รู้หรือไม่การเป็นโรคภูมิแพ้ก็ส่งผลให้เกิดปัญหาผิวได้ ผื่นแพ้อากาศ หนึ่งในปัญหาผิวที่เกิดจากโรคภูมิแพ้ผิวหนัง ร่วมกับโรคภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด แพ้อากาศ เป็นต้น

ทำให้ในสภาพแวดล้อมปัจจุบันที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่เป็นพิษ ทั้งควัน ฝุ่น หรือแม้แต่ฝุ่น PM 2.5 ที่หนาแน่นได้ เราจึงควรที่จะหาวิธีป้องกันผิวของเราตั้งแต่ต้นเพื่อจะได้ไม่เกิดผื่นแพ้อากาศตามมา

 

สารบัญบทความ

ผื่นแพ้อากาศ คืออะไร

ผื่นแพ้อากาศ หรือผื่นคันแพ้อากาศ เป็นปัญหาผิวหนังหนึ่งที่ผิวหนังตอบสนองจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อสารก่อภูมิแพ้ต่างๆในอากาศอย่างพวกมลภาวะทางอากาศ ควันพิษ ฝุ่น ฝุ่น PM2.5

โดยปกติจะมีอาการตอบสนองคือ บวมแดงเป็นปื้น หรือตุ่มนูนแดง ขึ้นมาตามร่างกายได้ ในบางรายอาจจะมีอาการคันที่บริเวณผื่นแพ้อากาศด้วย

นอกจากนี้ผื่นแพ้อากาศ หรือผื่นคันแพ้อากาศ มักจะมีอาการแพ้อากาศร่วมด้วย ทั้งอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ จาม น้ำตาไหล เคืองตา ตาแดง ระคายเคืองบริเวณจมูก ปาก หรือลำคอ หรือในบางรายอาจจะมีลมพิษขึ้นด้วย

เมื่อได้ทราบแล้วว่าผื่นแพ้อากาศคืออะไร Bioderma ก็จะพาทุกคนมาดูกันว่าอาการแพ้อากาศผื่นขึ้น หรือภูมิแพ้อากาศผื่นขึ้นมีลักษณะอาการอย่างไร มีอาการร่วมอย่างไร แล้วผื่นแพ้อากาศมักจะปรากฏในบริเวณไหน เพื่อที่ทุกคนจะได้สังเกตตัวเองว่าเรามีอาการเหล่านี้รึเปล่า เพื่อที่จะได้แก้ปัญหาผื่นแพ้อากาศได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

ผื่นแพ้อากาศหนาว

อาการของผื่นแพ้อากาศ

ลักษณะของผื่นแพ้อากาศ คือจะเกิดปื้นแดงขึ้นที่ผิวหนัง หรืออาจจะมีตุ่มนูนแดงขึ้นมาที่ผิวหนังด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ผิวหนังในบริเวณที่เกิดผื่นแพ้อากาศมักจะแห้ง แห้งเป็นขุย ทำให้ผู้ประสบปัญหาผื่นแพ้อากาศ จะรู้สึกคันที่ผิวหนัง หรือแม้แต่ในกรณีที่เหงื่อออกก็ยิ่งทำให้รู้สึกคันในบริเวณดังกล่าวมากขึ้น ทำให้ใครหลายๆคนอดใจที่จะไม่เกาผิวบริเวณนั้นไม่ได้ ยิ่งเกา ยิ่งรู้สึกคันมากขึ้น ยิ่งทำให้ผื่นแพ้อากาศ ยิ่งลามมากขึ้น อาการผื่นแพ้อากาศมักจะเป็น ๆ หาย ๆ ตามแต่ช่วงที่ระบบภูมิคุ้มกันถูกกระตุ้นจากมลภาวะทางอากาศ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ควรจะพยายามหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดผื่นแพ้อากาศ เพราะหากเราทิ้งไว้จนเรื้อรัง ผิวหนังบริเวณนั้นจะหนาขึ้น และเกิดเป็นรอยคล้ำขึ้นในที่สุด ไม่เพียงแต่รอยคล้ำเท่านั้น หากผู้เป็นผื่นแพ้อากาศเกาที่ผิวหนังบ่อย ๆ จนเป็นแผล จะสามารถทำให้ผิวบริเวณนั้นติดเชื้อได้ง่าย หากมีการติดเชื้อจากไวรัสจะลุกลามกลายเป็นหูด แต่หากติดเชื้อแบคทีเรียจะลุกลามกลายเป็นตุ่มหนองได้

