เรตินอลคืออะไร? ประโยชน์และสิ่งที่ควรรู้ก่อนใช้ดูแลผิวอย่างปลอดภัย

Key Takeaway

• เรตินอลคืออนุพันธ์ของวิตามินเอ ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ริ้วรอยแลดูลดลง และช่วยบรรเทาสิว
• เรตินอลช่วยผลัดเซลล์ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน รู้สึกได้ว่าริ้วรอยลดลง และช่วยลดโอกาสเกิดสิว
• ใช้เรตินอลในตอนกลางคืน โดยทาบางๆ หลังล้างหน้าและบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ไม่ควรใช้เกิน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ในช่วงเริ่มต้น
• ควรใช้เรตินอลคู่กับมอยส์เจอไรเซอร์และไนอะซินาไมด์ เพื่อช่วยลดการระคายผิว
   

เรตินอลคือหนึ่งในส่วนผสมที่ได้รับความนิยมในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เนื่องจากมีคุณสมบัติในการช่วยลดเลือนริ้วรอยและปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น แต่การใช้เรตินอลให้ได้ผลและปลอดภัยนั้นจำเป็นต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้อง มาทำความรู้จักกับเรตินอล ทั้งประโยชน์และข้อควรระวังในการใช้กัน

เรตินอลคืออนุพันธ์ของวิตามินเอในกลุ่มเรตินอยด์ ใช้ในผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย โดยเฉพาะริ้วรอยจากวัย ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและฟื้นบำรุงผิวให้เรียบเนียน ลดเลือนริ้วรอย โดยเฉพาะในผู้ที่อายุ 30-40 ปีขึ้นไป Retinol ช่วยอะไรผิวบ้าง มาดูกัน
 

เร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่

ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพให้หลุดลอกออก และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เพื่อเผยผิวที่สดใส กระจ่างใส และเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้เรตินอลยังช่วยให้รูขุมขนกระชับขึ้น และส่งเสริมการฟื้นบำรุงผิวให้แข็งแรงโดยการช่วยเสริมสร้าง skin barrier หรือเกราะปกป้องผิวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
 

ทำให้เซลล์เม็ดสีสร้างน้อยลง

เรตินอลมีผลต่อการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocyte function modulation) ซึ่งเป็นสาเหตุของจุดด่างดำและกระฝ้า โดยช่วยลดผลกระทบจากการทำร้ายของแสงแดดและรังสี UV ที่ทำให้เกิดปัญหาผิวเหล่านี้ได้
 

เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ

มีส่วนช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดี จึงมีประโยชน์อย่างมากในการต่อต้านการร่วงโรยของวัย และช่วยลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และกระจ่างใสขึ้น
 

คืนความยืดหยุ่นให้ผิว

กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งช่วยทำให้ผิวเต่งตึงและยืดหยุ่น ลดเลือนริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น เมื่ออายุมากขึ้นการผลิตคอลลาเจนตามธรรมชาติจะลดน้อยลง แต่เรตินอลสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 ได้ จึงช่วยลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น
 

ลดการอักเสบของผิว

เรตินอลช่วยลดการอักเสบของสิว ควบคุมความมันบนใบหน้า ลดสิว และช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้จุดด่างดำ รอยดำจากสิว และฝ้ากระจ่างใสขึ้น

การใช้เรตินอลให้ได้ผลดีที่สุด ควรใช้ในช่วงเวลากลางคืน เนื่องจากผิวจะไวต่อแสงแดดหลังใช้เรตินอล และมีขั้นตอนที่แพทย์ผิวหนังแนะนำเพื่อให้ผิวได้รับประโยชน์สูงสุด ดังนี้

• ในสัปดาห์แรก ควรใช้เรตินอลสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
• ในสัปดาห์ที่ 2 ค่อยๆ เพิ่มความถี่เป็นวันเว้นวัน
• จากสัปดาห์ที่ 3 เป็นต้นไป สามารถใช้ได้ทุกคืน
   

ในช่วงกลางวันควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF50+ และ PA++++ เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV และหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง สำหรับผู้ที่ผิวคุ้นเคยกับการใช้เรตินอลหรือผลิตภัณฑ์ที่มีกรดวิตามินเออยู่แล้ว สามารถเริ่มใช้เรตินอลทุกคืนได้ทันทีตั้งแต่สัปดาห์แรก และสำหรับ ผิวแพ้ง่าย ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ อาจทำให้เกิดอาการระคายผิว แห้งลอก หรือแดงง่าย

ควรใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยเสริมการทำงานของเรตินอล โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นบำรุง เช่น
 

