ้านในช่วงเวลากลางวัน เพราะเป็นช่วงที่แดดร้อนจัด และทำให้ผิวคล้ำเสียได้มากที่สุด
รู้หรือไม่ว่าครีมกันแดดสำหรับเด็กก็สามารถใช้กับผู้ใหญ่ได้เหมือนกัน หลายคนมองข้ามเพราะคิดว่าประสิทธิภาพการครีมกันแดดคงไม่เข้มข้นเท่ากับของผู้ใหญ่ ครีมกันแดดเด็กมักจะมีส่วนผสมที่อ่อนโยน ไม่มีน้ำหอม จึงเหมาะกับผู้ใหญ่ที่มีผิวแพ้ง่าย
ครีมกันแดดที่สามารถกันแมลงได้อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง การทาเพียงครั้งเดียวไม่ได้ส่งผลเสียต่อผิว แต่อย่าลืมว่าการทาครีมกันแดดต้องทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงครีมกันแดดที่มีส่วนผสมป้องกันแมลงจะดีกว่า
ผิวคนเราเจอรังสียูวีตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะฤดูไหน หรือสถานที่ใดก็ตาม หรือแม้แต่ในบ้านของเราเอง หลายคนจึงมองข้ามการทาครีมกันแดดเป็นประจำ แต่เลือกทาเฉพาะเวลาที่ต้องออกแดดแรงๆ เช่นการไปเที่ยวทะเล หรือว่ายน้ำ
การทาครีมกันแดดที่ถูกต้องจะช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานของครีมกันแดดให้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้ผิวได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังป้องกันปัญหาผิวไม่ว่าจะผิวเหี่ยว แก่ก่อนวัย หรือผิวคล้ำเสีย
ครีมกันแดดที่ไม่ค่อยได้หยิบมาใช้งานอาจเกิดการจับตัวเป็นก้อน หรือแยกเป็นชั้น ดังนั้นควรเขย่าครีมกันแดดก่อนใช้เพื่อให้เนื้อครีมเข้ากัน
วิธีใช้ครีมกันแดดที่ถูกต้อง คือ ต้องทาให้ทั่ว อย่าละเลยในส่วนที่มองไม่เห็น บริเวณที่หลายคนมักจะละเลยในการทาก็อย่างเช่น ใบหู คอ หลังมือ หลังเท้า หรือหลัง เป็นต้น และควรทาครีมกันแดดเป็นจุดเล็กๆ ให้ทั่ว และเกลี่ยให้ทั่วถึง ที่สำคัญต้องทาครีมกันแดดในปริมาณที่เพียงพอ
ควรทาครีมกันแดดอย่างเบามือโดยเฉพาะในบริเวณที่บอบบางอย่างใบหน้า แนะนำว่าให้ใช้วิธีการทาครีมกันแดดเบาๆ ให้ทั่วใบหน้าแทนการถูเพื่อป้องกันผิวระคายเคือง และเพื่อให้ครีมกันแดดเกลี่ยอย่างทั่วถึงนั่นเอง สำหรับบริเวณรอบดวงตาควรเลือกเป็นครีมกันแดดแบบสติ๊กเพื่อให้คุณสามารถกะน้ำหนัก และปริมาณครีมกันแดดได้อย่างเหมาะสม ลดโอกาสระคายเคือง
ครีมกันแดดจะมีทั้งที่ออกแบบมาเพื่อทาผิวกาย ผิวหน้า หรือทั้งผิวหน้าและผิวกาย สำหรับผิวหน้าควรเลือกใช้ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้าเท่านั้น เพราะครีมกันแดดสำหรับผิวหน้ามักจะมีเนื้อบางเบา ไม่หนัก เกลี่ยง่ายกว่าครีมกันแดดทาตัว
วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง คือ การทาในปริมาณที่เหมาะสมกับบริเวณที่ทา เพื่อให้ผิวได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ ซึ่งแต่ละส่วนควรทาในปริมาณดังนี้
หลังทาครีมกันแดดเสร็จแล้วควรรอ 15-30 นาทีก่อนออกแดด เพื่อให้ครีมกันแดดเซ็ตตัวเป็นฟิล์มเคลือบผิว เพื่อไม่ให้ครีมกันแดดหลุดง่าย เสริมประสิทธิภาพการทำงาน และความคงทนของครีมกันแดดให้มากขึ้น
รู้หรือไม่ว่าครีมกันแดดมีหลายประเภท และเหมาะกับสภาพผิวที่แตกต่างกันออกไป รวมทั้งแต่ละคนก็มีความชื่นชอบประเภทของครีมกันแดดที่ไม่เหมือนกัน เราจึงควรทำความรู้จักประเภทของครีมกันแดดเพื่อที่จะสามารถเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการ การใช้งาน และสภาพผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งกันแดดสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