อย่างที่ทราบแล้วว่าภูมิแพ้ผิวหนังมักจะมีอาการของภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจร่วมด้วย ทำให้นอกจากผู้ป่วยที่มีผื่นแพ้อากาศแล้ว อาจจะมีอาการที่ระบบทางเดินหายใจตามมาด้วย เช่น จาม คัดหรือคันจมูก น้ำมูกไหล มีเสมหะในลำคอ เลือดกำเดาไหล และอาจพบอาการอื่นๆอย่างอาการคันตา แสบตา คันหู หูอื้อ

 

ตำแหน่งผื่นคันแพ้อากาศที่พบบ่อย

ผื่นแพ้อากาศสามารถปรากฏได้ทั้งตามใบหน้าและตามลำตัว เช่น คอ ข้อพับแขน ขา เป็นต้น แต่มักจะพบบ่อยตามใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณหน้าแก้มทั้งสอง เพราะเป็นผิวหนังบริเวณที่บอบบาง แพ้ง่าย เมื่อสัมผัสโดนกับพวกมลพิษทางอากาศอย่างฝุ่น ควัน ในชีวิตประจำวันของเรา เช่น ควันจากยานพาหนะ ควันและละอองฝุ่นจากการเผาขยะ หรือแม้แต่ถูกกระตุ้นด้วยสารก่อภูมิแพ้ อากาศที่อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงบ่อย และความชื้นในอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

สาเหตุของผื่นแพ้อากาศ

ผื่นแพ้อากาศ หรือผื่นคันแพ้อากาศ มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย หรือแม้แต่สาเหตุเล็กๆน้อยๆที่เราคาดไม่ถึงก็อาจจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ผิวเราถูกกระตุ้นจนเกิดผื่นคันแพ้อากาศได้ หาก ณ ขณะนั้นผิวเราอ่อนแอ ดังนั้นการดูแลรักษาผิวของเราให้แข็งแรงได้ก็เปรียบเหมือนการสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง จนสิ่งกระตุ้นต่างๆไม่สามารถทำร้ายผิวของเราได้

  • สภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม
    การอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมก็ทำให้ผิวเราอ่อนแอลง และถูกกระตุ้นให้เกิดผื่นแพ้อากาศได้ การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลพิษก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง เช่น มลพิษทางน้ำ การใช้น้ำที่สกปรก มีสิ่งสกปรกตกค้างในน้ำมาใช้ทำความสะอาดผิวหน้าและผิวตัว ก็ทำให้ผิวอ่อนแอลงได้ หรือมลพิษทางอากาศ การใช้ชีวิตประจำวันที่ผิวต้องสัมผัสกับฝุ่น ควันเป็นประจำ ก็เป็นสิ่งกระตุ้นผิวให้เกิดผื่นคันทางอากาศได้เช่นกัน
     
  • เชื้อโรคชนิดต่างๆ
    เชื้อโรค แบคทีเรีย และไวรัสต่างๆ ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายเราต่ำลง ไม่เพียงแต่ร่างกายที่อ่อนแอจนเจ็บป่วยได้ง่ายแล้ว แม้แต่ผิวพรรณของเราก็อ่อนแอลงจนเกิดผื่นแพ้อากาศขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เราควรล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสใบหน้า ชำระล้างกายให้สะอาด หรือแม้แต่ของใช้ต่างๆ โดยเฉพาะ ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ที่ผิวหน้าที่เราสัมผัสได้บ่อย ก็ควรทำความสะอาดให้ไม่มีเชื้อโรคหลงเหลืออยู่ เพื่อไม่ให้ผิวเราเผลอไปสัมผัสเข้าได้
     
