เคล็ดลับฟื้นบำรุงผิวหลังเผชิญมลภาวะ ด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์

มอยเจอร์ไรเซอร์ (Moisturizor) เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน เนื่องจากมลภาวะ (Pollution) ที่มีอยู่ในสภาพแวดล้อมนั้นสามารถสร้างผลกระทบต่อสุขภาพและผิวหนังของของเราได้หลายระดับ โดยเฉพาะผิวหนังที่เป็นเกราะป้องกันผิวชั้นนอกของร่างกายที่มีโอกาสสัมผัสกับมลภาวะได้มากที่สุด เมื่อผิวต้องเผชิญกับมลภาวะ ไม่ว่าจะเป็น มลภาวะอากาศ (Air Pollution), มลภาวะน้ำ (Water Pollution), มลภาวะดิน (Soil Pollution), รวมถึงแสงแดดและรังสี UV จึงก่อให้เกิดผิวแพ้ง่ายและปัญหาผิวตามมาได้อีกหลายประการ

ปัญหาผิวที่มีสาเหตุมาจากมลภาวะ

ปัญหาผิวที่เกิดจากมลภาวะจะมีลักษณะและอาการแตกต่างกันไปตามประเภทของมลภาวะและความรุนแรงของการสัมผัส ซึ่งปัญหาหลัก คือ ผิวแพ้ง่ายมากขึ้น เนื่องจากมลภาวะอย่างฝุ่น pm 2.5 และแสงแดด ส่งผลให้ปราการผิวอ่อนแอลง โครงสร้างของชั้นผิวถูกทำลาย จึงทำให้ผิวมีความสามารถในการต้านสารอนุมูลอิสระได้น้อยลงและทำให้มลภาวะายนอกเข้ามาทำลายชั้นผิวได้ง่ายมากขึ้น จึงทำให้ผิวแพ้ง่าย ระคาย และไวต่อสิ่งกระตุ้นให้เกิดการแพ้ได้ง่ายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นมลภาวะยังก่อให้เกิดปัญหาผิวต่างๆ ตามมา เช่น  

• ผิวแห้งกร้าน ผิวขาดน้ำ จากการเผชิญกับฝุ่น pm 2.5 หรือแสงแดดเป็นเวลานาน หากไม่บำรุงด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์และไม่ปกป้องผิวจากแสงแดด จะส่งผลให้ผิวแห้ง ขาดน้ำได้ในที่สุด
• ริ้วรอย จากมลภาวะอากาศ แสงแดดและมลพิษที่ปะปนอยู่ในอากาศส่งผลให้ผิวแพ้ง่ายและแห้งกร้าน จึงก่อให้เกิดริ้วรอยบนบนใบหน้า ริ้วรอยใต้ตา ริ้วรอยบนหน้าผาก และริ้วรอยร่องเล็กต่างๆ ก่อนวัยอันควร 

อ่านต่อ : แชร์เคล็ดลับ ชะลอริ้วรอย สัญญาณแห่งวัยสาเหตุจากมลภาวะ

• ผิวแพ้ง่าย เป็นสิว เมื่อผิวแพ้ง่ายจากมลภาวะอาจทำให้ผิวแห้งขาดน้ำและส่งผลให้ผิวต้องผลิตน้ำมันออกมากเคลือบผิวมากขึ้น ทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตันและทำให้เกิดสิวได้ หรือการล้างหน้าไม่สะอาดอาจทำให้ฝุ่นละอองและมลภาวะเข้าไปอุดตันในรูขุมขนและเกิดสิวตามมาได้ 
• ผิวแพ้ง่าย ผิวแดงและระคายง่าย เมื่อปราการผิวอ่อนแอลงจึงส่งผลให้ผิวแดงและรู้สึกระคายได้ง่าย จึงอาจทำให้เกิดรอยเกา รอยแดง หากรุนแรงอาจทำให้ผิวแห้งลอกและแสบผิวได้

