Key Takeaway

  • Argan Oil เป็นสารสกัดธรรมชาติที่อุดมไปด้วยสารบำรุงผิว เช่น วิตามินอี กรดไขมันจำเป็น และสาร Antioxidant เป็นต้น
  • ประโยชน์หลักของ Argan Oil สำหรับผิวแพ้ง่าย ได้แก่ การเพิ่มความชุ่มชื้น ปรับสมดุลความมัน ต้านการอักเสบ และปกป้องผิวจากมลภาวะ
  • การใช้ Argan Oil สามารถทำได้โดยตรงบนผิวหรือผสมกับครีมบำรุงผิว โดยเริ่มจากปริมาณน้อย และค่อยๆ เพิ่มขึ้น
  • ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้ เลือกผลิตภัณฑ์ที่บริสุทธิ์ และสังเกตปฏิกิริยาของผิวอย่างใกล้ชิด
     

 

เคยรู้สึกท้อใจกับปัญหาผิวแพ้ง่ายไหม? เชื่อว่าหลายคนคงเคยผ่านประสบการณ์นี้มาแล้ว แต่อย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะวันนี้มีทางออกดีๆ มาฝากกัน นั่นก็คือ Argan Oil หรือน้ำมันอาร์แกน พลังจากธรรมชาติที่ช่วยบำรุงผิวอย่างอ่อนโยน ผิวแพ้ง่ายก็แข็งแรงขึ้นได้!
 

Argan Oil เป็นสารสกัดธรรมชาติที่มีคุณสมบัติพิเศษในการดูแลผิวแพ้ง่าย บอบบาง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น พร้อมกับสร้างเกราะป้องกันให้ผิวแข็งแรง ทำให้ผิวที่เคยบอบบางกลายเป็นผิวที่แข็งแรง และสุขภาพดีได้ในที่สุด มาดูกันว่า Argan Oil มีดีอย่างไร ทำไมถึงเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับผิวแพ้ง่าย หาคำตอบได้ในบทความนี้
 

Argan Oil (อาร์แกนออย) คืออะไร

 

Argan Oil (อาร์แกนออย) คืออะไร

Argan Oil หรืออาร์แกนออย เป็นน้ำมันที่สกัดมาจากเมล็ดของต้นอาร์แกน (Argania Spinosa) ซึ่งเป็นต้นไม้ที่พบได้เฉพาะในภูมิภาคทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศโมร็อกโกเท่านั้น ต้นอาร์แกนเติบโตในสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้ง ทำให้น้ำมันที่สกัดได้มีคุณสมบัติพิเศษในการบำรุงและปกป้องผิว ซึ่งในน้ำมันอาร์แกนประกอบไปด้วยสารสำคัญหลายชนิด ได้แก่

  • กรดไขมันจำเป็น (Essential Fatty Acids) เช่น โอเมกา 6 และโอเมกา 9
  • วิตามินอี (Vitamin E) ในปริมาณสูง
  • โพลีฟีนอล (Polyphenols)
  • สควาเลน (Squalene)
  • สาร Antioxidants
  • แคโรทีนอยด์ (Carotenoids)

ด้วยส่วนผสมที่อุดมไปด้วยสารบำรุงเหล่านี้ ทำให้ Argan Oil กลายเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับการดูแลผิวแพ้ง่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 

6 ประโยชน์ที่คุณต้องรู้ของ Argan Oil
 

6 ประโยชน์ที่คุณต้องรู้ของ Argan Oil 

Argan Oil ได้รับความนิยมไปทั่วโลกไม่ใช่เพราะกระแสเท่านั้น แต่เป็นเพราะประโยชน์มากมายที่มีต่อผิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผิวที่บอบบาง และแพ้ง่าย มาดูกันว่า Argan Oil มีประโยชน์อะไรบ้าง
 

1. เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

Argan Oil อุดมไปด้วยวิตามินอีในปริมาณสูง ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และทำหน้าที่เป็นสาร Antioxidant ที่แข็งแกร่ง ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากความเสียหาย ในขณะที่กรดไขมันจำเป็นช่วยเสริมสร้างชั้นไขมันบนผิวหนัง ทำให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ผิวนุ่มนวล ชุ่มชื้น และมีสุขภาพดี
 

