Key Takeaway

  • ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) คือวิตามินบี 3 ที่ช่วยกระตุ้นการผลิตเซราไมด์ เสริมความชุ่มชื้นและความแข็งแรงให้ผิว
  • ไนอะซินาไมด์ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว ช่วยลดการอักเสบ ควบคุมความมัน ช่วยลดรอยสิว และปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ
  • ไนอะซินาไมด์สามารถใช้ร่วมกับ AHA, BHA และ Vitamin C ได้ แต่ควรเว้นระยะเวลา 30 นาทีระหว่างการใช้ไนอะซินาไมด์กับ AHA และ BHA ส่วน Vitamin C ทาได้เลยโดยไม่ต้องเว้นเวลา
  • ข้อดีของการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีไนอะซินาไมด์ สำหรับผิวหน้า ช่วยลดโอกาสเกิดรอยดำ รอยแดง ควบคุมความมัน เสริมสร้าง Skin Barrier สำหรับผิวกาย ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เรียบเนียน ลดความแห้งกร้านตามร่างกาย
     

ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) เป็นหนึ่งในส่วนผสมยอดนิยมที่พบได้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมากมาย หลายคนอาจสงสัยว่าไนอะซินาไมด์คืออะไร และช่วยอะไรผิวบ้าง มาทำความรู้จักกับส่วนผสมนี้ให้มากขึ้น พร้อมดูว่าทำไมผลิตภัณฑ์ที่มีไนอะซินาไมด์ถึงช่วยให้ผิวสุขภาพดีขึ้นได้
 

ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) คืออะไร? สารบำรุงผิวที่ทุกคนต้องรู้จัก

ไนอะซินาไมด์ หรือ Niacinamide คือวิตามินบี 3 ซึ่งเป็นวิตามินที่อยู่ในกลุ่มวิตามินบีคอมเพล็กซ์ (B-Complex) หรือที่เรียกว่า Niacin (Nicotinic acid) โดยไนอะซินาไมด์นั้นถือเป็นอีกหนึ่งสารอาหารบำรุงผิวที่สำคัญ โดยจะเข้าไปกระตุ้นการผลิตเซราไมด์ (Ceramide) ที่ช่วยให้ผิวกระชับและชุ่มชื้นขึ้น ช่วยให้ผิวเรียบเนียน รูขุมขนกระชับและยังคุมความมันบนผิวได้อีกด้วย 

แต่การรับประทานอาหารที่มีวิตามินบี 3 อาจไม่เพียงพอสำหรับหลายคน โดยเฉพาะคนที่มีผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย ผิวมันเป็นสิว ผิวเป็นริ้วรอยหรือรอยแผลเป็น รวมถึงผิวรอยแดงจากสิวและอาการระคายผิว เป็นต้น จึงต้องรับประทานอาหารเสริม รวมถึงใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีส่วนผสมของ Niacinamide เพื่อช่วยฟื้นบำรุงผิวให้สมดุลมากยิ่งขึ้น

โดยทั่วไปแล้ว Niacinamide หรือวิตามินบี 3 สามารถเข้าสู่ร่างกายได้จากการรับประทานอาหาร พบมากในอาหารประเภท เนื้อสัตว์ นม ไข่ ถั่วและผักใบเขียว โดยร่างกายจะแปลง Niacin ที่เหลือจากการดูดซึมให้กลายเป็น Niacinamide ที่สำคัญต่อระบบเผาผลาญของร่างกาย การทำงานของระบบประสาท รวมถึงการต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการทำงานของเซลล์ต่างๆ ในร่างกายและผิวพรรณของเราด้วยนั่นเอง
 

Ceramide กับ Niacinamide ต่างกันอย่างไร? เลือกใช้ให้เหมาะกับผิว

Ceramide เป็นสารสำคัญบนชั้นผิวที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ในขณะที่ Niacinamide เป็นวิตามินที่ช่วยกระตุ้นการสร้าง Ceramide ทำให้ผิวแข็งแรงและคงความชุ่มชื้นได้ดียิ่งขึ้น
 

เวลาที่เหมาะสมในการใช้ Niacinamide

Niacinamide ควรใช้ตอนไหน? สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น ควรทาหลังโทนเนอร์และก่อนเซรั่มหรือครีมบำรุงอื่นๆ เพื่อให้ซึมซาบและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มาดูกันว่าไนอะซินาไมด์ช่วยอะไรผิวบ้าง และทำไมจึงเป็นส่วนผสมยอดนิยมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
 

1. ช่วยให้รอยสิวและรอยแผลเป็นแลดูลดเลือน

Niacinamide ที่มีความเข้มข้นอย่างน้อย 2% ช่วยลดโอกาสเกิดรอยดำ รอยแดง ทำให้รอยสิวแลดูจางลง ช่วยให้ผิวแลดูเรียบเนียนกระจ่างใสมากขึ้น และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอขึ้น โดยมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับสารฟอกสีผิว แต่มีความอ่อนโยนต่อผิว 
 

