วิธีการดูแลผิว
4 วิธี ทาครีมบำรุงผิวหน้าให้ผิวสวยทั้งวันไม่ไวต่อมลภาวะ
การทาครีมบำรุงผิวหน้าเพื่อผิวสวย และแข็งแรงไม่แพ้ง่ายต้องทำอย่างไร หากมีผิวแพ้ง่าย ผิวหน้าแห้งขาดน้ำ ทำให้เครื่องสำอางไม่ติดทนและระคายง่ายเมื่อต้องเผชิญกับมลภาวะ
วิธีการดูแลผิว
การทาครีมบำรุงผิวหน้าเพื่อผิวสวย และแข็งแรงไม่แพ้ง่ายต้องทำอย่างไร หากมีผิวแพ้ง่าย ผิวหน้าแห้งขาดน้ำ ทำให้เครื่องสำอางไม่ติดทนและระคายง่ายเมื่อต้องเผชิญกับมลภาวะ
การทาครีมบำรุงผิวหน้า ถือเป็นการเติมความชุ่มชื้นที่จำเป็นสำหรับผิวทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวผสม เพราะผิวแพ้ง่าย แห้งและขาดน้ำนั้นมีสาเหตุหนึ่งมากจากเกิดจาก สภาพอากาศ มลภาวะระหว่างวัน ดังนั้นหากใครที่อยากผิวสวย ชุ่มชื้น และไม่ไวต่อมลภาวะ มาดูกันว่า การบำรุงผิวแพ้ง่าย หน้าแห้งขาดน้ำ และวิธีทาครีมบำรุงผิวหน้าให้ผิวสวยทั้งวันไม่ไวต่อมลภาวะต้องทำอย่างไรบ้าง
ผิวแพ้ง่าย หน้าแห้งขาดน้ำ เป็นสภาวะผิวที่อ่อนแอจากการขาดความชุ่มชื้นหรือผิวมีน้ำในผิวปริมาณน้อย ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้เมื่อผิวมีความอ่อนแอ การดื่มน้ำน้อย การบำรุงผิวหรือเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวไม่เพียงพอ รวมถึงมลภาวะภายนอกอย่าง ฝุ่น ควัน สภาพอากาศ แสงแดดและรังสี UV ที่ส่งผลให้ผิวสูญเสียความสมดุล ทำให้ผิวหน้าแห้งและแพ้ง่าย เช่น ผิวแพ้อากาศ ผิวแพ้แดด ผิวแพ้ง่าย เป็นสิว เห็นริ้วรอยชัด แต่งหน้าไม่ติดทน รวมไปถึงยังส่งผลให้ผิวมันในบริเวณ T-Zone จากการที่ผิวขาดน้ำทำให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมาเคลือบผิวมากขึ้นและมีโอกาสเกิดสิวขึ้นได้ง่ายอีกด้วย
การบำรุงผิวหน้าสำหรับคนที่มีปัญหาผิวแพ้ง่ายจากการที่หน้าแห้งและผิวขาดน้ำ ที่นอกจากจะทำให้ผิวระคายง่าย ดูหมองคล้ำ ไม่ชุ่มชื้นแล้ว ยังส่งผลให้ผิวหน้าแห้งจนแต่งหน้าไม่ติดทนและยังส่งผลให้ผิวอ่อนแอลงจนเกิดอาการผิวแพ้อากาศ และผิวแพ้แดดได้ง่ายอีกด้วย ดังนั้นการบำรุงผิวแพ้ง่ายที่มีสาเหตุมาจากการขาดความชุ่มชื้นจึงควรเลือกครีมบำรุงผิวหน้าที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวโดยไม่ทิ้งคราบมันเอาไว้ โดยมีส่วนผสมของสารที่สามารถช่วยดูดซับน้ำและความชื้นจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราให้กับผิว เช่น กลีเซอรีน กรดไฮยาลูรอนิค โซเดียม เป็นต้น จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวและทำให้ผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัสมากยิ่งขึ้น
สำหรับผิวแพ้ง่าย แห้งขาดน้ำ ที่มักไวต่อสิ่งกระตุ้นและสภาวะแวดล้อม ก่อนขึ้นตอนการแต่งหน้าควรใช้ครีมบำรุงผิวหน้าเนื้อครีมที่มีความเข้มข้นสูงแต่เนื้อเกลี่ยง่าย ซึมลงสู่ผิวได้ดี ไม่มีสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายผิว เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม สารกันเสีย หรืออาจเลือกใช้ครีมทาหน้าที่มีส่วนผสมจากสารสกัดธรรมชาติเป็นหลัก เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายหรือการแพ้ที่เกิดจากสารเคมีบางชนิดได้
การที่ผิวแพ้ง่าย ผิวแห้งขาดน้ำ ส่งผลให้ปราการผิวอ่อนแอลง ผิวแดง ระคายได้ง่าย จึงควรเลือกใช้ครีมบำรุงผิวหน้าที่มีความอ่อนโยน สามารถเติมความชุ่มชื้นพร้อมปลอบประโลมผิวที่ระคายให้รู้สึกสบายมากขึ้น และเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้นอย่าง Bioderma Sensibio Defensive