2. รักษาสมดุลความมันบนผิว

Argan Oil มีสรรพคุณในการควบคุมการผลิตน้ำมันบนผิว ด้วยส่วนประกอบของกรดไขมันจำเป็น ซึ่งเป็นกรดไขมันชนิดหนึ่งที่ช่วยควบคุมการทำงานของต่อมไขมัน และช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน อีกทั้งยังช่วยให้ผิวดูดซึมความชุ่มชื้นได้ดีขึ้นโดยไม่ทำให้ผิวมันเยิ้ม ทำให้ Argan Oil เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวมัน ผิวผสม หรือผิวแห้ง เพราะช่วยปรับสมดุลความมันบนผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ
 

3. ปกป้องผิวจากมลภาวะและแสงแดด

Argan Oil อุดมไปด้วยสาร Antioxidant หลายชนิด เช่น วิตามินอี โพลีฟีนอล และแคโรทีนอยด์ ซึ่งสารเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นโล่ป้องกันผิวจากอนุมูลอิสระที่เกิดจากมลภาวะ และรังสี UV

โดยสาร Antioxidant เหล่านี้ทำงานโดยการจับกับอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียร และช่วยทำลายเซลล์ผิว การใช้ Argan Oil เป็นประจำจะช่วยเสริมสร้างระบบป้องกันตามธรรมชาติของผิว ทำให้ผิวแข็งแรง และต้านทานต่อความเสียหายจากสิ่งแวดล้อมได้ดียิ่งขึ้น
 

4. มีส่วนช่วยลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย

Argan Oil มีสรรพคุณในการลดโอกาสการเกิดริ้วรอย และชะลอวัย ด้วยส่วนประกอบสำคัญอย่าง สควาเลน (Squalene) และกรดไขมันจำเป็น สารเหล่านี้ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินในผิวหนัง

โดยสควาเลนเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในผิวของเรา แต่จะลดลงเมื่อเราอายุมากขึ้น การเติม Argan Oil ให้กับผิวจึงเหมือนการเติมสควาเลนกลับคืนสู่ผิว ช่วยให้ผิวเต่งตึง ยืดหยุ่น และลดโอกาสการเกิดริ้วรอย  นอกจากนี้ กรดไขมันจำเป็นยังช่วยเสริมสร้างโครงสร้างผิว ทำให้ผิวแข็งแรง และลดโอกาสการเกิดความหย่อนคล้อยได้ดียิ่งขึ้น
 

5. มีส่วนช่วยในการลดผิวแตกลาย

Argan Oil มีสรรพคุณในการเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ด้วยส่วนประกอบของวิตามินอี และกรดไขมันจำเป็น ซึ่งช่วยในการซ่อมแซมฟื้นฟูผิวที่เสียหาย และช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ในขณะที่กรดไขมันจำเป็นช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับโครงสร้างผิว 

การใช้ Argan Oil เป็นประจำจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ลดโอกาสการเกิดผิวแตกลายใหม่ และช่วยให้ผิวแตกลายที่มีอยู่แล้วจางลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ในช่วงที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น ในช่วงตั้งครรภ์ หรือช่วงที่น้ำหนักขึ้นลงอย่างรวดเร็ว
 

6. ลดโอกาสการอักเสบของผิว

Argan Oil มีสรรพคุณในการต้านการอักเสบ ด้วยส่วนประกอบของโพลีฟีนอล และกรดไขมันจำเป็น ซึ่งช่วยลดการระคายผิว และการอักเสบของผิว

โพลีฟีนอลเป็นสาร Antioxidant ที่มีฤทธิ์ในการลดการอักเสบ ในขณะที่กรดไขมันจำเป็นช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ ทำให้ผิวแข็งแรง และต้านทานต่อสิ่งกระตุ้นภายนอกได้ดีขึ้น การใช้ Argan Oil เป็นประจำจึงช่วยลดอาการแดง คัน และการระคายผิว ทำให้ผิวที่บอบบางมีสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


