วิธีการดูแลผิว
คลีนซิ่ง คืออะไร? และมีประโยชน์ต่อผิวอย่างไรบ้าง
ทำความรู้จักกับคลีนซิ่ง ตัวช่วยทำความสะอาดผิวหน้า ลดโอกาสในการเกิดสิว พร้อมแนะนำประเภทของคลีนซิ่ง และประโยชน์ของคลีนซิ่งที่มีดีกว่าที่ทุกคนคิด
วิธีการดูแลผิว
ทำความรู้จักกับคลีนซิ่ง ตัวช่วยทำความสะอาดผิวหน้า ลดโอกาสในการเกิดสิว พร้อมแนะนำประเภทของคลีนซิ่ง และประโยชน์ของคลีนซิ่งที่มีดีกว่าที่ทุกคนคิด
“คลีนซิ่ง” เป็นอีกผลิตภัณฑ์ที่มักจะอยู่ใน Skincare Routine ของใครหลาย ๆ คน เพราะเป็นตัวช่วยที่ทำให้เราสามารถทำความสะอาดผิวหน้าเราได้หมดจดมากยิ่งขึ้น แต่ว่าก็อาจจะยังมีหลาย ๆ คนที่ไม่รู้ว่าคลีนซิ่งคืออะไร และมีประโยชน์ต่อผิวอย่างไรบ้าง ดังนั้น ในบทความนี้ทาง Bioderma จึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับคลีนซิ่งกันมากขึ้น โดยคลีนซิ่งนั้นคืออะไร มีแบบไหนบ้าง และมีประโยชน์ต่อผิวอย่างไร ไปดูกันเลย!
คลีนซิ่ง (Cleansing) คือ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า โดยจะใช้สำหรับเช็ดครีมกันแดด เครื่องสำอาง ฝุ่น หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ติดอยู่บนผิวหน้าของเราออกไป และไม่สามารถล้างออกได้ด้วยน้ำเปล่า เจลล้างหน้า หรือโฟมล้างหน้าเพียงอย่างเดียว เพราะว่าครีมกันแดด หรือเครื่องสำอางบางชนิดอาจเป็นแบบกันน้ำ ถ้าหากไม่ใช้คลีนซิ่งทำความสะอาด และเกิดการตกค้าง ก็จะเพิ่มโอกาสในการเกิดสิว หรือปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมาได้ในอนาคต
ในปัจจุบันนั้นมีคลีนซิ่งให้เลือกหลากหลายรูปแบบ และเพื่อให้เราสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพผิวมากที่สุด เราจะไปทำความรู้จักกันว่าคลีนซิ่งมีกี่ประเภท โดยประเภทของคลีนซิ่งสามารถแบ่งออกได้ทั้งหมด 8 รูปแบบ ดังนี้
Cleansing แบบน้ำ หรือคลีนซิ่งวอเตอร์ เป็นคลีนซิ่งที่หลาย ๆ คนน่าจะคุ้นเคยมากที่สุด เพราะ Cleansing Micellar Water นั้นสามารถหาซื้อได้ง่าย และใช้งานง่าย เพียงแค่เทใส่สำลีก็สามารถนำมาเช็ดหน้าได้ทันที โดยคลีนซิ่งแบบนี้มีส่วนประกอบของน้ำ และน้ำมัน แต่มีความเป็นสารลดแรงตึงผิว จึงเห็นเป็นน้ำใสๆ ทำให้ไม่ทิ้งความมัน และความเหนียวไว้บนใบหน้า จึงเป็นคลีนซิ่งที่เหมาะกับสภาพผิวมัน และเป็นสิวง่ายเป็นอย่างมาก
Cleansing แบบน้ำนม จะมีเนื้อสัมผัสที่ข้นกว่าคลีนซิ่งแบบน้ำ และจะมีสีขาวเหมือนกับน้ำนม สามารถใช้งานได้ง่าย ๆ เพียงแค่เทลงบนฝ่ามือ และนำไปนวดให้ทั่วใบหน้าอย่างเบามือ จนครีมกันแดด หรือเครื่องสำอางออกจนหมด แล้วจึงล้างด้วยน้ำสะอาด หรือใช้สำลีเช็ด ซึ่งคลีนซิ่งแบบนี้จะช่วยบำรุงผิวไปในตัว แต่ว่าอาจจะทิ้งความเหนียวไว้เล็กน้อย จึงเหมาะกับผู้ที่มีสภาพผิวผสม ผิวแห้ง และผิวแพ้ง่าย
Cleasing แบบเจล เป็นคลีนซิ่งที่มีเนื้อสัมผัสเป็นเจลใส หรือบางยี่ห้ออาจจะเป็นแบบเจลขุ่น โดยคลีนซิ่งแบบเจลนั้นจะมีความอ่อนโยน บางเบา และใช้แล้วผิวไม่แห้งตึง แต่ด้วยความอ่อนโยนอาจจะต้องเสียเวลาในการล้างนานกว่าคลีนซิ่งแบบอื่น ๆ ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งผู้ที่มีสภาพผิวมัน ผิวผสม ผิวแห้ง และผิวแพ้ง่าย
