เชื่อว่าหลายคนที่ใช้สกินแคร์ต้องมีโทนเนอร์ติดมือไว้แน่นอน แต่อาจจะยังไม่รู้ว่าที่จริงแล้วโทนเนอร์คืออะไร โทนเนอร์ใช้ตอนไหนได้บ้าง จำเป็นไหมที่จะต้องใช้โทนเนอร์เช็ดหน้า หรือผิวหน้าของเราเหมาะกับโทนเนอร์ประเภทไหน บทความนี้จะมาไขคำตอบให้เราได้ทำความรู้จักกับโทนเนอร์มากขึ้น

 

สารบัญบทความ

1. โทนเนอร์ (Toner) คืออะไร 

ก่อนอื่นมารู้จักโทนเนอร์กันก่อนว่าโทนเนอร์คืออะไร? โทนเนอร์ (Toner) คือ หนึ่งในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่มีสรรพคุณในการช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ให้ผิวชุ่มชื้น รูขุมขนพร้อมเปิดรับสารบำรุงในขั้นตอนถัดไป เพราะการใช้โทนเนอร์จะอยู่ในขั้นตอนแรกของการบำรุงผิวหลังจากทำความสะอาดผิวหน้าด้วยการใช้คลีนซิ่ง และเจลล้างหน้ามาแล้ว 

หลายคนอาจไม่ทราบว่าโทนเนอร์มีส่วนสำคัญในการช่วยปกป้องสมดุล pH ของผิวซึ่งเป็นพื้นฐานที่ทำให้ผิวแข็งแรง เป็นเกราะป้องกันให้กับผิว ที่สำคัญโทนเนอร์ยังช่วยให้ผิวหน้าเปิดรับการบำรุงเข้าสู่ผิวได้ล้ำลึกกว่าการไม่ได้ใช้โทนเนอร์เช็ดหน้า และบำรุงตามด้วยครีมบำรุงอื่นๆ ลงไป

จากที่อ่านมาทุกคนคงจะเห็นแล้วว่าโทนเนอร์นั้นมีสรรพคุณต่อผิวหลากหลายอย่าง หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วแบบนี้โทนเนอร์ คือ ผลิตภัณฑ์ที่ไว้ใช้ทำอะไรกันแน่ จริงๆ แล้วโทนเนอร์มีกี่แบบกัน ทำไมถึงมีสรรพคุณหลากหลายขนาดนี้  ซึ่งประเภทของโทนเนอร์แบ่งออกได้เป็น 3 แบบ

โทนเนอร์กระชับรูขุมขน

โทนเนอร์ผลัดเซลล์ผิว (Exfoliating Toner)

สำหรับโทนเนอร์ประเภทแรกจะเป็นโทนเนอร์ประเภทผลัดเซลล์ผิว ซึ่งโทนเนอร์ประเภทนี้จะมีส่วนผสมที่ออกฤทธิ์ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า และยังช่วยลดจุดด่างดำ รอยดำจากสิว ปรับผิวให้มีความกระจ่างใสขึ้น ตัวอย่างส่วนผสมในโทนเนอร์ประเภทนี้ เช่น AHAs/BHAs/PHAs, Niacinamide, Vitamin C, Snail Mucin, Hyaluronic Acid เป็นต้น 

 

โทนเนอร์เติมน้ำให้ผิว (Hydrating Toner)

โทนเนอร์ประเภทต่อมาคือโทนเนอร์เติมน้ำให้ผิว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ซึ่งมักจะมีส่วนประกอบสำคัญอย่างเช่น Hyaluronic Acid, Panthenol, Glycerin, Allantoin เป็นต้น นอกจากโทนเนอร์ประเภทนี้จะเติมน้ำให้ผิวเกิดความชุ่มชื้นแล้ว ยังช่วยกักเก็บน้ำไม่ให้ระเหยออกจากผิว ผิวมีความยืดหยุ่น ลดการเกิดริ้วรอยร่องตื้นใหม่ๆ ได้อีกด้วย

 