ดังนั้น เมื่อผิวต้องเผชิญมลภาวะอยู่เป็นประจำแม้แต่ในชีวิตประจำวันของเรา จึงจำเป็นต้องหมั่นเติมความชุ่มชื้นให้กับอยู่เสมอ เพื่อให้ผิวมีความยืดหยุ่น แข็งแรง และไม่ไวต่อสิ่งกระตุ้นมากจนเกินไป รวมถึงยังเป็นการปลอบประโลมผิวที่ระคายให้รู้สึกสบายมากขึ้นหลังเผชิญมลภาวะ

ทำไมต้องทามอยเจอร์ไรเซอร์ (Moisturizor)

แม้ว่าโดยปกติแล้วผิวของเราสามารถผลิตมอยเจอร์ไรเซอร์ (Moisturizor) ได้เอง แต่ด้วยมลภาวะและอายุที่เพิ่มมากขึ้นอาจทำให้ผิวสูญเสียมอยเจอร์ไรเซอร์ธรรมชาติออกไป จึงจำเป็นต้องมีการเติมมอยเจอร์ไรเซอร์ให้ผิวด้วยการทาสกินแคร์หรือครีมบำรุงผิวเพื่อทดแทนความชุ่มชื้นในผิวที่เสียไปและช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิวได้นานขึ้น โดยมอยเจอร์ไรเซอร์ทาผิวมีให้เลือกหลายประเภท ได้แก่

• มอยเจอร์ไรเซอร์เนื้ออิมัลชัน เหมาะสำหรับผิวผสม
• มอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อเจล เหมาะสำหรับผิวมัน เป็นสิวง่าย 
• มอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อเซรั่ม เหมาะสำหรับผิวทุกประเภทที่ต้องการการบำรุงล้ำลึก
• มอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อโลชั่น เหมาะสำหรับผิวผสม ผิวธรรมดา และผิวแห้ง
• มอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อครีม เหมาะสำหรับผิวแห้งมาก ผิวแพ้ง่ายที่ต้องการความชุ่มชื้นมากกว่าปกติ

ดังนั้นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ดีจึงควรมีคุณสมบัติที่สามารถซึมลงสู่ผิวได้ดี เคลือบผิวได้นานและไม่ทิ้งความมันตกค้างไว้บนผิวที่อาจทำให้ผิวแพ้ง่าย เป็นสิวได้ โดยการทำงานของมอยเจอร์ไรเซอร์ คือ การเคลือบผิวเพื่อลดการสูญเสียน้ำของผิว ฟื้นบำรุงให้ผิวนุ่ม เติมความชุ่มชื้นให้ผิวแห้งมีความชุ่มชื้นและชะลอการเกิดริ้วรอยจากมลภาวะ รวมถึงฟื้นบำรุงให้ผิวดูแข็งแรง ไม่แพ้ง่าย และต้านมลภาวะได้ดีขึ้นนั่นเอง 

อ่านต่อ : มอยเจอร์ไรเซอร์คืออะไร ตัวช่วยบำรุงผิวที่คนเป็นสิวก็ใช้ได้

เคล็ดลับการฟื้นบำรุงผิวแพ้ง่ายด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์

ผิวแพ้ง่าย ระคาย ที่มีสาเหตุมาจากมลภาวะและแสงแดด ซึ่งส่งผลให้ผิวมีความไวต่อสิ่งกระตุ้น ผิวแห้งกร้าน ตลอดจนเกิดสิวขึ้นตามใบหน้า จึงควรทามอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อฟื้นบำรุงผิวให้มีความแข็งแรงมากขึ้น มีความชุ่มชื้น และปลอบประโลมผิวแพ้ง่ายที่ระคายให้รู้สึกสบายมากขึ้นด้วยวิธีดังต่อไปนี้

1. ทามอยเจอร์ไรเซอร์ก่อนทาครีมกันเเดด 

สำหรับคนที่ผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย ก่อนทาครีมกันแดดหรือแต่งหน้าในตอนเช้าควรเตรรียมผิวหน้าให้ชุ่มชื้น เพื่อให้ผิวมีความอิ่มน้ำและพร้อมเผชิญกับมลภาวะและแสงแดดมากขึ้น รวมถึงการมอยเจอร์ไรเซอร์ก่อนแต่งหน้ายังช่วยให้เครื่องสำอางเกาะผิวได้ดี แต่ควรเลือกใช้เมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับผิว เพื่อป้องกันผิวหน้ามันเยิ้มระหว่างวันจนอาจก่อให้เกิดผิวมัน ผิวแพ้ง่าย เป็นสิวได้ 

