Key Takeaway

  • Skin Barrier คือชั้นผิวนอกสุดที่ช่วยปกป้องผิวจากสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วยเซลล์ผิวและสารสำคัญที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นและควบคุมการอักเสบ
  • ชั้นปราการผิวแข็งแรงทำให้ผิวสุขภาพดี ส่วนชั้นปราการผิวอ่อนแอทำให้ผิวเกิดปัญหาได้ง่าย เช่น แพ้ง่าย เป็นสิว และเกิดริ้วรอย เป็นต้น
  • ปัจจัยที่ทำลายชั้นปราการผิวมีทั้งภายในและภายนอก รวมถึงสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมการใช้ชีวิต
  • การเสริมสร้างชั้นปราการผิวทำได้หลายวิธี เช่น ใช้ครีมเซราไมด์ มอยส์เจอร์ไรเซอร์ หลีกเลี่ยงแสงแดด และดูแลผิวอย่างอ่อนโยน
  • ชั้นปราการผิวที่แข็งแรงช่วยให้ผิวชุ่มชื้น แข็งแรง มีสีสม่ำเสมอ และชะลอริ้วรอย
     


 Skin Barrier หรือเกราะป้องกันผิว เปรียบเสมือนกำแพงเมืองที่คอยปกป้องผิวของคุณจากมลภาวะ แบคทีเรีย และแสงแดดที่จะเข้ามาทำร้ายผิว ปราการผิวที่แข็งแรงจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ลดการระคายผิว และป้องกันปัญหาผิวต่างๆ เช่น ผิวแห้ง ผิวลอก ผิวอักเสบ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังช่วยลดริ้วรอยก่อนวัยได้เป็นอย่างดี แต่รู้หรือไม่ว่ามีปัจจัยหลายอย่าง ที่สามารถทำลายปราการผิวของคุณได้ 

บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจ Skin Barrier หรือเกราะป้องกันผิว ให้มากขึ้น พร้อมแนะนำวิธีการเสริมสร้างปราการผิวให้แข็งแรง เพื่อผิวสุขภาพดีเปล่งปลั่ง จะมีอะไรบ้าง มาดูพร้อมกันได้เลย

Skin Barrier ปราการผิว ตัวช่วยผิวแข็งแรง

Skin Barrier หรือเกราะป้องกันผิว คือ ชั้นผิวหนังชั้นนอกสุด เหมือนกับกำแพงอิฐที่แข็งแรง มีปูนซีเมนต์ยึดเกาะแน่นหนา ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำรั่วซึมเข้ามาในบ้านได้ ในทำนองเดียวกัน Skin Barrier ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ผิว และช่วยรักษาความชุ่มชื้นภายในผิวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม  

ซึ่งการทำงาน Skin Barrier ประกอบด้วยเซลล์ผิวที่เรียงตัวกันเป็นชั้นๆ และมีสารสำคัญหลายชนิด เช่น เซราไมด์ (Ceramide), กรดไขมัน (Fatty Acids) และคอเลสเตอรอล (Cholesterol) ซึ่งสารเหล่านี้จะทำงานร่วมกันเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น ป้องกันการสูญเสียน้ำ ป้องกันสิ่งสกปรก รวมถึงควบคุมการอักเสบ  ช่วยลดการอักเสบของผิว

 

Skin Barrier สำคัญอย่างไร

Skin Barrier มีความสำคัญเนื่องจากสามารถแก้ปัญหาผิวได้ ดังนี้

  • ปกป้องผิวจากสิ่งแปลกปลอม: Skin Barrier ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันชั้นแรก ช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรก เชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ผิวหนัง ทำให้ผิวไม่เกิดการอักเสบหรือติดเชื้อ
  • กักเก็บความชุ่มชื้น: Skin Barrier ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ภายในผิว ทำให้ผิวไม่แห้งกร้าน ดูผิวอิ่มน้ำ และมีสุขภาพดี
  • ควบคุมการสูญเสียน้ำ: ป้องกันไม่ให้ผิวสูญเสียน้ำมากเกินไป ช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นอยู่เสมอ
  • ปกป้องผิวจากรังสี UV: Skin Barrier ช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากรังสี UV ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยก่อนวัยและมะเร็งผิวหนัง
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของผิว: Skin Barrier ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและต่อสู้กับการติดเชื้อได้ดีขึ้น

 

อาการชั้นปราการผิวอ่อนแอ เป็นอย่างไร

หากมีชั้นปราการผิวที่แข็งแรง ผิวจะดูอิ่มน้ำ ไม่แห้งกร้าน เรียบลื่น ไม่ขรุขระ และลดการเกิดการระคายผิว ในทางกลับกัน หากชั้นปราการผิวอ่อนแอ จะส่งผลเสียต่อผิวในลักษณะต่างๆ ดังนี้

  • ผิวแพ้ง่าย: ผิวระคายง่าย จากสารเคมี สิ่งสกปรก และสภาพแวดล้อม
  • เกิดสิว: สิ่งสกปรกและแบคทีเรียเข้าสู่ผิวได้ง่าย ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน
  • ผิวหมองคล้ำ: การสูญเสียความชุ่มชื้นและการถูกทำลายจากรังสี UV ทำให้ผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส
  • เกิดริ้วรอย: ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย
  • ผิวอักเสบ: ผิวเกิดการอักเสบ แดง และคัน

เมื่อชั้นปราการผิวอ่อนแอลง ผิวก็จะสูญเสียความชุ่มชื้นและเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาผิวต่างๆ มากขึ้น โดยสาเหตุที่ทำให้ชั้นปราการผิวอ่อนแอนั้นมีทั้งปัจจัยภายในร่างกาย ปัจจัยภายนอก และพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราเอง ดังนี้

  • ปัจจัยภายในที่ทำให้ชั้นปราการผิวอ่อนแอ ได้แก่ พันธุกรรม ความเครียดเรื้อรัง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน อาทิ ในช่วงวัยรุ่น หรือช่วงมีประจำเดือน สามารถส่งผลต่อสภาพผิวและชั้นปราการผิวได้
     
  • ปัจจัยภายนอกที่ทำให้ชั้นปราการผิวอ่อนแอ รังสียูวีจากแสงแดด มลภาวะ สารก่อภูมิแพ้ เช่น เกสร ฝุ่น ไรฝุ่น และสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ เป็นต้น สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้และทำลายชั้นปราการผิวได้
     
  • ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ชั้นปราการผิวอ่อนแอ เช่น อากาศร้อนจัด เย็นจัด หรือความชื้นที่เปลี่ยนแปลงบ่อย เป็นต้น
     
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ทำให้ชั้นปราการผิวอ่อนแอ เช่น การโกนหรือกำจัดขนด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่รุนแรง การผลัดเซลล์ผิวบ่อยเกินไป การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว เป็นต้น

เมื่อรู้สาเหตุที่ทำให้ชั้นปราการผิวอ่อนแอ และผลเสียที่จะตามมาแล้ว เรามาดูวิธีการเสริมเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) เพื่อสร้างชั้นปราการผิวแข็งแรง ให้ผิวสวยกันเลยดีกว่า
 

ใช้ครีมที่มีส่วนผสมของเซราไมด์

เซราไมด์ เป็นไขมันชนิดหนึ่งที่พบในชั้นปราการผิวตามธรรมชาติ มีหน้าที่หลักในการกักเก็บความชื้น และเสริมสร้างชั้นปราการผิวให้แข็งแรง การใช้ครีมที่มีส่วนผสมของเซราไมด์จึงช่วยเสริมสร้างชั้นปราการผิวให้แข็งแรงขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ระบุว่ามีส่วนผสมของเซราไมด์ (Ceramide) ทาบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหลังอาบน้ำ
 

ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เสริมเกราะป้องกันผิวทุกวัน

ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เสริมเกราะป้องกันผิวทุกวัน เพราะจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวอิ่มน้ำ ลดการสูญเสียน้ำ และลดการระคายผิว ดังนั้น การใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยเสริมสร้างชั้นปราการผิวให้แข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ ควรเลือกใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง ทาอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน
 

หลีกเลี่ยงการออกแดดโดยตรง

แสงแดดเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำลายชั้นปราการผิว จึงควรหลีกเลี่ยงการออกแดดโดยตรง เพราะจะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ที่เป็นอันตรายได้ หากจำเป็นต้องตากแดดเป็นเวลานาน ควรสวมหมวก กางร่ม หรือสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกายเมื่อต้องออกไปกลางแจ้ง และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงก่อนออกแดดอย่างน้อย 15 นาที
 

อ่อนโยนกับการดูแลผิว

การดูแลผิวที่รุนแรงเกินไป เช่น การขัดผิวแรงๆ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือการทำความสะอาดผิวบ่อยเกินไป จะทำให้ชั้นปราการผิวเสียหาย  จึ้งต้องเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยน หลีกเลี่ยงการขัดผิวแรงๆ และไม่ควรล้างหน้าบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น และระคายผิวง่ายนั่นเอง
 

งดสูบบุหรี่

การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ชั้นปราการผิวอ่อนแอลง ทำให้ผิวแก่ก่อนวัยและเกิดริ้วรอย ดังนั้น ควรเลิกสูบบุหรี่ หรือลดปริมาณการสูบบุหรี่ลง เพราะการเลิกสูบบุหรี่จะช่วยให้ผิวได้รับออกซิเจนและสารอาหารอย่างเพียงพอ ทำให้ผิวสุขภาพดีและชั้นปราการผิวแข็งแรงขึ้น
 

ข้อดีของการเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง

การเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว หรือการดูแลชั้นปราการผิวให้แข็งแรงนั้นมีประโยชน์มากมาย ดังนี้

  • ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ: การเสริมเกราะป้องกันผิวจะช่วยกักเก็บความชื้นภายในผิวได้ดีขึ้น ผ่านการเสริมสร้างสาร NMF เช่น เซราไมด์และยูเรีย ซึ่งจะดึงดูดน้ำจากอากาศและชั้นผิวลึกลงมา ทำให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ไม่แห้งกร้าน เป็นต้น
     
  • ผิวแข็งแรง ไม่แพ้ง่าย: การเสริมสร้างเซราไมด์และกรดไฮยาลูรอนิค จะช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้น ลดการระคายผิว และทำให้ผิวทนทานต่อสิ่งกระตุ้นภายนอกมากขึ้น
     
  • สีผิวสม่ำเสมอ: เกราะป้องกันผิวที่แข็งแรงจะช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีและมลภาวะ ทำให้ผิวไม่หมองคล้ำ ไม่เป็นจุดด่างดำ และมีสีผิวที่สม่ำเสมอ
     
  • ผิวเรียบเนียน: เมื่อผิวชุ่มชื้นและแข็งแรง ผิวก็จะเรียบเนียน ดูสุขภาพดี ไม่แห้งกร้าน หรือขรุขระ
     
  • ชะลอการเกิดริ้วรอย: เมื่อผิวแข็งแรงขึ้น จะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ได้
     
  • เพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว: เมื่อเกราะป้องกันผิวแข็งแรง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากสารบำรุงจะซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น
     

สรุป

การดูแลและเสริมสร้างชั้นปราการผิวหรือ Skin Barrier เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นด่านแรกในการปกป้องผิวของเราจากสิ่งแวดล้อมภายนอก ทั้งนี้ การใส่ใจดูแลชั้นปราการผิวอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม การหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำลายผิว และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต จะช่วยให้ผิวของคุณแข็งแรง ชุ่มชื้น และมีสุขภาพดีในระยะยาว ดังนั้น แนะนำให้เริ่มต้นดูแล Skin Barrier ของคุณตั้งแต่วันนี้ เพื่อผิวสวยสุขภาพดีในระยะยาว