โทนเนอร์ปกป้องสมดุลผิว (Healing/pH Balancing Toner)

โทนเนอร์ประเภทสุดท้ายคือโทนเนอร์ปกป้องสมดุลผิว โดยจะมีสรรพคุณช่วยรักษาระดับค่า pH บนผิวให้มีความสมดุล ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่มีทั่วไปของโทนเนอร์ในปัจจุบัน เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือเจอกับสภาพอากาศที่เลวร้าย โดยโทนเนอร์ประเภทนี้มักจะมีส่วนผสมของแพนทีนอล กรดอะมิโน ข้าวโอ๊ต น้ำกุหลาบ เป็นต้น

3. 6 คุณสมบัติของโทนเนอร์ที่ดีต่อผิวหน้าของคุณ 

โทนเนอร์สำคัญไหม? คำถามนี่อาจจะเป็นอะไรที่ใครหลายๆ คนสงสัย ว่าถ้าเราข้ามขั้นตอนการใช้ขั้นตอนนี้ไปจะเป็นอะไรหรือไม่? คำตอบก็คือไม่ส่งผลเสียต่อผิว แต่หากใช้จะยิ่งส่งเสริมให้ผิวนับวันยิ่งสภาพผิวดีขึ้นได้ ลองมาดู 7 คุณสมบัติของโทนเนอร์ที่จะทำให้ทุกคนประทับใจจนต้องหยิบโทนเนอร์ขึ้นมาใช้แทบไม่ทัน!

 

1. โทนเนอร์มอบความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้า 

โทนเนอร์รักษาสิว

โทนเนอร์จะมีตัวช่วยสำคัญที่ช่วยมอบความชุ่มชื้นให้กับให้รูขุมขนเกิดความชุ่มชื้น โดยเฉพาะส่วนผสม Hyaluronic Acid  และโทนเนอร์ยังพร้อมนำพาสารบำรุงต่างๆ ในขั้นตอนบำรุงถัดไป ให้ซึมซาบล้ำลึกลงไปสู่ผิวอย่างล้ำลึกเต็มประสิทธิภาพ

 

2. โทนเนอร์ช่วยปรับสมดุลค่า pH ของผิวหน้า 

โทนเนอร์บางตัวยังมีส่วนผสมที่เป็นตัวช่วยปรับสภาพผิว รักษาสมดุลค่า pH ของผิวให้สมดุลขึ้น ทำให้ผิวหน้าแข็งแรงพร้อมรับการบำรุงขั้นต่อไป ทำให้ผิวได้รับสารบำรุง ออกซิเจน ความชุ่มชื้น ให้ผิวแลดูสุขภาพดี

 

3. โทนเนอร์ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น 

โทนเนอร์กับคลีนซิ่ง

นอกจากโทนเนอร์จะช่วยให้ความชุ่มชื้นและปกป้องสมดุลผิวแล้ว โทนเนอร์ยังมอบความยืดหยุ่นให้กับผิวจากการเติมความชุ่มชื้น ลดแนวโน้มการเกิดริ้วรอยร่องตื้น ยิ่งไปกว่านั้นส่วนผสมอื่นในโทนเนอร์อย่างวิตามิน แร่ธาตุ สารบำรุงอื่นๆ โดยเฉพาะสูตร Anti-aging จะช่วยให้คอลลาเจนมากขึ้น ทำให้โครงสร้างของผิวให้มีความแข็งแรง ผิวหน้ายกกระชับขึ้น

 

4. โทนเนอร์มีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิว และลดขนาดรูขุมขน

โทนเนอร์คนเป็นสิว

โทนเนอร์บางตัวมีส่วนประกอบที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกไปอย่าง AHAs/BHAs/PHAs, Niacinamide เป็นต้น จึงทำให้การใช้โทนเนอร์มีส่วนช่วยผิวแลดูกระจ่างใสจากการผลัดเซลล์ผิว และทำให้รูขุมขนแลดูลดเลือน

อ่านเพิ่มเติม :  สิวเสี้ยน อีกหนึ่งสาเหตุรูขุมขนกว้าง 

 