2. ทามอยเจอร์ไรเซอร์หลังล้างหน้า

เมื่อผิวเผชิญกับกับมลภาวะและสิ่งสกปรกที่ตกค้างในรูขุมขนซึ่งเป็นอีกตัวการหลักที่ทำให้ผิวแห้ง่าย เป็นสิว จึงจำเป็นต้องล้างหน้าให้สะอาดด้วยคลีนซิ่งเป็นอันดับแรกและตามด้วยคลีนเซอร์ จากนั้นให้ทาสกินแคร์บำรุงที่มีเนื้อบางเบา เช่น น้ำตบ เซรั่ม เป็นต้น จากนั้นจึงทามอยเจอร์ไรเซอร์ปิดท้ายเพื่อเติมความชุ่มชื้นและล็อกความชุ่มชื้นไว้ในผิวให้นานมากยิ่งขึ้น 

3. เลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ปราศจากสารกระตุ้นผิวแพ้ง่าย

เนื่องจากส่วนผสมบางประเภทอาจกระตุ้นให้ผิวแพ้ง่ายและระคายได้มากขึ้น เช่น น้ำหอม พาราเบน แอลกอฮอล์ ฯลฯ สำหรับคนผิวแพ้ง่ายจึงแนะนำให้เลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ปราศจากสารเหล่านี้เพื่อป้องกันผิวแพ้ง่ายและระคาย

4. เลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่อ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย

เมื่อปราการผิวอ่อนแอลงหลังจากต้องเผชิญกับมลภาวะเป็นประจำ ทำให้ผิวมีความอ่อนแอ ผิวแดง ระคายได้ง่าย จึงควรเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีความอ่อนโยนและปลอบประโลมผิวที่ระคายให้รู้สึกสบายมากขึ้น เช่น มอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อครีมหรือเนื้อบาล์มที่มีคุณสมบัติในการเคลือบผิวได้ดีอย่าง Bioderma Sensibio Defensive

มอยเจอร์ไรเซอร์บำรุงผิว Bioderma Sensibio Defensive สำหรับผิวแพ้ง่าย ที่มีคุณสมบัติปกป้องผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่าย พร้อมปกป้องต้านทานผิวจากมลภาวะและสิ่งกระตุ้น ผิวชุ่มชื้น ซึมง่าย ไม่อุดตัน สามารถเสริมปราการผิวได้ด้วยเตตระเปปไทด์-10 ได้รับการพิสูจน์จากวิจัยแล้วว่าเสริมปราการผิวแข็งแรงมากขึ้นถึง 46% หลังการใช้งานติดต่อกันเป็นเวลา 28 วัน* และช่วยปกป้องผิวจากสิ่งกระตุ้นภายนอกได้ด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนท์ประสิทธิภาพสูงทั้งคาร์โนซีนและวิตามินอี สามารถป้องกันผิวจากแสงแดด มลภาวะ และสารเคมีได้สูงถึง 75% ** ช่วยปลอบประโลมผิวแพ้ง่ายให้เกิดความผ่อนคลาย ผิวสบายได้ด้วยเรดเสจโพลีฟีนอล ลดปัญหาผิวระคายที่สาเหตุ รักษาความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มน้ำยาวนาน 12 ชั่วโมง

* Clinical study,biomarker analysis on 10 subject,for 28 days

** in vitro test on Defensive Technology

หากใครที่ผิวแพ้ง่ายและต้องเผชิญกับมลภาวะเป็นประจำ ควรบำรุงผิวด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอร่วมกับการทาเซรั่มที่ช่วยบำรุงผิวแพ้ง่ายให้แข็งแรงได้อย่างล้ำลึกมายิ่งขึ้น อย่าง Sensibio Defensive Serum และการทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดทุกวันแม้ในวันที่ไม่ได้ออกไปข้างนอกก็ตาม นอกจากจะช่วยให้ผิวมีความแข็งแรงและชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ผิวไม่แห้งกร้านและดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้นอีกด้วย