  • อากาศ
    อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงขึ้นลงอยู่บ่อยๆ หรือกะทันหัน ก็อาจจะทำให้ผิวของเราปรับสภาพตามสภาพอากาศไม่ทันได้ ทำให้ผิวเราอ่อนแอลงจนอาจจะถูกกระตุ้นให้เกิดผื่นแพ้อากาศขึ้นมาได้
    หากอากาศหนาวเกินไป ผิวอาจจะแห้งมาก จนเป็นขุย ทำให้คันตามผิว และเกาจนผิวเกิดการระคายเคืองขึ้นมาเป็นผื่นแพ้อากาศหนาว
    กลับกันในกรณีที่อากาศร้อนมากไป เหงื่อที่ไหลออกมาตามผิวหน้า และตามร่างกาย ก็อาจจะทำให้ผิวระคายเคืองผิวหนัง จนเกิดเป็นผื่นแพ้อากาศร้อนขึ้นมาได้
     
  • สบู่ ผงซักฟอก ที่มีฤทธิ์เป็นด่าง
    ในกรณีที่เกราะป้องกันผิวอ่อนแอ เพียงแค่ผิวสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า สบู่ ผงซักฟอก ที่มีฤทธิ์เป็นด่าง ผิวก็เกิดระคายเคียงและยิ่งอ่อนแอลง จนหากเผชิญกับมลพิษทางอากาศทำให้มีแนวโน้มต่อการเกิดผื่นแพ้อากาศได้ง่าย

 

ผื่นแพ้อากาศ กับโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis)

ผื่นแพ้อากาศ เป็นหนึ่งในอาการของ โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) ที่เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังชนิดหนึ่งที่ถูกสิ่งแวดล้อมกระตุ้นพันธุกรรมให้เกิดการแปรผัน เป็นโรคผิวหนังที่สามารถเกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่มักพบมากในวัยเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี

ผู้ที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนัง มักจะมีผิวหนังที่บอบบางไวต่อสิ่งเร้าที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น อาหาร ยา สารเคมีในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากกว่าคนปกติทั่วไป ทำให้ผู้ป่วยโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังมีแนวโน้มสูงที่จะเกิดผื่นแพ้อากาศขึ้นง่ายมากกว่าคนอื่น ๆ ทั่วไป

อาการแพ้อากาศผื่นขึ้น มักจะมีอาการกำเริบเป็น ๆ หาย ๆ ตามช่วงที่ถูกสภาพแวดล้อมกระตุ้น ดังนั้น นอกจากต้องคอยหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ ที่จะทำให้เกิดอาการแพ้อากาศผื่นขึ้นแล้ว ยังมีวิธีอื่น ๆ หลายวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการผื่นแพ้อากาศให้เบาบางลง ดังต่อไปนี้

ผื่นแพ้อากาศร้อน

ทาครีม ที่มียาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) เป็นส่วนผสม

คอร์ติโคสเตียรอยส์ (Corticosteroids) คือ ตัวยาในกลุ่มยาสเตียรอยด์ ที่มักถูกนำมาใช้ภายนอก หลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบยาเม็ด ยาพ่น ขี้ผึ้ง ครีม โลชั่น ซึ่งเป็นกลุ่มยาที่นิยมนำมาใช้ในการลดอาการอักเสบของผิวหนัง กดภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการบวม ผื่นแดง ผื่นคัน ผื่นแพ้อากาศ และอาการแพ้อื่น ๆ และยังช่วยในการรักษาโรคอื่น ๆ อีก เช่น ในการรักษาโรคหอบหืด โรคข้ออักเสบ โรคภูมิแพ้ต่าง ๆ และโรคผิวหนังต่าง ๆ เป็นต้น

โดยหลักการทำงานของตัวยาคอร์ติโคสเตียรอยส์ คือตัวยาประเภทนี้มีลักษณะคล้ายกับฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ที่ผลิตจากต่อมหมวกไตของร่างกายตามธรรมชาติ มีบทบาทในการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน เพราะช่วยในการยับยั้งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ในตอนที่ภูมิคุ้มกันทำลายเนื้อเยื่อของตัวเองจนทำให้ร่างกายอ่อนแอ

ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าต่าง ๆ หรือครีมบำรุงผิวหน้าที่มีส่วนผสมของตัวยาคอร์ดิโคสเตียรอยด์จะช่วยทำให้อาการผื่นแพ้อากาศมีอาการดีขึ้นได้ เพราะสรรพคุณที่โดดเด่นของตัวยาคอร์ดิโคสเตียรอยด์ คือการช่วยลดอาการผื่นทุกชนิด รวมถึงผื่นแพ้อากาศ และยังช่วยลดอาการบวมแดงต่าง ๆ