5. โทนเนอร์สามารถควบคุมความมันบนใบหน้า

โทนเนอร์สูตรลดการเกิดสิว คือหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการเกิดสิวจากการอุดตันของความมัน สิ่งตกค้างต่างๆ และลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียในรูขุมขน ซึ่งหลายคนอาจจะคาดไม่ถึงว่าโทนเนอร์สูตรลดสิวยังช่วยควบคุมความมันด้วย

 

6. โทนเนอร์ช่วยป้องกันผิวหน้าหมองคล้ำ

โทนเนอร์บางตัวมีส่วนประกอบบำรุงผิวอย่าง Vitamin C ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำแลดูกระจ่างใส 

โทนเนอร์เป็นตัวช่วยที่ดีกับทุกสภาพผิวที่ต้องการแก้ปัญหาผิวที่เผชิญในรูปแบบที่หลากหลาย เพราะว่าผิวแต่ละแบบนั้นมีความต้องการในการเติมเต็มแตกต่างกันออกไป อยู่ที่เราจะเลือกใช้สูตรโทนเนอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวหรือไม่? เรามาดูพร้อมๆ กันว่าโทนเนอร์ เหมาะกับใครบ้าง

tonerใช้ตอนไหน
  • ผู้ที่ผิวมันเป็นสิวง่าย

สำหรับผู้ที่มีผิวมัน ผิวเป็นสิวง่าย หลายท่านกำลังสงสัยว่าสภาพผิวแบบนี้จะมีโทนเนอร์ลดสิวที่ช่วยจัดการปัญหาผิวได้บ้างหรือไม่ เพราะบางคนกำลังรักษาสิว หรือมีปัญหาสิวอื่นๆ มากมาย เช่น สิวอุดตันที่หากปล่อยไว้นานๆ เมื่อถึงเวลาอักเสบก็กลายเป็นสิวอักเสบ หรือจะบางคนที่มีปัญหาสิวไม่มีหัว การใช้โทนเนอร์จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกในรูขุมขนให้สะอาด ลดการอุดตัน ซึ่งผู้ที่ผิวมันเป็นสิวง่ายใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมช่วยในการผลัดเซลล์ผิวจะเหมาะกับสภาพผิวเป็นอย่างมาก 

 

  • ผิวผสม

ผิวผสมเป็นผิวที่มีทั้งส่วนผิวแห้งและผิวมัน จึงทำให้บางที่อาจมีปัญหาสิวไปจนถึงผิวขาดน้ำได้เช่นกัน ทำให้ผู้ที่มีลักษณะผิวเช่นนี้ก็เหมาะอย่างยิ่งในการใช้โทนเนอร์ โดยควรเป็นโทนเนอร์ที่เป็นทั้งแบบผลัดเซลล์ผิวและเติมความชุ่มชื้น

 

  • ผิวแห้ง

ใครที่มีผิวแห้งเหมาะอย่างยิ่งกับโทนเนอร์เติมความชุ่มชื้นให้กับผิว เพราะโทนเนอร์ที่เติมความชุ่มชื้นให้ผิวนอกจากจะเติมความชุ่มชื้นแล้ว ยังช่วยกักเก็บน้ำไม่ให้ระเหยออกจากผิว ทำให้ผิวอิ่มน้ำ ช่วยลดปัญหาผิวแห้ง พร้อมปิดรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป

 

  • ผิวแพ้ง่าย

ผิวแพ้ง่ายมักจะตอบสนองต่อส่วนผสมหรือการระคายเคืองต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว บางท่านที่มีผิวแพ้ง่ายก็มักเจอกับปัญหาสิวผดร่วมด้วย ทำให้คนที่มีผิวแพ้ง่ายเหมาะกับการใช้โทนเนอร์เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโทนเนอร์ที่ช่วยปลอบประโลม ปรับสมดุลให้กับผิว จะยิ่งช่วยลดปัญหาผิวแพ้ ระคายง่ายจากสิ่งแวดล้อมได้

