หลายคนรู้จักวิตามินอีเพราะช่วยเรื่องสุขภาพร่างกาย แต่จริงๆ แล้ววิตามินอีมีประโยชน์มากกว่านั้น โดยเฉพาะเรื่องผิว หากต้องการมีผิวที่สวย ชุ่มชื้น สุขภาพดี ต้องห้ามพลาดบทความนี้ เพราะเราจะมาไขข้อข้องใจกันว่าวิตามินอีช่วยเรื่องอะไรบ้าง แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากร่างกายได้รับวิตามินอีไม่เพียงพอ อย่ารอช้า ไปค้นหาคำตอบกันได้เลย

วิตามินอี (Vitamin E) เป็นวิตามินที่มีความสำคัญและต้องการการละลายในไขมันก่อนที่ร่างกายจะสามารถดูดซึมและนำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถผลิตวิตามินอีขึ้นมาเองได้ ดังนั้นจึงต้องอาศัยการบริโภคอาหารที่มีวิตามินอีเป็นส่วนประกอบ เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินอีอย่างเพียงพอ

คุณสมบัติที่สำคัญของวิตามินอีคือการทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ได้แก่

  • สมอง บำรุงและปกป้องเซลล์สมองจากความเสียหาย ช่วยเสริมสร้างความจำและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองเสื่อม
     
  • ดวงตา ปกป้องเลนส์ตาจากความเสื่อม และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคตาต่างๆ เช่น จอตาเสื่อม
     
  • ผิวหนัง เพิ่มความชุ่มชื้นของผิว ลดการเกิดริ้วรอยและเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่
     
  • ระบบภูมิคุ้มกัน เสริมสร้างและสนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคและการติดเชื้อได้ดีขึ้น
     
  • การทำงานของเซลล์ เสริมสร้างการทำงานของเซลล์ในร่างกาย ให้มีความสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ
     
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด ลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL) นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการลดการเกิดลิ่มเลือดและการแข็งตัวของหลอดเลือด

นอกจากนี้ การได้รับวิตามินอีอย่างเพียงพอจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับสุขภาพของทุกคน หากร่างกายขาดวิตามินอี อาจเกิดผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ได้ เช่น อาการปวดประสาท ปัญหาในระบบเลือด สายตาเสื่อม และปัญหาเกี่ยวกับการสืบพันธุ์ การรักษาระดับวิตามินอีในร่างกายให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญในชีวิตประจำวัน

นอกจากวิตามินอีจะมีบทบาทสำคัญต่อการบำรุงสุขภาพโดยรวมแล้ว วิตามินอี (Vitamin E) ยังช่วยอะไรเกี่ยวกับผิวได้หลายอย่าง ซึ่งในยุคนี้ที่มลภาวะและแสงแดดทำร้ายผิวเราอยู่เสมอการเติมวิตามินอีให้เพียงพอกับความต้องการของผิวจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยสิ่งที่วิตามินอีมีส่วนช่วยก็จะมี ดังนี้
 

ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น

วิตามินอีมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นของชั้นผิว ด้วยการเสริมสร้างเกราะปราการผิว (Skin Barrier) ซึ่งเป็นชั้นผิวหนังที่จะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำในชั้นผิวสูญเสียออกไป ช่วยดูแลสมดุลให้ผิว ทำให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื่น ไม่แห้งกร้าน เหมาะกับการใช้ร่วมกับ Moisturizer ที่จะช่วยเพิ่มความชื้นให้กับผิวหลังจากที่ล้างหน้า เพื่อผิวที่แข็งแรงและสวยใสอย่างยั่งยืน
 

ช่วยลดริ้วรอย

วิตามินอีเป็น Antioxidant ที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยบรรเทาผลกระทบของมลภาวะ แสงแดด และความเครียดต่อผิวได้อย่างดี ซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอยก่อนวัย ชะลอการเสื่อมสภาพของล์ผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน รอยตีนกาและร่องลึกดูจางลงได้
 

ช่วยลดจุดด่างดำ

วิตามินอีมีส่วนช่วยลดการสร้างเมลานินไม่ให้มากเกินไป ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้เซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมโทรมและมีเมลานินสะสมหลุดลอกออกไป เผยผิวใหม่ที่กระจ่างใส ช่วยให้จุดด่างดำ ฝ้า กระ รอยสิวแลดูจางลง ทำให้การกินวิตามินอีให้เพียงพอจะช่วยให้การฟื้นบำรุงผิวอย่างการใช้ ครีมบำรุงผิว เห็นผลได้ชัดและรวดเร็วขึ้น
 

ลดรอยแผลเป็น

วิตามินอีช่วยกระตุ้นศักยภาพในการสมานแผลของร่างกาย ทำให้แผลใหม่สามารถรักษาตัวเองได้ดีขึ้น และลดโอกาสที่จะเกิดเป็นรอยแผลเป็นได้ นอกจากนั้นยังมีส่วนช่วยให้รอยแผลเป็นที่มีอยู่แล้วแลดูจางลง ได้ด้วยการช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวให้ผิวเก่าที่มีรอยแผลเป็นถูกแทนที่ด้วยผิวหนังใหม่
 

ลดความหมองคล้ำ

ผิวที่หมองคล้ำสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเจอกับแสงแดดเป็นประจำ ความชุ่มชื้นของผิวไม่เพียงพอ หรือความเชื่องช้าในการผลัดเซลล์ผิวที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออายุมากขึ้น ทำให้วิตามินอีที่สามารถช่วยบรรเทาปัญหาในด้านต่างๆ เหล่านี้ สามารถช่วยลดความหมองคล้ำได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเมื่อใช้ควบคู่ไปกับวิธีอื่นๆ อย่างการใช้ เซรั่ม ก็จะทำให้ผิวได้รับการบำรุงเพิ่มโอกาสฟื้นบำรุงของผิวได้
 

ปกป้องผิวจากแสงแดด

วิตามินอีช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีที่เป็นสาเหตุหนึ่งในการทำให้ใบหน้าเกิดริ้วรอยจนสามารถทำให้ใบหน้าดูมีอายุมากกว่าความเป็นจริง วิตามินอีจึงเป็นสิ่งที่สามารถช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้อีกทางหนึ่งด้วย
 

ซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย

วิตามินอีมีส่วนช่วยลดอาการอักเสบในชั้นผิว ลดโอกาสเกิดปัญหาผิวต่างๆ เช่น รอยแดง รอยดำ สิว และผื่นแพ้ ที่จะทำให้ผิวเกิดความเสียหายและต้องถูกซ่อมแซมโดยร่างกาย ซึ่งเมื่อร่างกายซ่อมแซมเซลล์ผิวซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ อาจทำให้เกิดแผลเป็น ริ้วรอยหรือความเหี่ยวย่นได้ แต่วิตามินอีจะทำหน้าที่ช่วยให้ร่างกายได้ฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสียหายได้อย่างเต็มที่ จนทำให้ผิวกลับมาดูสุขภาพดี เปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวามากขึ้น

รู้กันไปแล้วว่าวิตามินอีช่วยอะไรในเรื่องผิวบ้าง ในทางกลับกัน หากร่างกายขาดวิตามินอี จะเกิดผลเสียอะไรกับผิวบ้าง ดังนี้

  • ผิวแห้งกร้านขาดความชุ่มชื้น วิตามินอีมีบทบาทสำคัญในการกักเก็บความชุ่มชื้นในชั้นผิว เมื่อขาดวิตามินอี ผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้นง่าย ทำให้ผิวแห้งกร้าน แตกลาย รู้สึกหยาบกระด้าง
     
  • ริ้วรอยก่อนวัย วิตามินอีเป็น Antioxidant ที่ช่วยต่อต้านมลภาวะที่จะมาทำลายคอลลาเจน และอีลาสติน ส่งผลให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยก่อนวัย ร่องลึกดูชัดเจน
     
  • รอยด่างดำ ฝ้า กระ วิตามินอีช่วยลดการสร้างเมลานิน เมื่อขาดวิตามินอี ผิวจะผลิตเมลานินมากเกินไป ส่งผลให้เกิดรอยด่างดำ ฝ้า กระ
     