เรตินอลกับกรดไฮยารูโรนิก

วิธีที่ดีที่สุดในการใช้ส่วนผสมทั้งสองนี้ร่วมกันคือ การใช้กรดไฮยาลูโรนิกทั้งเช้าและเย็น และใช้เรตินอลในตอนกลางคืน

สาเหตุที่เรตินอลต้องใช้ในตอนกลางคืนคือบางสูตรจะถูกทำลายโดยรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ในตอนกลางวัน ขณะที่กรดไฮยาลูโรนิกสามารถใช้ได้ทั้งในตอนเช้าและเย็น และคุณสามารถใช้ได้บ่อยน้อยหรือมากตามที่ต้องการเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

อ่านเพิ่มเติม : ไฮยาลูรอน คืออะไร ช่วยอะไรบ้าง ทำไมจึงจำเป็นในขั้นตอนการบำรุงผิว
 

เรตินอลกับมอยส์เจอร์ไรเซอร์

Sébium Sensitive  เป็นครีมบำรุงผิวหน้าที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผิวบอบบางและผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย โดยเฉพาะในช่วงที่ใช้เรตินอลที่อาจทำให้ผิวแห้งและระคายง่ายได้ 

มอยส์เจอร์ไรเซอร์นี้ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวและดูแลสมดุลของน้ำในผิว พร้อมช่วยปกป้องผิวจากการสูญเสียน้ำ ช่วยลดอาการแห้งตึงและระคายผิวหลังการใช้เรตินอล ซึ่งเหมาะมากในการใช้ร่วมกับเรตินอลเพื่อให้ผิวมีสุขภาพดีและนุ่มนวลขึ้น
 

เรตินอลกับไนอะซินาไมด์

สำหรับใครที่อยากผลัดเซลล์ผิวแต่กังวลเรื่องการระคายผิวจากการใช้เรตินอล ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปเมื่อใช้คู่กับไนอะซินาไมด์ เพราะมันช่วยลดอาการระคายผิวที่อาจเกิดขึ้นได้ พร้อมทั้งเสริมความแข็งแรงให้กับผิว ช่วยจัดการปัญหาผิวอื่นๆ เช่น สิว ริ้วรอย หรือการระคายผิวต่างๆ ช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีและแข็งแรงมากขึ้น

เรตินอลเป็นสารที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ดี แต่เนื่องจากมีการออกฤทธิ์ค่อนข้างรุนแรงต่อผิว แล้วเรตินอลห้ามใช้คู่กับอะไร? คำตอบคือไม่ควรใช้ร่วมกับกรดผลัดเซลล์ผิวชนิดอื่นๆ เช่น AHA, BHA หรือวิตามินซี เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลงและเพิ่มความเสี่ยงในการระคายผิวได้

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการใช้เรตินอล ได้แก่ การระคายผิวหนัง เช่น ผิวแดง แสบ คัน และลอก นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดสิวเพิ่มขึ้นในระยะแรก เนื่องจากการผลัดเซลล์ผิวที่รุนแรงขึ้น

การใช้เรตินอลเพื่อดูแลผิวให้ได้ผลและปลอดภัย จำเป็นต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับวิธีการใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงและให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

• เริ่มใช้ในปริมาณน้อย เริ่มใช้เรตินอลที่ความเข้มข้นต่ำ ใช้ปริมาณน้อยและไม่บ่อย เพื่อปรับสภาพผิวและลดการระคายผิว
• หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด เรตินอลอาจทำให้ผิวบางและไวต่อแสง ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดและทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF30 ขึ้นไปเสมอ
• ห้ามใช้กับผู้ตั้งครรภ์ หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยงเรตินอยด์และวิตามินเอ เนื่องจากอาจเสี่ยงทำให้ทารกพิการ
• ไม่ใช้กับผู้ที่เป็นโรคผิวหนังบางชนิด ผู้ที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบโรซาเชีย หรือสิวรุนแรงไม่ควรใช้เรตินอล เพราะอาจทำให้เกิดการระคายผิว
   

สรุป

เรตินอลเป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ริ้วรอยแลดูลดลง ปรับสีผิวให้กระจ่างใส และลดโอกาสเกิดสิว ควรใช้ในเวลากลางคืนเนื่องจากสามารถถูกทำลายได้จากแสงแดดและรังสี UV การใช้เรตินอลในตอนกลางคืนจะช่วยให้ผิวฟื้นบำรุงและผลัดเซลล์ผิวได้ดีขึ้นในขณะที่นอนหลับ นอกจากนี้ ควรใช้คู่กับมอยส์เจอไรเซอร์และไนอะซินาไมด์เพื่อลดการระคายผิว และไม่ควรใช้ร่วมกับ AHA, BHA หรือวิตามินซี เพราะอาจทำให้ผิวระคายง่ายและลดประสิทธิภาพการทำงานของเรตินอล