คนผิวแพ้ง่าย ห้ามพลาด! ชวนอ่านเกร็ดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สิวผดที่แก้ม

5. 3 สูตรโทนเนอร์ Bioderma

 

ใครที่กำลังมองหาโทนเนอร์ดีๆ ที่อ่อนโยนกับผิว แต่ไม่รู้จะใช้โทนเนอร์ตัวไหนดี ขอพา 3 สูตรโทนเนอร์ของทาง Bioderma มาแนะนำสำหรับใครที่กำลังหาโทนเนอร์เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมการบำรุงกัน

1. โทนเนอร์สูตรให้ความชุ่มชื้น สำหรับผิวหน้ามัน

โทนเนอร์หน้าใส

Bioderma Hydrabio Tonique Toner โทนเนอร์ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวของคุณ ฟื้นบำรุงให้ผิวหน้าดูสดใส ลดการระเหยน้ำออกจากผิว ช่วยกักเก็บน้ำทำให้ผิวชุ่มชื้นสุขภาพดี เหมาะกับผิวแห้งแพ้ง่าย ผิวขาดน้ำ ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติอย่างเมล็ดแอปเปิลที่ช่วยเสริมการทำงานของ Aquaporins และ Vitamin PP ฟื้นบำรุงปราการผิว ลดการสูญเสียน้ำ ช่วยให้ผิวแข็งแรง

ปริมาณ: 250 ml

ราคา: 890 บาท

พิกัด: ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป

ซื้อ Hydrabio Tonique ได้ที่นี่

 

2. โทนเนอร์สูตรอ่อนโยน สำหรับผิวแพ้ง่าย

โทนเนอร์ผิวแพ้ง่าย

Bioderma Sensibio Tonique Toner ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งตึงด้วย Glycerin พร้อมทำให้รู้สึกสบายผิวเมื่อใช้เช็ดหน้าด้วยสารสกัดจาก Allantoin และแตงกวา เหมาะสำหรับผู้ที่มีสภาพผิวบอบบาง แพ้ง่าย เพราะโทนเนอร์ตัวนี้ช่วยปลอบประโลมผิว พร้อมทั้งช่วยให้ผิวแข็งแรงจากภายในสู่ภายนอกด้วยสูตรเฉพาะของทาง Bioderma อย่าง DAF™ Patented Complex 

ปริมาณ: 250 ml

ราคา: 890 บาท

พิกัด: ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป

ซื้อ Sensibio Tonique ได้ที่นี่

 

3. โทนเนอร์สูตรควบคุมการเกิดสิว สำหรับผิวมันเป็นสิวง่าย 

โทนเนอร์สิว

Bioderma Sebium Lotion Toner โทนเนอร์น้ำตบคุมมัน ที่ช่วยลดสาเหตุการเกิดสิวช่วยปกป้องสมดุล pH ของผิวให้กับใบหน้าจากส่วนผสมของ Capryloyl glycine คุมมันด้วยส่วนผสมอย่าง Zinc และ Vitamin B6 ทำให้หน้ามันน้อยลง เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมัน และที่สำคัญสำหรับความชุ่มชื้นก็ไม่พลาดด้วย Glycerin Hydrating Power พร้อมเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวยาวนาน 8 ชม.

ปริมาณ: 200 ml

ราคา: 800 บาท

พิกัด: ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป

ซื้อ Sebium Lotion ได้ที่นี่

 

สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มหัดใช้โทนเนอร์เข้ามาเพิ่มเป็นหนึ่งขั้นตอนในการบำรุงผิว ไม่ต้องกังวลถึงวิธีการใช้ไปแม้ว่าจะเป็นมือใหม่ เพราะโทนเนอร์เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ใช้ง่าย ถึงจะมือใหม่ก็สามารถเริ่มใช้ได้อย่างไม่ยาก โดยโทนเนอร์มีวิธีใช้ดังนี้