  • ผิวอักเสบง่าย วิตามินอีมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ เมื่อขาดวิตามินอี ผิวจะอักเสบง่าย เกิดรอยแดง ระคายผิว แพ้ง่าย
     
  • แผลหายช้า วิตามินอีช่วยกระตุ้นการสมานแผล เมื่อขาดวิตามินอี แผลจะหายช้ากว่าปกติ เกิดรอยแผลเป็น

วิธีการที่คนส่วนใหญ่จะได้รับวิตามินอีก็มักจะได้มาผ่านทางอาหารที่กินเข้าไป โดยแหล่งอาหารที่มีวิตามินอีก็จะมีตัวอย่างอยู่ ดังนี้

  • ไข่แดง 
  • จมูกข้าวสาลี
  • อาหารจำพวกถั่ว เช่น อัลมอนด์ เฮเซลนัท
  • ผลไม้ เช่น อะโวคาโด มะม่วง กีวี มะเขือเทศ มะละกอ เป็นต้น
  • ผักใบเขียว เช่น ผักโขม บร็อคโคลี่ คะน้า ตำลึง ผักชีฝรั่ง เป็นต้น
  • ปลา เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล ปลาซาร์ดีน เป็นต้น
  • น้ำมันพืช น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันงา น้ำมันเมล็ดองุ่น
     

นอกจากนี้ วิตามินอียังสามารถพบได้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีการเสริมใส่วิตามินอีเข้าไป โดยมักจะอยู่ในรูปแบบของ แคปซูล ยาเม็ด ครีมทาผิว และน้ำมันวิตามินอี ซึ่งก็จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้รับประทานอาหารที่มีวิตามินอีเพื่อการฟื้นบำรุงผิวในระยะยาว
 

สรุป

วิตามินอีเป็นสารอาหารสำคัญที่ร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้ ต้องอาศัยการรับประทานเข้าไปอย่าง ไข่ ถั่ว น้ำมันจากถั่วและผัก ผลไม้ เป็นหลัก โดยวิตามินอีมีบทบาทสำคัญในการช่วยบำรุงระบบสมอง สายตา เลือด เซลล์และระบบสืบพันธุ์ของร่างกาย จนกล่าวได้ว่าวิตามินอีเป็นสารอาหารที่สามารถช่วยอะไรได้หลายอย่าง ซึ่งก็จะส่งผลกระทบกับสุขภาพและความสวยงามของผิวด้วย 

แล้ววิตามินอีช่วยเรื่องอะไรบ้าง ที่เกี่ยวกับผิวหนัง? อย่างริ้วรอย จุดด่างดำ แผลเป็น และความหมองคล้ำเป็นตัวอย่างที่ได้กล่าวไป ด้วยการเข้าไปฟื้นบำรุงศักยภาพในการปกป้องตัวเองจากมลภาวะและสิ่งเร้าต่างๆ ที่จะทำร้ายผิวหนัง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวและช่วยให้ผิวได้ฟื้นบำรุงตัวเองกลับมาดูสุขภาพดีได้ในระยะยาว

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเซ็นซิบิโอ

ทำความสะอาดและบำรุงผิว

ผิวแพ้ง่าย

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเซ็นซิบิโอ (Sensibio)

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเซ็นซิบิโอ

อาการของผิวแพ้ง่าย มีทั้งความรู้สึกคันยุบยิบ แสบร้อน ตึงผิว ระคายผิว และรอยแดงกระจายหรือเกิดขึ้นเฉพาะจุด

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเซ็นซิบิโอ (Sensibio) คือผลิตภัณฑ์ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ  นอกจาก เซ็นซิบิโอ เอชทูโอ (Sensibio H2O) ไมเซล่า วอเตอร์ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมสำหรับทำความสะอาดผิวและเช็ดเครื่องสำอางสำหรับผิวแพ้-ระคายง่าย ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ยังรวมถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและดูแลผิวที่แพทย์ผิวหนังแนะนำ อย่างผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าสำหรับผิวแพ้ง่าย และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวในชีวิตประจำวันที่เหมาะกับผิวของคุณ!