วิธีใช้ Argan Oil ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี

วิธีใช้ Argan Oil ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี

การใช้ Argan Oil อย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผิวได้รับประโยชน์สูงสุดจากสารสกัดธรรมชาตินี้ มาดูกันว่าเราสามารถใช้ Argan Oil ในการดูแลผิวได้อย่างไรบ้าง
 

การทา Argan Oil บนใบหน้า 

การใช้ Argan Oil ทาหน้าเป็นประจำจะช่วยให้ผิวแข็งแรง มีสุขภาพดี และดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งวิธีการใช้ Argan Oil บนใบหน้าอย่างถูกต้องมีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

  1. ล้างหน้าให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง
  2. หยด Argan Oil 2-3 หยดลงบนฝ่ามือ
  3. ลูบมือเข้าด้วยกันเพื่อให้น้ำมันอุ่นขึ้นเล็กน้อย
  4. นวดน้ำมันลงบนใบหน้า และลำคอเบาๆ ด้วยการกดประคบ
  5. ทิ้งไว้ให้ซึมเข้าสู่ผิวประมาณ 5-10 นาที
  6. ซับส่วนเกินออกเบาๆ ด้วยกระดาษซับมัน (ถ้าจำเป็น)

 

การใช้เป็นส่วนผสมในครีมบำรุงผิว 

นอกจากการใช้ Argan Oil ทาหน้าโดยตรงแล้ว ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของครีมบำรุงผิวที่ใช้อยู่เป็นประจำได้ด้วยการผสม Argan Oil ลงไป วิธีการทำได้ง่ายๆ ดังนี้

  1. เทครีมบำรุงผิวที่คุณใช้เป็นประจำลงบนฝ่ามือ
  2. หยด Argan Oil 1-2 หยดลงไป
  3. ผสมให้เข้ากันด้วยปลายนิ้ว
  4. ทาส่วนผสมลงบนใบหน้า และลำคอเหมือนการทาครีมปกติ

การผสม Argan Oil ลงในครีมบำรุงผิวเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มความชุ่มชื้น และสารอาหารให้กับผิว โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย และต้องการการบำรุงเป็นพิเศษ
 

ข้อควรระวังในการใช้ Argan Oil สำหรับผิวแพ้ง่าย

ข้อควรระวังในการใช้ Argan Oil สำหรับผิวแพ้ง่าย 

แม้ว่า Argan Oil จะมาจากธรรมชาติที่มีประโยชน์มากมาย แต่สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ก็อาจมีผลข้างเคียงจากการใช้งานได้เช่นกัน เพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงเหล่านั้น ควรทำตามแนวทางก่อนการใช้งาน ดังนี้

  • ทดสอบการแพ้ก่อนใช้: ทาน้ำมันเล็กน้อยบริเวณข้อพับแขนด้านใน ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง หากไม่มีอาการแพ้ จึงค่อยใช้บนใบหน้า
  • เริ่มใช้ในปริมาณน้อย: เริ่มจากการใช้เพียง 1-2 หยดก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณตามความเหมาะสม
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่บริสุทธิ์: เลือกใช้ Argan Oil ที่ไม่ผสมสารเคมีหรือน้ำหอม เพื่อลดโอกาสการระคายผิว
  • สังเกตปฏิกิริยาของผิว: หากมีอาการคัน แดง หรือระคายผิว ให้หยุดใช้ทันที
  • ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง: หากมีโรคผิวหนังหรือแพ้ง่ายมาก ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้

การใช้ Argan Oil อย่างระมัดระวัง และเหมาะสมจะช่วยให้ผิวแพ้ง่ายได้รับประโยชน์สูงสุด โดยไม่เกิดอาการระคายผิว

 

สรุป

Argan Oil เป็นสารสกัดธรรมชาติที่มีประโยชน์มากมายสำหรับผิวแพ้ง่าย ด้วยคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้น ต้านการอักเสบ และเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวที่บอบบางกลายเป็นผิวที่แข็งแรง และมีสุขภาพดีได้ 

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติอย่าง Argan Oil เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เนื่องจากมีความอ่อนโยน และปลอดภัยกว่าผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารเคมี อย่างไรก็ตาม การใช้อย่างถูกวิธี และระมัดระวังเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจาก Argan Oil โดยไม่เกิดอาการแพ้หรือระคายผิว