    โทนเนอร์ลดสิวอุดตัน
    1. ขั้นตอนแรกที่ไม่ควรมองข้ามคือการทำความสะอาด โดยเริ่มด้วยการล้างหน้าทำความสะอาดผิวหน้าด้วยคลีนซิ่ง เพื่อขจัดคราบสกปรกต่างๆ ก่อน แล้วจึงทำความสะอาดอีกขั้นด้วยเจลล้างหน้า เพื่อให้ผิวหน้าสะอาดหมดจด และใครที่คิดว่าจะลดขั้นตอนนี้ลงเหลือแค่โทนเนอร์อย่างเดียว ไม่แนะนำให้แบบนั้น เพราะผิวที่ดีต้องเริ่มต้นที่การทำความสะอาด

    2. ใช้โทนเนอร์เช็ดหน้าตามหลังการทำความสะอาดผิวหน้าซึ่งโทนเนอร์สามารถใช้ในขั้นตอนหลังล้างหน้าได้ทุกครั้งทั้งเช้า - เย็น 

    3. แนะนำให้เช็ดโทนเนอร์ทันทีหลังล้างหน้า เพื่อไม่ให้มีฝุ่นละอองสิ่งสกปรก เข้ามาเกาะอยู่ตามผิว และยังช่วยปรับสมดุล pH ของผิวหลังการล้างหน้า

    4. สำหรับการเลือกใช้สำลีกับโทนเนอร์สามารถใช้ได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นสำลีก้อน สำลีแบบแผ่น แนะนำเลือกสำลีที่มีความอ่อนนุ่ม ไม่แข็งจนเกินไป ที่สำคัญไม่ควรใช้สำลี ขัด ถูผิวหน้าแรงๆ ในขณะที่ใช้โทนเนอร์ ควรเช็ดสำลีเบาๆ กับผิวหน้าก็เพียงพอ เพราะในตัวโทนเนอร์มีสารทำความสะอาดผสมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องขัดถูผิวหน้าแรงๆ 

    5. การใช้โทนเนอร์เช็ดหน้า ควรเช็ดหน้าไปตามแนวรูขุมขน ไล่ลงมาตั้งแต่หน้าผากลงมาจนลงมาถึงคาง และเช็ดบริเวณแก้มออกด้านข้างทั้งสองด้วย

    6. เมื่อโทนเนอร์เช็ดหน้าเสร็จ สามารถบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงผิวหน้าอย่างเซรั่ม หรือครีมบำรุงผิวหน้าต่อตามที่ต้องการได้เลย

    นอกจากวิธีใช้อย่างถูกวิธีแล้ว ทราบหรือไม่ว่า ยังมีเคล็ดลับการใช้โทนเนอร์ที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย มาดูกันว่าเคล็ดลับ ทริคดีๆ ในการใช้โทนเนอร์มีอะไรบ้าง

    1. ตรวจสอบวันหมดอายุของโทนเนอร์ก่อนใช้งาน หากใช้โทนเนอร์ที่หมดอายุแล้วนอกจากจะไม่ดีต่อผิวแล้ว ยังทำให้ไม่ได้รับประสิทธิภาพจากส่วนผสมที่ออกฤทธิ์ต่อผิวอีกด้วย

    2. แม้จะใช้โทนเนอร์ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่นๆ แล้ว อย่าลืมทากันแดดทุกครั้งแม้ในขณะอยู่ในที่ร่มและในขณะที่มีความจำเป็นต้องออกแดด

    3. ลองเปลี่ยนวิธีการเช็ดโทนเนอร์แบบเดิมๆ ด้วยการเทโทนเนอร์ลงบนสำลีให้เปียก แล้วนำมาแปะลงบนผิว 5-10 นาที เป็นการมาส์กผิวแทนการเช็ด

    4. หากใครอยากลองเปลี่ยนวิธีเช็ด ลองแบ่งโทนเนอร์มาใส่ขวดสเปรย์ แล้วนำพ่นใส่ใบหน้าก็ได้เช่นกัน นอกจากจะช่วยเพิ่มความสดชื่นแล้ว โทนเนอร์ยังเข้าสู่ผิวตรงๆ ได้ทั้งความสดชื่น ได้ทั้งประสิทธิภาพไปพร้อมกัน