Cleansing แบบออยล์ เป็นคลีนซิ่งที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กับคลีนซิ่งแบบน้ำ โดยคลีนซิ่งแบบนี้จะเป็นน้ำผสมกับน้ำมัน ทำให้ล้างเครื่องสำอาง ครีมกันแดด หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ออกได้ง่าย ถึงแม้จะเป็นเครื่องสำอางกันน้ำก็ออกได้อย่างง่ายดาย นอกจากนั้นยังใช้งานง่าย เพียงแค่เทลงบนฝ่ามือ และนวดให้ทั่วทั้งใบหน้า แล้วจึงล้างด้วยน้ำสะอาด แล้วตามด้วยเจลล้างหน้า หรือโฟมล้างหน้า เพื่อชะล้างสิ่งสกปรกที่อาจตกค้างอยู่บนผิว แถมยังเป็นคลีนซิ่งที่เหมาะกับทุกสภาพผิว ใครที่มีผิวมันก็สามารถใช้ได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะอุดตัน
Cleansing แบบครีม เป็นคลีนซิ่งที่มีเนื้อครีมคล้ายกับสกินแคร์บำรุง แต่ว่าจะมีความเข้มข้นกว่า โดยมีวิธีการใข้งานง่ายเช่นกัน เพียงแค่ปาดเนื้อครีม และนวดบนผิวหน้าให้ทั่ว แล้วจึงล้างด้วยน้ำสะอาด หรือเช็ดด้วยสำลี ก็จะได้ผิวที่สะอาด และชุ่มชื้น แต่ว่าคลีนซิ่งแบบนี้เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้ง หรือแห้งมาก และจะไม่เหมาะกับสภาพผิวมัน เพราะอาจจะทำให้ผิวมันมากกว่าเดิมได้
Cleansing แบบบาล์ม เป็นคลีนซิ่งที่มีเนื้อสัมผัสคล้ายกับเนื้อครีมแต่ว่าจะมีความเข้มข้น และหนืดมากกว่า โดยคลีนซิ่งแบบนี้เป็นที่นิยมเช่นกัน เพราะว่าสามารถทำความสะอาดได้หมดจดเหมือนกับคลีนซิ่งแบบออยล์ ใช้งานง่าย เพียงแค่ปาดเนื้อบาล์ม และนำมานวดวน ๆ ให้ทั่วใบหน้า หรือจะแตะน้ำเล็กน้อย เพื่อให้บาล์มเปลี่ยนเป็นน้ำนม หลังจากนั้นก็ด้วยล้างน้ำสะอาด แล้วตามด้วยเจลล้างหน้า หรือโฟมล้างหน้า เพื่อชะล้างสิ่งสกปรกที่อาจตกค้างอยู่บนผิว จึงทำให้เป็นคลีนซิ่งที่เหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ ผิวมัน ผิวผสม หรือผิวแพ้ง่าย ก็สามารถใช้ได้
Cleaning แบบแผ่น เป็นคลีนซิ่งแบบสำเร็จรูป พกพาได้ง่าย สะดวกต่อการใช้งาน เหมาะกับพกพาเวลาเดินทาง เพราะว่าคลีนซิ่งแบบแผ่นนั้นจะเป็นคล้ายแผ่นทิชชู่เปียก แต่จะชุ่มไปด้วยคลีนซิ่ง ทำให้สามารถใช้งานได้ง่าย เพียงแค่หยิบแผ่นคลีนซิ่งขึ้นมา แล้วเช็ดให้ทั่วใบหน้า แต่ว่าอาจจะต้องใช้หลายแผ่น และอาจจะไม่สะอาดเท่ากับคลีนซิ่งแบบอื่น ๆ และสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว
Cleansing สำหรับดวงตา และปาก หรือ Eye and Lip Make Up Remover เป็นคลีนซิ่งสำหรับผิวแพ้ง่ายที่ใช้สำหรับเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางในบริเวณดวงตา และปาก โดยเป็นคลีนซิ่งที่มีการแยกชั้นระหว่างน้ำ และน้ำมัน ทำให้สามารถทำความสะอาดในบริเวณที่บอบบางได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในบริเวณดวงตาที่ใช้เครื่องสำอางที่กันน้ำ เช่น มาสคาร่า ซึ่งจะทำให้เราไม่เสี่ยงต่อการเกิดริ้วรอยในขณะที่เช็ดทำความสะอาด และสามารถใช้ได้ในทุกสภาพผิวเช่นกัน
หลังจากทำความรู้จักกันไปแล้วว่าคลีนซิ่ง คืออะไร และมีแบบไหนบ้าง ต่อไปทาง Bioderma จะพาทุกคนไปดูว่าคลีนซิ่งมีประโยชน์อะไรบ้าง โดยประโยชน์ของการใช้คลีนซิ่ง มีดังนี้