 

รับประทานยาแก้แพ้

อีกวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการแพ้ ผื่นแพ้อากาศ ได้รวดเร็วกว่าการทาครีมที่มีส่วนผสมของตัวยาคอร์ติโคสเตียรอยส์ คือ การรับประทานยาแก้แพ้ แต่ถ้าหากอยากรักษาอาการผื่นแพ้อากาศโดยตรง คือ ควรรับประทานยาแก้แพ้กลุ่มยาไฮดรอกไซซีน (Hydroxyzine)

เพราะกลุ่มยาไฮดรอกไซซีน เป็นกลุ่มยาแก้แพ้ที่มีสรรพคุณช่วยลดการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ร่างกายหลั่งสารแอนติฮีสตามีนที่เป็นสารเคมีที่ร่างกายจะหลั่งเมื่อถูกกระตุ้นด้วยสารที่ก่ออาการแพ้ ผื่นคันแพ้อากาศ และลมพิษบนผิวหนัง โดยกลุ่มยาแก้แพ้นี้ จะช่วยลดอาการแพ้ อาการผื่นแพ้อากาศให้ดีขึ้นได้

 

ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง

หากเราไม่แน่ใจว่าผื่นแพ้อากาศที่เรากำลังเผชิญอยู่ควรรักษาด้วยวิธีแบบใด หรือควรใช้ยาชนิดทา ชนิดกิน หรือใช้กลุ่มตัวยาชนิดใด วิธีแก้ที่ดีที่สุดก็คือการปรึกษาเพื่อขอคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพราะแพทย์จะสามารถให้คำแนะนำวิธีรักษาที่เหมาะสมและถูกวิธีให้กับผู้ที่รักษาผื่นคันแพ้อากาศแต่ละรายมากที่สุด มากกว่าการที่เราเลือกใช้ยาด้วยตนเอง ที่อาจจะใช้ยาไม่ถูกวิธี หรือเกินขนาดจนอาจจะเกิดผลข้างเคียงร้ายแรงขึ้นได้

ป้องกันผื่นแพ้อากาศ อย่างไรได้บ้าง

การป้องกันอาการแพ้อากาศผื่นขึ้นนั้นต้องอาศัยความใส่ใจ และมีวินัยอย่างมาก เพราะไม่มีวิธีไหนที่รักษาได้อย่างหายขาด แต่ต้องคอยหลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวสัมผัสกับสารกระตุ้นอาการผื่นแพ้อากาศให้มากที่สุด และพยายามสร้างผิวของเราให้มีสมดุลสุขภาพผิวให้แข็งแรง และเสริมเกราะป้องกันให้ผิวแข็งแรงพร้อมสู้กับมลภาวะที่เราต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน

 

ใช้ครีมบำรุงสำหรับการฟื้นฟูสมดุลของสุขภาพผิวให้แข็งแรง

วิธีป้องกันผื่นคันแพ้อากาศดีที่สุด คือการปูพื้นฐานสร้างความแข็งแรงให้กับผิวสำคัญที่สุด เพราะเมื่อผิวเราแข็งแรงแล้ว ต่อให้เจอสิ่งกระตุ้นผื่นแพ้อากาศ หรือแม้แต่สิ่งสกปรก มลพิษต่างๆ ก็ไม่สามารถทำร้ายผิวของเราได้

ดังนั้นเราควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ครีมบำรุงผิวหน้าที่ช่วยฟื้นฟูสมดุลของผิว ทำให้สุขภาพผิวแข็งแรง อย่างครีมฟื้นบำรุงสูตรเข้มข้น

 