    5.  ใช้โทนเนอร์ทันทีหลังจากที่ทำความสะอาดผิวหน้า ในขณะที่ผิวเปียกอยู่ เพราะในขณะที่ผิวเปียก ผิวกำลังมีความชุ่มชื้นพร้อมเปิดรับการบำรุง จึงจะยิ่งทำให้ผิวของเราได้รับประสิทธิภาพมากกว่าหากเราปล่อยให้ผิวของเราแห้งไปเองแล้วค่อยบำรุง

    โทนเนอร์จำเป็นไหม

    8. ความแตกต่างระหว่างโทนเนอร์กับคลีนซิ่ง 

    หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วผลิตภัณฑ์คลีนซิ่งและโทนเนอร์ต่างกันอย่างไร ทำไมไม่สามารถเลือกใช้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งได้ Bioderma ขอพาทุกท่านมาเคลียร์ข้อสงสัยกันว่าความแตกต่างของทั้งสองอย่างนี้ต่างกันอย่างไร

    ก่อนอื่นเลยต้องอธิบายก่อนว่าคลีนซิ่งเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่สามารถขจัดคราบเครื่องสำอาง ครีมกันแดด และฝุ่น สกปรก ต่างๆ ในชีวิตประจำวันที่เกาะอยู่ตามผิวหน้า

    ส่วนโทนเนอร์นั้นจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปกป้องสมดุลค่า pH ของผิว ซึ่งเราจะใช้โทนเนอร์ก่อนการบำรุงด้วยเซรั่มหรือครีมบำรุงผิวหน้า เพื่อให้ผิวพร้อมรับการบำรุงได้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งโทนเนอร์ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนถัดไป

    ซึ่งพอทุกคนอ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็จะเห็นความแตกต่างของทั้งสองระหว่างคลีนซิ่ง และโทนเนอร์ว่ามีหน้าที่ในการใช้งานที่ต่างกัน ดังนั้นควรใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งสองอย่างควบคู่กันไปด้วย ให้ผิวสะอาดด้วยคลีนซิ่ง และเตรียมผิวให้พร้อมสู่ขั้นตอนการบำรุงด้วยโทนเนอร์ เพื่อสุขภาพผิวที่ดียิ่งขึ้น

    ตอบคำถามที่หลายคนมักสงสัยเกี่ยวกับโทนเนอร์

    หลายท่านคงสงสัยกันอยู่ใช่ไหมว่าจำเป็นต้องใช้โทนเนอร์หรือไม่? จริงๆ แล้วการใช้โทนเนอร์นั้นจะช่วยให้ผิวของคุณมีสุขภาพดีขึ้น  เพราะโทนเนอร์ช่วยให้ผิวได้รับการบำรุงมากขึ้น รวมถึงโทนเนอร์จะช่วยให้ผิวเปิดรับการบำรุงและให้ครีมบำรุงต่างๆ ซึมซาบลงสู่ผิวง่ายขึ้นและล้ำลึก ประสิทธิภาพในการบำรุงผิวจึงดีกว่าการที่ไม่ใช้โทนเนอร์

    ยิ่งไปกว่านั้นโทนเนอร์ช่วยคืนความสมดุลค่า pH ให้ผิวแลดูมีสุขภาพดี ค่า pH ของผิวสุขภาพดีคือ 5.5 ด้วยปัจจัยทั้งมลภาวะ และเครื่องสำอางที่ทำให้ผิวมีความมันมากขึ้น หรือทำให้ผิวแห้งจนเกินไป ส่งผลให้ค่า pH ของผิวเปลี่ยนไป ผิวจึงไม่เปล่งปลั่ง ด้วยทั้งหมดทั้งมวลนี้เองการใช้โทนเนอร์จะช่วยปกป้องสมดุล pH ให้กับผิวจากปัญหาที่ทำให้ pH ผิวเกิดการเปลี่ยนแปลงให้กลับมาสมดุล พร้อมผิวที่ดูสดใสอีกครั้ง 