สำหรับใครที่กำลังคิดว่าควรเลือกคลีนซิ่งแบบไหนดี เพื่อให้เหมาะสมกับผิวของเรามากที่สุด ทาง Bioderma จะมาแนะนำ 3 คลีนซิ่งที่เหมาะสมกับผิวแต่ละแบบ เพื่อช่วยถนอมผิว และสามารถตอบโจทย์ผิวของทุกคนได้อย่างตรงจุด ดังนี้
Bioderma Sensibio H2O เป็นคลีนซิ่ง ไมเซล่า วอเตอร์ ที่สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว แม้แต่ผิวแพ้ง่าย โดยมีโครงสร้างคล้ายคลึงกับผิว มีค่า pH 5.5 ใกล้เคียงกับผิว และมี DAFTM PATENTED COMPLEX สิทธิบัตรเฉพาะของไบโอเดอร์มา ที่ช่วยลดการระคาย และเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิว นอกจากนั้นยังปราศจากแอลกอฮอล์ น้ำหอม พาราเบน ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ทำให้มีความอ่อนโยน และไม่ทำลายปราการผิว พร้อมช่วยปกป้องสมดุลจุลินทรีย์บนผิว (Microbiome) และสามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึกมากถึง 99% (จากผลสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 10 คน โดยสถาบันวิจัยไบโอเดอร์มา ประเทศฝรั่งเศส ปี 2017) รวมถึงฝุ่น PM 2.5 หรือสิ่งสกปรกที่มีขนาดเล็กเพียงแค่ 1 ไมครอนเท่านั้น
Bioderma Sebium H2O เป็นคลีนซิ่ง ไมเซล่า วอเตอร์ ที่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ผิวมัน ผิวผสม และเป็นสิวง่าย เพราะสามารถช่วยทำความสะอาดได้ล้ำลึก ช่วยลดความมัน และลดโอกาสในการเกิดสิว ด้วย Copper Sulfate & Zinc Gluconate ที่ช่วยกำจัดความมันส่วนเกิน ช่วยควบคุมความมัน และลดการสะสมของแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุของปัญหาสิว แถมยังใช้แล้วผิวไม่แห้งตึง ช่วยลดผิวระคาย และเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิวด้วย มี DAFTM PATENTED COMPLEX ที่เป็นสิทธิบัตรเฉพาะของไบโอเดอร์มา
Bioderma Hydrabio H2O เป็นคลีนซิ่ง ไมเซล่า วอเตอร์ ที่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้ง หรือผิวแพ้ง่าย ขาดน้ำ ด้วยสารสกัดจากเมล็ดแอปเปิ้ลที่ และ Niacinamide สิทธิบัตร AQUAGENIUMTM ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้ผิว ลดการระเหยของน้ำออกจากผิว ลดผิวระคาย ช่วยให้ผิวกักเก็บน้ำได้มากขึ้้น คงความสมดุลของน้ำในผิว และเสริมความแข็งแรงให้ผิว สามารถทำความสะอาดได้ล้ำลึก มีโครงสร้างคล้ายคลึงกับผิว อ่อนโยน มั่นใจได้ว่าไม่ทำร้ายปราการผิวของคุณอย่างแน่นอน
หลังจากอ่านบทความนี้หลาย ๆ คนน่าจะรู้จักแล้วว่า คลีนซิ่ง คืออะไร? และมีแบบไหนบ้าง เพื่อที่จะได้เลือกใช้ให้เหมาะสมกับผิวของตัวเองมากที่สุด พร้อมกับรู้ถึงประโยชน์ของคลีนซิ่งว่าช่วยในเรื่องอะไรบ้าง เช่น ทำความสะอาดผิวได้ดีมากขึ้น ช่วยลดโอกาสในการเกิดสิว บำรุงผิวไปในตัว หรือช่วยเสริมความแข็งแรงของผิว เป็นต้น ทั้งนี้ ควรเลือกคลีนซิ่งสูตรที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ เช่น ไบโอเดอร์มา คลีนซิ่ง ไมเซล่า วอเตอร์ ทั้ง 3 สูตร ที่มีความแตกต่างกัน เพื่อให้ตอบโจทย์ผิวแต่ละรูปแบบมากที่สุด