2. ช่วยดูแลสิว

ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบ และช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียบนผิว ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว นอกจากนี้ยังช่วยลดการระคายและอาการอักเสบของผิว ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว
 

3. ช่วยให้ผิวสมดุลขึ้น

Niacinamide ช่วยปรับสมดุลการทำงานของต่อมไขมัน ลดการผลิตน้ำมันส่วนเกินบนผิว ส่งผลให้รูขุมขนดูกระชับขึ้น ผิวอิ่มน้ำ และช่วยควบคุมความมันบนผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 

4. ช่วยให้ปราการผิวแข็งแรงมากขึ้น

Niacinamide ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนบนชั้นผิว ริ้วรอยที่เกิดจากแสงแดดแลดูลดเลือน และช่วยให้ผิวแห้งดูตื้นขึ้น อีกทั้งยังเสริมสร้าง Skin Barrier ให้แข็งแรง ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและปัจจัยทำร้ายผิวต่างๆ
 

5. ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว

Niacinamide เป็นอีกหนึ่งสารบำรุงผิวที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะเข้าไปกระตุ้นการผลิตเซราไมด์ (Ceramide) ในชั้นผิว พร้อมเสริมประสิทธิภาพของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ในการกักเก็บความชุ่มชื้น เหมาะสำหรับการฟื้นบำรุงผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ และผิวแพ้ง่าย
 

Niacinamide และผลิตภัณฑ์ที่ไม่ควรใช้ร่วมกัน

มีงานวิจัยระบุว่า Niacinamide ไม่ควรใช้ร่วมกับสารที่มีค่าเป็นกรดสูง เพราะจะทำงานได้ดีในค่า pH ที่ต่างกัน อย่างไรก็ตามสามารถใช้ร่วมกับสารที่มีกรดสูงอย่าง AHA, BHA และ Vitamin C  ได้ โดยแนะนำให้เว้นระยะห่าง 30 นาที เพื่อลดความเสี่ยงในการระคายและอาการแสบของผิว ส่วน Vitamin C สามารถทาร่วมกับ Niacinamide ได้เลยโดยไม่ต้องเว้นเวลา
 

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ไนอะซินาไมด์

ไนอะซินาไมด์โดยทั่วไปไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง แต่สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย อาจรู้สึกแสบหรือร้อนผิวได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้ในความเข้มข้นสูง
 

ข้อดีของการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Niacinamide

ไนอะซินาไมด์เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม หรือผิวแพ้ง่าย เพราะช่วยเติมความชุ่มชื้น ควบคุมความมัน ลดการอักเสบ และเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง 

ซึ่งแต่ละผลิตภัณฑ์ที่มีไนอะซินาไมด์มีข้อดีอย่างไร และช่วยดูแลผิวในด้านไหนบ้าง เพื่อให้เลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ
 

ครีมอาบน้ำที่มีส่วนผสมของ Niacinamide

สำหรับใครที่มีปัญหาผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ และผิวแพ้ง่าย ระคายผิวบ่อยๆ ที่ต้องการบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้นตั้งแต่ขั้นตอนการอาบน้ำแนะนำให้ใช้ครีมอาบน้ำในรูปแบบเจลอาบน้ำหรือออยล์อาบน้ำที่มีส่วนผสมของ Niacinamide เพราะนอกจากจะอ่อนโยนต่อผิวแล้วยังช่วยคงความชุ่มชื้นไว้ในผิวได้ดี 

อีกทั้งยังช่วยให้ผิวระคายน้อยลงและเนียนนุ่มมากยิ่งขึ้นอีกด้วย Bioderma ขอแนะนำครีมอาบน้ำ 2 สูตรที่ตอบโจทย์ผิวแห้งที่ต้องการความชุ่มชื้น ดังนี้ 

เจลอาบน้ำ Bioderma Atoderm Gel Douche


ครีมอาบน้ำสูตรเจล Atoderm Gel douche มีส่วนผสมของ Niacinamide อ่อนโยนสำหรับผิวธรรมดา ผิวแห้งมากและผิวระคายง่าย สามารถทำความสะอาดผิวได้หมดจดพร้อมมอบผิวชุ่มชื้นยาวนานและเสริมปราการผิวให้แข็งแรงขึ้นด้วยส่วนผสมของ SKIN PROTECT COMPLEX ที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าอ่อนโยนต่อผิวและบริเวณรอบดวงตา 

จึงสามารถใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย พร้อมเสริมการสร้างเซราไมด์ (Ceramides) และกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic acid) เพื่อผิวชุ่มชื้นแข็งแรงและไม่ระคายง่าย 

