เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาหมอได้รับเชิญจากทางแบรนด์ BIODERMA ให้ไปร่วมทริปดูงานที่ประเทศฝรั่งเศส โดยได้ไปเยี่ยมโรงงาน ถึงที่ ณ เมือง เอ็กซ์ ออง โพรวองซ์ (AIX-EN-PROVENCE) เป็นเมืองที่สวยงามมาก
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาหมอได้รับเชิญจากทางแบรนด์ BIODERMA ให้ไปร่วมทริปดูงานที่ประเทศฝรั่งเศส โดยได้ไปเยี่ยมโรงงาน ถึงที่ ณ เมือง เอ็กซ์ ออง โพรวองซ์ (AIX-EN-PROVENCE) เป็นเมืองที่สวยมาก ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส การไปครั้งนี้ได้เกร็ดน่ารู้ รวมถึงสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ มาฝากด้วยค่ะ
BIODERMA แบรนด์ระดับโลกนี้ก่อตั้งขึ้น โดยคุณ Jean-Noël Thorel เภสัชกรชาวฝรั่งเศส โดยมีแนวคิดที่เน้นคอนเซ็ปท์ ‘THE SKIN ITSELF’ กล่าวคือ ความใส่ใจและเคารพในธรรมชาติของผิว โดยเลียนแบบกลไกทางชีววิทยาและองค์ประกอบต่างๆที่เกี่ยวข้อง โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่เน้นความรู้และกลไกทางชีวภาพของผิว เน้นการปรับสภาพผิวและคืนสมดุล เพื่อให้เราได้เผยผิวสุขภาพดีอย่างยั่งยืน
Bioderma เป็นแบรนด์ภายใต้ นาโอส กรุ๊ป ประเทศฝรั่งเศส มีการจัดจำหน่ายกว่า 90 ประเทศทั่วโลกซึ่งหนึ่งในนั้นคือประเทศไทย ภายใต้ชื่อ บริษัท นาโอส ประเทศไทยจำกัด นอกจากนี้ นาโอส กรุ๊ป ยังเป็นเจ้าของแบรนด์สกินแคร์ ระดับ High-end อย่าง INSTITUT ESTHEDERM และ ETAT PUR อีกด้วย โรงงานที่ได้เยี่ยมชมนั้น ไม่เพียงเป็นโรงงานของนาโอสที่ผลิตสินค้าทั้ง 3 แบรนด์ (ทุกชิ้นผลิตในฝรั่งเศส) แต่ยังมีห้องปฏิบัติการวิจัยที่ใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยมีทีมงานที่ทำงานร่วมกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังชั้นนำในระดับนานาชาติ เพื่อรักษาระดับความเป็นแนวหน้าในด้านความรู้ทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับชีววิทยาและโรคผิวหนัง มีการวิจัยค้นคว้าสร้างสูตรผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชั้นนำอีกมากมาย โดยขณะนี้มีการจดสิทธิบัตรสำหรับสูตรต่างๆราว 200 สิทธิ์ทั่วโลก
ในประเทศไทยเราจะรู้จัก BIODERMA จากผลิตภัณฑ์ คลีนซิ่ง Sensibio H2O ที่มี MICELLAR WATER เป็นส่วนผสมสำคัญ ซึ่ง BIODERMA เป็นเจ้าแรกที่นำนวัตกรรมไมเซลล์มาประยุกต์ใช้ในวงการความงามจนเป็นที่นิยมไปทั่วโลก สำหรับคนที่ยังไม่ทราบว่าไมเซลล่า วอเตอร์ทำงานอย่างไร ถึงสามารถทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างหมดจด
ในส่วนของนวัตกรรม Micellar หมอจะสรุปให้เข้าใจง่ายๆนะคะ
นวัตกรรมนี้พัฒนามาจาก Micellar เป็นสารที่เรียกว่า surfactant ซึ่งเป็นโมเลกุลที่มี 2 ส่วน คือ ส่วนหัวที่ละลายได้ดีในน้ำ (Hydrophilic end) และส่วนหางจะละลายได้ดีในไขมัน (Lipophilic end) ในส่วนนี้จะจับกับคราบสกปรกและเครื่องสำอางบนใบหน้า ซึ่งการทำงานจะคล้ายกับสบู่หรือเจลล้างหน้านั่นเอง แต่ผลิตภัณฑ์นี้ของ Bioderma จะไม่มีสารชะล้างที่รุนแรงต่อผิว ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือน้ำหอม เน้นการคืนสมดุลให้ผิวกลับคืนสู่ความงามตามธรรมชาติ สามารถใช้เช็ดเครื่องสำอางหรือทำความสะอาดประจำวันได้โดยไม่ต้องล้างน้ำออก