    โทนเนอร์ใช้ตอนไหน สงสัยกันใช่ไหม? การใช้โทนเนอร์เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดแนะนำว่าควรใช้หลังการทำความสะอาดผิวหน้าด้วยคลีนซิ่งและผลิตภัณฑ์ล้างหน้า เพราะโทนเนอร์จะช่วยเก็บกวาดสิ่งสกปรกที่ตกค้าง พร้อมเตรียมผิวให้พร้อมการบำรุง หากใช้โทนเนอร์เช็ดหน้าทีหลังนอกจากจะไม่ได้ประสิทธิภาพอย่างเต็มเปี่ยมแล้ว ยังอาจเช็ดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ทาไปแล้วหลุดออกไปด้วย

    ใครที่มีผิวที่บอบบาง แพ้ง่าย ควรเลี่ยงการใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมที่อาจระคายเคืองผิว เช่น แอลกอฮอล์ สำหรับผู้ที่แพ้แอลกอฮอล์ แนะนำให้ใช้โทนเนอร์ของ Bioderma เพราะปราศจากส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และอ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย สามารถใช้ได้อย่างหายกังวล และที่สำคัญโทนเนอร์ Bioderma มีสิทธิบัตรเฉพาะที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน 

    ข้อสรุปของโทนเนอร์

    โทนเนอร์มีคุณประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้โทนเนอร์เช็ดหน้า ทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่ตกค้างในรูขุมขนหลังจากการล้างหน้า ช่วยปกป้องสมดุลผิว ให้ความชุ่มชื้น และบำรุงใบหน้าได้อีกหลายๆ ด้าน แต่ทั้งนี้ก็ต้องเลือกใช้โทนเนอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวหน้าของตัวเอง และศึกษาวิธีใช้โทนเนอร์ให้ถูกต้อง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด

    อย่างไรก็ตามสำหรับใครที่ยังสับสนระหว่างผลิตภัณฑ์ทั้งสองแบบ ขอทิ้งท้ายสั้นๆ ถึงความแตกต่างระหว่างโทนเนอร์กับคลีนซิ่งว่า คลีนซิ่ง (cleansing) คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดเครื่องสำอาง หรือสิ่งสกปรกต่างๆ เพื่อไม้ให้ตกค้างอยู่ในรูขุมขนจนกลายเป็นสิวอุดตัน

    ส่วนโทนเนอร์ช่วยปกป้องสมดุลของผิวหน้า เพื่อเตรียมพร้อมก่อนที่จะใช้สกินแคร์ ทำให้สกินแคร์ซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง

    BIODERMA Sensibio Tonique โทนเนอร์ปลอบประโลมผิว และให้ความชุ่มชื้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผิว

    บำรุงผิวได้ทุกวัน

    ผิวแพ้ง่ายขาดน้ำ

    สิทธิบัตร Aquagenium™

    Hydrabio Tonique

    โลชั่นโทนเนอร์ มอบความชุ่มชื้นให้ผิวแห้งขาดน้ำ

    สำหรับใคร

    ผู้ใหญ่, วัยรุ่น

    BIODERMA Hydrabio Tonique โลชั่นโทนเนอร์ มอบความชุ่มชื้นให้ผิวแห้งขาดน้ำ

    บำรุงผิวได้ทุกวัน

    ผิวแพ้ง่าย

    สิทธิบัตร D.A.F.

    Sensibio Tonique

    โทนเนอร์ปลอบประโลมผิว และให้ความชุ่มชื้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผิว

    สำหรับใคร

    ผู้ใหญ่, วัยรุ่น

    BIODERMA Sébium Lotion โลชั่นน้ำตบคุมมัน

    บำรุงผิวได้ทุกวัน

    ผิวผสมถึงผิวมัน

    สิทธิบัตร Fluidactiv™

    Sébium Lotion

    โลชั่นน้ำตบคุมมัน ปรับสมดุลค่า pH น้ำมันและน้ำเพื่อผิวดูกระจ่างใส

    สำหรับใคร

    ผู้ใหญ่, วัยรุ่น