Chemical Sunscreen หรือครีมกันแดดเคมี เป็นครีมกันแดดที่มีส่วนประกอบของสารเคมีที่ช่วยในการครีมกันแดด เช่น Panimate O, Bensophenone, Cinnamates, Antranilate, Homosalate และ Oxybenzene หลักการทำงานของครีมกันแดดเคมี คือ ดูดซับรังสียูวีเพื่อเปลี่ยนเป็นความร้อนป้องกันไม่ให้รังสียูวีเข้าไปทำลายผิวหนังชั้นลึกได้ ลักษณะครีมกันแดดเคมีมักจะมีความข้น หรือมีลักษณะเป็นน้ำนม เหมาะกับคนผิวมัน ผิวธรรมดา คนที่เหงื่อออกเยอะ หรือคนที่เล่นกีฬา
Physical Sunscreen มีการทำงานโดยการสะท้อนรังสี UVA และรังสี UVB ออกไปจากผิวหนัง มีส่วนประกอบของสารที่ใช้ในการป้องกันรังสียูวีเหมือนกับครีมกันแดดเคมี แต่จะมีส่วนประกอบหลักน้อยกว่า ได้แก่ Titanium Dioxide และ Zinc Oxide เหมาะกับคนที่มีผิวแพ้ง่าย กลัวการอุดตัน
Hybrid Sunscreen เป็นการผสมผสานระหว่าง Chemical Sunscreen และ Physical Sunscreen ที่มีส่วนผสมที่สำคัญอย่าง Bis-benzotriazolyl Tetramethylbutylphenol หรือ Tinosorb M ทำงานโดยป้องกันแสงแดดทั้งแบบการดูดซับ และแบบสะท้อนรังสี โอกาสการเกิดการระคายเคือง หรือผิววอกได้น้อย ถือเป็นการนำเอาข้อดีและข้อด้อยของ Chemical Sunscreen และ Physical Sunscreen มาพัฒนาได้อย่างลงตัว
เมื่อทาครีมกันแดดไปสักระยะประสิทธิภาพของครีมกันแดดก็จะลดลงเรื่อยๆ รวมไปทั้งการใช้ชีวิตเจอแสงแดด ความร้อน กิจกรรมต่างๆ ทำให้ครีมกันแดดเริ่มหลุดลอกออกไป ดังนั้น การหมั่นทาครีมกันแดดซ้ำบ่อยๆ จึงเป็นวิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง และควรทำ เพื่อเป็นการปกป้องผิวจากรังสียูวีอย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ฤดูไหน ทำกิจกรรมอะไร การทาครีมกันแดดจำเป็นมากๆ เพราะรังสียูวีมีอยู่ทุกที่ แม้กระทั่งในร่ม อย่างในบ้าน ในอาคาร หรือแม้กระทั่งแสงสีฟ้าจากหน้าจอมือถือ และคอมพิวเตอร์ ซึ่งการทาครีมกันแดดเป็นประจำจึงช่วยปกป้องผิวจากความคล้ำเสีย ฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวไหม้ ผิวแห้งแดงระคายเคือง และผิวแก่ได้
การใช้ครีมกันแดดที่ไม่ถูกวิธีทำให้ครีมกันแดดทำงานได้ไม่เต็มที่ ไม่สามารถปกป้องผิวให้ปลอดภัยจากรังสี UVA และ UVB ได้ เช่น การทาครีมกันแดดในปริมาณที่ไม่เพียงพอ และไม่ทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง ทำให้ผิวแทบไม่ได้รับการป้องกันเลย การรู้จักวิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้องจึงมีความสำคัญ เพราะทำให้การทาครีมกันแดดไม่เสียเปล่า ช่วยดูแลให้สดใส ห่างไกลความคล้ำเสีย หากทำตามวิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้องตามที่บทความได้แนะนำไป รับรองว่าจะครีมกันแดดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ลดโอกาสเกิดริ้วรอย ฝ้า กระ และปัญหาต่างๆ ที่เกิดจากแสงแดดได้อย่างแน่นอน
ผิวแพ้ง่ายที่ต้องเผชิญกับแสงแดด
คุณกำลังมองหาครีมกันแดดประสิทธิภาพสูงสำหรับผิวของคุณอยู่หรือเปล่า
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโฟโตเดิร์ม (Photoderm) คือผลิตภัณฑ์กันแดดครบวงจรสำหรับทุกสภาพผิวรวมถึงผิวที่มีความไวต่อแสงแดด โดยมีทั้งผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดสำหรับผิวที่ไวต่อสิ่งกระตุ้นอย่างแสงแดดหรือสารเคมีผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดสำหรับผิวแพ้ง่าย และผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดสำหรับผิวมันถึงผิวเป็นสิวง่ายโดยเฉพาะ