หลีกเลี่ยง ฝุ่นละออง และมลภาวะต่างๆ

มลภาวะทางอากาศ ฝุ่นละออง ควัน เป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นหลัก ๆ ของการทำให้เกิดผื่นคันแพ้อากาศ คงจะเป็นการณ์ดี ถ้าหากเราแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุ โดยการหลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวของเราต้องเผชิญกับมลภาวะเหล่านี้ แต่ในปัจจุบันการหลีกเลี่ยงมลภาวะในชีวิตประจำวันคงยากที่จะเลี่ยงได้ เราจึงจำเป็นต้องมีตัวช่วยอย่างครีมกันแดดที่ช่วยเป็นเกราะป้องกันให้ผิวจากฝุ่นและมลภาวะไม่ให้เป็นผื่นแพ้อากาศได้ และเป็นตัวช่วยป้องกันเราจากแดดร้อน แสงยูวี/UV ที่อาจจะทำให้เกิดผื่นแพ้อากาศร้อนได้

 

ทำความสะอาดเครื่องนอนสม่ำเสมอ

การทำความสะอาดเครื่องใช้ต่าง ๆ ภายในบ้าน ก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงที่ผิวเราจะไปสัมผัสกับสารกระตุ้นการเกิดผื่นแพ้อากาศได้ และบริเวณที่ควรจะให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือ อุปกรณ์เครื่องนอนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหมอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน หรือแม้แต่สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างตุ๊กตาที่อยู่บนเตียงก็ไม่ควรละเว้น เราควรนำไปทำความสะอาดด้วยเช่นกัน โดยปกติเราควรซักอุปกรณ์เครื่องนอนทุก ๆ 1 - 2 สัปดาห์ เพื่อกำจัดคราบครีม คราบเหงื่อ ไรฝุ่น เชื้อแบคทีเรียที่หมักหมมติดกับเนื้อผ้าออกไปให้หมดไม่ให้หลงเหลือ และเมื่อซักทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อย ก็อย่าลืมนำเครื่องนอนเหล่านี้ไปผึ่งแดดให้แห้ง เพื่อไม่ให้เกิดความชื้นจนเป็นเชื้อรา และเป็นการฆ่าเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ บนผ้าที่จะนำไปสู่อาการแพ้อากาศผื่นขึ้นได้

 

ไม่อาบน้ำที่อุณหภูมิร้อนเกินไป

หลีกเลี่ยงการอาบน้ำที่มีอุณหภูมิร้อนเกินไป เพราะอุณหภูมิของน้ำที่ร้อนเกินไปจะทำให้ผิวของเราเสียความชุ่มชื้นไป จนทำให้ผิวของเราเกิดแห้ง มีอาการระคายเคือง ลอกเป็นขุย และเกิดอาการคัน จนผิวอาจจะอ่อนแอจนสามารถเกิดอาการภูมิแพ้อากาศเป็นผื่นได้

ไม่ใช่เพียงแค่การใส่ใจเรื่องของอุณหภูมิของน้ำที่ใช้อาบเพียงเท่านั้น แต่ควรให้ความสำคัญไปถึงการเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างคลีนซิ่ง เจลล้างหน้า และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวกายด้วย หากเราใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยนและได้มาตรฐานต่อผิว ก็จะสามารถลดการระคายเคืองต่อผิวลงไปได้ และลดโอกาสในการเกิดผื่นคันแพ้อากาศลงไปได้เช่นกัน

 

หลีกเลี่ยงสบู่ ผงซักฟอก ที่มีฤทธิ์เป็นด่าง

เลี่ยงที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าและผิวกายที่มีฤทธิ์เป็นด่าง รวมถึงผงซักฟอกที่ใช้ทำความสะอาดเสื้อผ้า ผ้าขนหนู ผ้าเช็ดหน้านั้นก็ควรเลือกพิจารณาไม่ให้มีฤทธิ์เป็นด่าง เพราะผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวเป็นสิ่งที่เราจะต้องใช้สัมผัสกับผิวเราโดยตรง หากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์เป็นด่าง อาจทำให้ผิวเกิดอาการแพ้อากาศผื่นขึ้นได้ และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเสื้อผ้าก็เช่นกัน ถึงแม้จะไม่ได้สัมผัสกับผิวเราโดนตรง แต่ผ้าที่ถูกซักด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เป็นด่าง เมื่อผ้าสัมผัสโดนกับผิว หรือเสียดสีกับผิวซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ก็ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองเป็นผื่นแพ้อากาศได้เช่นกัน ยิ่งในช่วงที่อากาศร้อน หากโดนผ้าที่มีฤทธิ์เป็นด่างถูผิวซ้ำ ๆ ผสมกับเหงื่อที่ไหลยิ่งเพิ่มความระคายเคืองให้กับผิว นำไปสู่ผื่นแพ้อากาศร้อนได้