ครีมทาหน้า Bioderma Sensibio Defensive สำหรับผิวแพ้ง่าย พร้อมปกป้องผิวจากมลภาวะและสิ่งกระตุ้น เนื้อครีมซึมลงสู่ผิวได้ง่าย ไม่อุดตัน ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและสามารถเสริมปราการผิวได้ด้วยเตตระเปปไทด์-10 ที่ได้รับการพิสูจน์จากวิจัยแล้วว่าช่วยเสริมปราการผิวแข็งแรงมากขึ้นถึง 46% หลังใช้ติดต่อกันเป็นเวลา 28 วัน* และช่วยปกป้องผิวจากสิ่งกระตุ้นภายนอกได้ด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนท์ประสิทธิภาพสูง ทั้งคาร์โนซีนและวิตามินอี สามารถป้องกันผิวจากแสงแดด มลภาวะ และสารเคมีได้สูงถึง 75% ช่วยปลอบประโลมผิวแพ้ง่ายให้เกิดความผ่อนคลาย ผิวสบายได้ด้วยเรดเสจโพลีฟีนอล ลดปัญหาผิวระคายที่สาเหตุ และรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มน้ำยาวนานถึง 12 ชั่วโมง
* Clinical study,biomarker analysis on 10 subject,for 28 days
** in vitro test on Defensive Technology
การทาครีมบำรุงผิวหน้าหรือครีมทาหน้าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นควรทาทั้งตอนเช้าและตอนเย็นหลังล้างหน้า ซึ่งการทาครีมบำรุงผิวหน้าในตอนเช้าจะช่วยให้ผิวหน้ามีความชุ่มชื้น เมคอัพเกาะติดกับผิวหน้าได้ดีและช่วยให้ผิวหน้าดูฉ่ำวาวอิ่มน้ำในระหว่างวัน ส่วนการทาครีมบำรุงผิวหน้าในตอนเย็นหรือก่อนนอนจะช่วยปลอบประโลมผิวหลังจากที่ต้องเผชิญมลภาวะและแสงแดดมาตลอดวันให้รู้สึกสบายมากขึ้น รวมถึงช่วยฟื้นบำรุงผิวแพ้ง่ายให้ชุ่มชื้นและแข็งแรงมากยิ่งขึ้นในช่วงที่เรานอนหลับ โดยวิธีทาครีมบำรุงผิวหน้าให้ได้ประสิทธิภาพสามารถทำตามง่าย ๆ ดังนี้
1. บีบเนื้อครีมในปริมาณพอเหมาะ
วิธีทาครีมบำรุงผิวหน้าให้ผิวสวยจะต้องลงเนื้อครีมในปริมาณที่พอดี ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป เพราะหากทาครีมมากเกินไปอาจทำให้ผิวมันมากยิ่งขึ้น โดยเนื้อครีมบำรุงผิวหน้าประมาณ 1 ข้อนิ้วมือจะถือว่าเพียงพอและเหมาะสมต่อผิวหน้ามากที่สุด
2. วอร์มครีมบำรุงผิวหน้าก่อนทา
อุณหภูมิของครีมบำรุงผิวที่เหมาะสมและสามารถซึมลงสู่ผิวได้ดีนั้นจะต้องมีความอุ่นเล็กน้อย เพื่อให้โมเลกุลแทรกซึมลงสู่ผิวได้ง่ายและไม่ทิ้งคราบขาวไว้บนผิว จึงควรวอร์มเนื้อครีมด้วยการบีบเนื้อครีมและถูวนกับนิ้วหรือฝ่ามือก่อนทาลงบนใบหน้า
3. แต้มครีมบำรุงผิวหน้า 5 จุดสำคัญ
จุดสำคัญบนใบหน้าที่ควรเน้น ได้แก่ หน้าผาก จมูก แก้มทั้ง 2 ข้าง และคาง โดยแต้มครีมบำรุงผิวหน้าในปริมาณที่มากกว่าจุดอื่นเล็กน้อยและค่อย ๆ เกลี่ยเนื้อครีมออกไปให้ทั่วผิวหน้า เพราะบริเวณ 5 จุดนี้เป็นบริเวณที่มีพื้นที่บนผิวหน้ามากที่สุด ต้องเผชิญกับมลภาวะและมักพบปัญหาผิวแพ้ง่ายและผิวแห้งได้ง่ายกว่าผิวบริเวณอื่น
4. ทาครีมบำรุงผิวหน้าเป็นลำดับสุดท้าย
เนื่องจากครีมบำรุงผิวหน้าเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีเนื้อหนักกว่าสกินแคร์บำรุงประเภทอื่น เช่น เอสเซ้นส์หรือเซรั่มบำรุงผิว โดยครีมบำรุงผิวหน้าจะช่วยเคลือบผิวให้มีความชุ่มชื้นได้ยาวนานขึ้นจึงต้องทาเป็นลำดับสุดท้ายหลังจากที่บำรุงสกินแคร์ตัวอื่นแล้ว โดยในตอนเช้าเมื่อทาครีมบำรุงแล้วรอให้ครีมลงสู่ผิวประมาณ 1-2 นาที จึงตามด้วยครีมกันแดดและเครื่องสำอาง จะช่วยให้ผิวสวยฉ่ำเงาตลอดทั้งวัน ส่วนในตอนกลางคืนให้ทาครีมบำรุงผิวหน้าเป็นขั้นตอนสุดท้ายเช่นเดียวกัน
การทาครีมบำรุงผิวหน้าด้วยวิธีข้างต้น นอกจากจะช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นและฟื้นบำรุงผิวแพ้ง่ายที่แห้งกร้านให้เนียนนุ่มยิ่งขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ผิวหน้ามีความแข็งแรงพร้อมเผชิญมลภาวะระหว่างวันรวมถึงช่วยให้เครื่องสำอางติดบนผิวได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ผิวดูสวยอิ่มน้ำตลอดทั้งวัน หากใครที่มักเครื่องสำอางหลุด ผิวแห้งขาดน้ำและหมองคล้ำระหว่างวัน แนะนำให้ลองทาครีมบำรุงผิวหน้าตามวิธีที่แนะนำ รับรองว่าจะทำให้ผิวสวยมากยิ่งขึ้นกว่าที่เคย!