ออยล์อาบน้ำ Bioderma Atoderm Huile De Douche

ออยล์อาบน้ำ (Shower Oil) Atoderm Huile De Douche สำหรับผิวแห้ง ลอกเป็นขุยๆ และผิวแห้งมาก ระคายง่าย ด้วยเจลเนื้อใสที่ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้ผิวและส่วนผสมของไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) ช่วยเสริมการสร้างเซราไมด์ (Ceramides) อันเป็นส่วนประกอบสำคัญของน้ำมันบนปราการผิว มาพร้อมสารแอนติออกซิแดนท์ช่วยให้ผิวแข็งแรง ไม่ระคายง่าย ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นยาวนาน มีสิทธิบัตรเฉพาะที่ช่วยลดการเกาะตัวของ Staphylococcus Aureus บนผิวและลดการสร้าง Biofilm สาเหตุของผิวระคายบ่อย โดยสามารถใช้ทำความสะอาดได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย
 

โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของ Niacinamide

โลชั่นโทนเนอร์ Hydrabio Tonique ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวแห้งและขาดน้ำ ด้วยส่วนผสมของไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) ช่วยปรับสมดุลผิว และ Complex Aquagenium ซึ่งเป็นสิทธิบัตรเฉพาะของไบโอเดอร์มาที่ช่วยฟื้นบำรุงความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ ช่วยปลอบประโลมผิวให้ผิวเนียนนุ่ม แข็งแรง แลดูกระจ่างใสขึ้น

พร้อมมอบความชุ่มชื้นยาวนานถึง 8 ชั่วโมง เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่น แลดูเปล่งปลั่งและอิ่มน้ำ ด้วยเนื้อสัมผัสที่บางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่ต้องล้างออก อีกทั้งยังอ่อนโยนต่อผิวและรอบดวงตา ลดอุดตัน ไกลสิว 
 

คลีนซิ่งที่มีส่วนผสมของ Niacinamide

คลีนซิ่งไมเซล่า วอเตอร์ Hydrabio H2O สำหรับทำความสะอาดและล้างเครื่องสำอาง ใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายและขาดน้ำ มีส่วนผสมของไนอะซินาไมด์ที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว คงความชุ่มชื้น ฟื้นบำรุงให้ผิวแข็งแรง แลดูสุขภาพดี ช่วยขจัดสิ่งสกปรกและสารมลพิษที่อาจตกค้างบนผิว ลดโอกาสเกิดการระคายง่าย ด้วยเทคโนโลยีไมเซลล์ (Micelles) ที่ช่วยดึงสิ่งสกปรกและเมคอัปออกจากผิวได้อย่างหมดจด โดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง 
 

เซรั่มที่มีส่วนผสมของ Niacinamide

เซรั่ม Hydrabio Sérum ช่วยเติมน้ำให้ผิวอย่างล้ำลึก มอบความชุ่มชื้นและยาวนาน พร้อมกระตุ้นกระบวนการกักเก็บความชุ่มชื้นของผิวตามธรรมชาติ มี Niacinamide ที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว ลดการสูญเสียน้ำ พร้อมฟื้นบำรุงให้ผิวแข็งแรงและเรียบเนียน ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่ง อิ่มน้ำ และมีสุขภาพดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังผสานเทคโนโลยีสิทธิบัตร Aquagenium™ และส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นเข้มข้น เช่น กรดไฮยาลูโรนิก ไซลิทอล และกลีเซอรีน 
 

สรุป

ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) คือวิตามิน B3 ที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ลดการอักเสบ ควบคุมความมัน ลดโอกาสเกิดสิว รอยดำ และช่วยให้ผิวชุ่มชื้น แลดูกระจ่างใส ข้อดีของการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีไนอะซินาไมด์คือช่วยปรับสมดุลผิว เสริมความแข็งแรง และเหมาะกับทุกสภาพผิว

หลายคนอาจมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Niacinamide มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับไนอะซินาไมด์ให้มากขึ้น เพื่อให้สามารถนำไปใช้ดูแลผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Niacinamide ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ลดอุดตัน และช่วยให้ผิวแลดูกระจ่างใสขึ้น

แนะนำให้ใช้ไนอะซินาไมด์ในสกินแคร์ที่มีความเข้มข้น 2-5% เพื่อประสิทธิภาพที่ดีและอ่อนโยนต่อผิว

Niacinamide สามารถใช้ได้เป็นประจำทุกวัน ทั้งเช้าและเย็น

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มออโตเดิร์ม

ทำความสะอาดและบำรุงผิว

ผิวแห้งถึงผิวแห้งมาก

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มออโตเดิร์ม (Atoderm)

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มออโตเดิร์ม

ผิวแห้งคือผิวที่มีลักษณะตึงและขาดความอ่อนนุ่ม
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มออโตเดิร์ม (Atoderm) นำเสนอผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกายที่เหมาะสำหรับผิวแห้งและผิวแห้งมากสำหรับใช้ประจำวัน อีกทั้งยังช่วยดูแลผิวที่มีปัญหาผื่นภูมิแพ้ผิวหนังหรืออาการคันควบคู่ไปด้วย... เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นในการฟื้นบำรุงผิวให้เนียนนุ่มและรู้สึกสบายผิว บอกลาผิวแห้งตึงและคันหลังอาบน้ำไปได้เลย!