 

สังเกตอาการแพ้อากาศผื่นขึ้นของเราได้ เมื่อสัมผัสใกล้กับสารก่อภูมิแพ้ ฝุ่น ควัน อุณหภูมิ สภาพอากาศที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันกัน รวมถึงความชื้นในอากาศ ผู้ที่มีอาการผื่นแพ้อากาศเหล่านี้ นอกจากจะมีรอยปรื้นแดง ๆ ขึ้นแล้ว บางครั้งก็อาจจะมีอาการอื่น ๆร่วมด้วยอีก ไม่ได้เพียงแต่อาการที่ปรากฏบนผิวเท่านั้น อาจจะมีอาการจาม คัดและคันจมูก น้ำมูกไหล มีเสมหะ เลือดกำเดาไหลบ่อย คันตา แสบตา ตาแดง คันหู หูอื้อ

สามารถเข้าพบแพทย์ได้ตั้งแต่เริ่มมีอาการแพ้อากาศผื่นขึ้นได้เลย เพราะหากเรายังไม่แน่ใจว่าเรามีอาการผื่นแพ้อากาศหรือไม่ แพทย์ผู้เชียวชาญเฉพาะด้านจะสามารถวิเคราะห์ผื่นที่คุณเป็นได้ว่าเป็นผื่นชนิดใด แล้วมีสาเหตุ อาการ หรือวิธีรักษาหรือป้องกันที่เหมาะสมอย่างไร

โดยเมื่อไปพบแพทย์นอกจากการซักประวัติและตรวจร่างกายเบื้องต้นแล้ว การตรวจโรคภูมิแพ้ หรืออาการแพ้อย่างผื่นแพ้อากาศ สามารถทดสอบได้ด้วย 2 วิธี ได้แก่

  • การทดสอบทางผิวหนัง (Allergy skin test)
    คือ การน้ำยาที่สกัดจากสารก่อภูมิแพ้ชนิดต่าง ๆ เช่น ฝุ่น ตัวไรฝุ่น เชื้อรา แมลงสาบ หญ้า รังแคของสัตว์ เป็นต้น มาทดลองหยดลงผิวหนังผู้เข้ารับการตรวจ และใช้เครื่องมือตรวจสะกิด รอผลประมาณ 15 - 20 นาที หากผู้เข้าตรวจแพ้สารใด ในบริเวณนั้นก็จะเกิดตุ่มนูน แดง คันขึ้น และไม่ต้องเป็นกังวลเพราะเพียง 2 - 3 ชั่วโมงผื่นแดงเหล่านั้น จะสามารถยุบหายไปได้เอง
     
  • การทดสอบด้วยการเจาะเลือดส่งตรวจ (Serum Specific IgE)
    คือ เจาะเลือดเพื่อนำไปส่งตรวจผลทางห้องแล็บหาปริมาณสารก่อภูมิต้านทานต่อสารก่อภูมิแพ้แต่ละชนิด เพื่อที่จะได้ทราบว่าผู้เข้าตรวจนั้นแพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดใดบ้าง แม้วิธีนี้จะมีค่าใช้จ่ายที่สูง แต่ผู้เข้ารับการตรวจจะไม่ต้องเสี่ยงกับอาการแพ้ผื่นเหมือนกับการทดสอบทางผิวหนัง

ผื่นแพ้อากาศ เป็นอาการที่เลี่ยงได้ยากในสภาวะแวดล้อมปัจจุบันที่ไปด้วยมลภาวะ ฝุ่น ควันต่าง ๆ ถึงแม้เราจะพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันไม่ให้เผชิญกับสารกระตุ้นก่อผื่นแพ้อากาศแล้วก็ตาม แต่ก็หลีกเลี่ยงได้ยาก คงจะเป็นการดีกว่าถ้าหาเราเริ่มต้นดูแลผิวให้มีสมดุลผิว มีสุขภาพผิวที่แข็งแรงตั้งแต่ต้น เพื่อที่ผิวของเราจะได้แข็งแรงพร้อมเผชิญทุกสถานการณ์