ผู้เชี่ยวชาญจาก Bioderma เล่าว่า ผลิตภัณฑ์เช็ดหน้า ของ Bioderma มีอยู่สามสูตร คือ สูตรสำหรับผิวธรรมดา-ผิวแพ้ง่าย, สูตรสำหรับผิวแห้ง-ขาดความชุ่มชื้น และสูตรสำหรับผิวมัน-ผิวผสม ผิวมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ซึ่งควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวของตนเองเพื่อประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และจะดียิ่งขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในกลุ่มสภาพผิวเดียวกัน Bioderma นั้นมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากๆ ค่ะ ในประเทศไทยมีจำหน่ายถึง 37 รายการด้วยกัน ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่นิยมมากในต่างประเทศ และก็มีวางจำหน่ายในเมืองไทยแล้ว เช่น
ATODERM ออโตเดิร์ม – ครีมบำรุงผิวหน้าสำหรับผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ จนถึงผู้ที่มีปัญหาโรคผื่นแพ้ผิวหนัง ผลิตภัณฑ์มีความอ่อนโยนใช้ได้แม้กระทั่งผิวเด็ก เป็นนวัตกรรมที่เพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบ เน้นการเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิว ยับยั้งอาการคันและลดการสูญเสียน้ำในผิว จึงทำให้ผิวแข็งแรงมีภูมิต้านทานต่อสิ่งเร้าต่างๆได้ดียิ่งขึ้น สิทธิบัตรเฉพาะของผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้คือ Skin Barrier Theraphy Patent ปกป้องและกระตุ้นการสร้างแบคทีเรียที่ดีบนผิวหนัง
PHOTODERM โฟโตเดิร์ม – ครีมกันแดด ที่มี SPF สูงถึง 50 และยังมีค่า PA++++ จึงปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างดี มาพร้อมนวัตกรรม Cellular Bio-protection และ DAF patent ที่เป็นสิทธิบัตรเฉพาะของ Bioderma โดยในผลิตภัณฑ์นี้มีการนำสารสกัดที่มีฤทธิ์แอนตี้ออกซิแดนท์ มีฤทธิ์ลดการอักเสบ (Anti-inflammatory) และทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจน รวมถึงมี Xylitol ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอีกด้วย
ตอนที่หมอไปนั้น ในส่วนของโรงงาน ห้ามถ่ายรูปตั้งแต่ในส่วนของห้องแล็บและส่วนที่มีการผลิตและทำบรรจุภัณฑ์ ซึ่งน่าเสียดายมากๆค่ะ เพราะมีการใช้อุปกรณ์และระบบที่ล้ำสมัยและคำนึงเรื่องความสะอาด โดยผู้ที่ทำงานจะต้องมีการใส่ชุดคลุมเพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อ และเป็นระบบโรงงานที่มีการใช้กำลังคนไม่มากซึ่งข้อดีคือจะลดการปนเปื้อนและควบคุมมาตรฐานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากเยี่ยมชมโรงงานแล้ว ยังมีโอกาสได้เที่ยวชมพระราชวังของราชวงศ์กรีมัลดี (Grimaldi) แห่งโมนาโค โดยเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ข้ามฝั่งจากเมืองคานส์ประเทศฝรั่งเศส และได้นั่งรถโบราณเที่ยวชมรอบๆ เมืองมอนติคาโล เมืองที่มีการแข่งขันรถฟอร์มูล่าวันอันโด่งดังในทุกๆ ปี ด้วยค่ะ
และเนื่องจากที่พักของพวกเราอยู่ในเมืองคานส์ สถานที่จัดงาน Cannes Movie Festival ที่เพิ่งกำลังจะมีงานในช่วงที่เดินทางไปพอดี เลยได้มีโอกาสเห็นบรรยากาศเมืองที่คึกคักและน่าตื่นตาตื่นใจมากๆค่ะ
ขอขอบคุณ Bioderma สำหรับประสบการณ์ดีๆจากการเดินทางในครั้งนี้นะคะ
_______________
พญ.ชุติมา อัศวอารี
แพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย