คำแนะนำประจำวัน
ครีมกันแดดทาหน้า กันน้ำ กันเหงื่อ ไปทะเลใช้แบบไหนดี?
ครีมกันแดดทาหน้าไอเทมสำคัญสำหรับทริปทะเล ควรเลือกเนื้อครีมกันแดดแบบไหนให้เหมาะกับผิว กันน้ำ กันเหงื่อ และไม่ทำร้ายปะการัง
คำแนะนำประจำวัน
ครีมกันแดดทาหน้าไอเทมสำคัญสำหรับทริปทะเล ควรเลือกเนื้อครีมกันแดดแบบไหนให้เหมาะกับผิว กันน้ำ กันเหงื่อ และไม่ทำร้ายปะการัง
ไปทะเลทั้งทีต้องมีไอเทมสำคัญอย่าง “ครีมกันแดดทาหน้า” เพราะแน่นอนว่าแสงแดดที่ทะเลนั้นขึ้นชื่อเรื่องความร้อนแรง ซึ่งหากไม่ได้ทาครีมกันแดดหรือเลือกครีมกันแดดที่ไม่เหมาะกับผิวและกิจกรรมทางน้ำ สิ่งที่ตามมาคือ ผิวไหม้แดด ผิวคล้ำเสีย แห้งลอกเป็นขุย แถมยังทำให้หน้ามันเยิ้มระหว่างวันและครีมกันแดดอาจหลุดไปพร้อมกับน้ำทะเลได้ หากใครกำลังมีแพลนไปเที่ยวทะเลและทำกิจกรรมสนุก ๆ มาเตรียมตัวเลือกครีมกันแดดทาหน้าที่เหมาะกับการไปทะเลกันดีกว่า!
กันแดด (Sunscreen) คือ สารที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ในแสงแดด (Ultraviolet Radiation: UV) เพื่อให้ผิวไม่ถูกแสงแดดทำลายและลดโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนัง ซึ่งส่วนผสมที่อยู่ในครีมกันแดดจะช่วยปกป้องผิวด้วยคุณสมบัติที่ต่างกันออกไป เช่น การดูดซับแสงแดด สะท้อนรังสีจากแสงแดด เป็นต้น
การเลือกครีมกันแดดทาหน้าไปทะเลซึ่งเป็นสถานที่กลางแจ้งและมีแสงแดดจัด รวมถึงการทำกิจกรรมทางน้ำที่อาจทำให้ครีมกันแดดที่ทาไปหลุดออกไปได้ง่าย ทำให้ผิวของเราไม่ได้รับการปกป้องรังสี UV เท่าที่ควรจึงอาจทำให้ผิวไหม้แดด แสบร้อน ลอกเป็นขุย ตลอดจนเกิดความหมองคล้ำและจุดด่างดำเกิดขึ้นได้ ดังนั้นการเลือกครีมกันแดดทาหน้าสำหรับไปทะเลจึงจะต้องเลือกให้เหมาะสม โดยพิจารณาจากคุณสมบัติของครีมกันแดด ดังนี้
SPF (Sun Protection Factor) คือ ค่าประสิทธิภาพของครีมกันแดดในการป้องกันรังสี UVB ในแสงแดด ยิ่งมีค่า SPF มากเท่าใดจะหมายถึงระยะเวลาที่ผิวหนังที่สามารถทนแสงแดดมากขึ้นเท่านั้น โดยปัจจุบันค่า SPF ที่มีค่ามากที่สุดจะอยู่ที่ 50 แต่อย่างไรก็ตามกันแดดที่มีประสิทธิภาพสูงอาจมีส่วนผสมของสารออกฤทธิ์สำคัญที่ทำให้แพ้ได้ง่ายและอาจทำร้ายปะการังในทะเลได้ด้วย
PA (Protection Grade of UVA) คือ ค่าประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ยิ่งมีเครื่องหมายบวกมากจะหมายถึงการปกป้องผิวที่สูงขึ้น ซึ่งมีตั้งแต่
- PA+ สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA ได้ 2 เท่า เหมาะสำหรับกิจกรรมในร่ม เช่น ในอาคาร ตึก บ้าน หรือสถานที่ที่ไม่ต้องเผชิญกับแสงแดดโดยตรง
- PA++ สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA ได้ 4 เท่า เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งที่มีการเผชิญกับแสงแดดบ้างแต่ไม่รุนแรงนัก
- PA+++ สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA ได้ 8 เท่า เหมาะกิจกรรมกลางแจ้งหรือสถานที่ที่มีแสงแดดแรงจัด
- PA++++ สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA ได้ 10 เท่า เหมาะกิจกรรมกลางแจ้งหรือสถานที่ที่มีแสงแดดแรงจัดเป็นเวลานาน
ครีมกันแดดในปัจจุบันมีหลายประเภทให้เลือกใช้ โดยเนื้อครีมกันแดดจะมีความแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น กันแดดเนื้อครีม กันแดดเนื้อเจล กันแดดเนื้อน้ำนม กันแดดผสมรองพื้น กันแดดแบบแท่ง สเปรย์กันแดด เป็นต้น รวมไปถึงคุณสมบัติอื่น ๆ ของกันแดดด้วย จึงอาจจะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพผิวหรือตามวัตถุประสงค์ของผลิตภัณฑ์
เนื่องจากส่วนประกอบสารเคมีหลายชนิดที่พบมากในครีมกันแดดประเภทต่าง ๆ มีส่วนทำให้ปะการังเสื่อมโทรมลง ได้แก่
- Oxybenzone (Benzophenone-3, BP-3)
- Octinoxate (Ethylhexyl methoxycinnamate)
- 4-Methylbenzylidene Camphor (4MBC)
- Butylparaben
ซึ่งเป็นตัวการทำลายตัวอ่อนของปะการัง ขัดขวางระบบสืบพันธุ์ และทำให้ปะการังฟอกขาว ทำให้หลายอุทยานได้ประกาศห้ามนำครีมกันแดดที่มีสารเคมีเหล่านี้เข้าไปในอุทยาน ดังนั้นหากต้องพกครีมกันแดดทาหน้าไปทะเลจึงควรหลีกเลี่ยงครีมกันแดดที่มีสารเคมีเหล่านี้ด้วย
เมื่อไปทะเลและต้องเล่นกิจกรรมทางน้ำไม่ว่าจะเป็น การดำน้ำ เล่นเซิร์ฟ ล่องเรือ รวมไปถึงกิจกรรมต่าง ๆ บนชายหาดที่ทำให้เหงื่อออกมาก แน่นอนว่าเราไม่สามารถสวมใส่อุปกรณ์กันแดดจำนวนมากชิ้นได้โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าและลำคอ ซึ่งสิ่งที่สามารถปกป้องผิวจากรังสี UV ได้ดีที่สุดก็คือ “ครีมกันแดดทาหน้า”
ดังนั้นครีมกันแดดที่เหมาะสมจะต้องมีคุณสมบัติที่สามารถปกป้องแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยาวนาน ไม่ทำร้ายผิวและไม่มีสารเคมีที่ทำร้ายปะการังด้วย โดยสามารถเลือกได้ตามคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1. เลือกครีมกันแดด SPF 30-50
ครีมกันแดดทาหน้าสำหรับไปทะเลควรมีค่า SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป หรือทางที่ดีควรเป็นค่า SPF 50 และมีค่า PA+++ เป็นอย่างน้อย เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UV ในแสงแดดที่ยาวนานขึ้น ลดโอกาสการเกิดผิวไหม้แดด ปัญหาผิว และมะเร็งผิวหนังจากการถูกแดดเผา
2. เลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับผิว
เนื้อกันแดดแต่ละประเภทอาจมีความเหมาะสมกับสภาพผิวที่ต่างกันไป เช่น กันแดดเนื้อครีมเหมาะสำหรับคนผิวแห้ง กันแดดเนื้อเจลอาจเหมาะสำหรับคนผิวมัน กันแดดที่มีส่วนผสมของรองพื้นอาจเหมาะกับคนที่ต้องการปรับผิวให้เรียบเนียนตลอดวัน เป็นต้น ถึงแม้ว่ากันแดดมีคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมแต่ไม่เหมาะกับสภาพผิวของตนเองก็อาจทำให้ประสิทธิภาพของครีมกันแดดลดลงตามไปด้วยนั่นเอง
3. เลือกครีมกันแดดแบบ Mineral
เมื่อต้องเล่นน้ำทะเลหรือทำกิจกรรมที่มีเหงื่อออกมากควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่เนื้อครีมไม่ลื่น ไม่เหนียว ไม่หลุดง่าย เพราะอาจทำให้ครีมไหลเข้าตาได้ง่ายและอาจทำให้เกิดอันตรายขณะทำกิจกรรม อีกทั้งยังไหลหลุดลงไปกับน้ำทะเลได้อีกด้วย จึงแนะนำให้ใช้ครีมกันแดดแบบ Mineral ซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับเกราะบนผิวและมีส่วนผสมหลักเป็นแร่ธาตุ เช่น ไททาเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) ซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide) เป็นต้น มีคุณสมบัติที่ติดบนผิวได้นานและไม่หลุดง่าย
4. เลือกครีมกันแดด Ocean Care
ครีมกันแดดทาหน้าที่เหมาะสำหรับไปทะเลควรเลือกแบบ Ocean Care , Reef-friendly Sunscreen หรือ Coral-freindly Sunscreen ที่ไม่มีส่วนประกอบของสารเคมีที่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและปะการัง โดยอาจพิจารณาจากส่วนผสมบนฉลากผลิตภัณฑ์รวมถึงมีคุณสมบัติกันน้ำหรือกันเหงื่อได้เพื่อให้กันแดดติดอยู่บนผิวได้นานขึ้นด้วย
ครีมกันแดดทาหน้าสำหรับไปทะเลที่มีค่า SPF สูง มีคุณสมบัติกันน้ำ และเป็นมิตรต่อปะการัง Bioderma ขอแนะนำ 3 สูตรครีมกันแดดทาหน้าที่มี UV filter ประสิทธิภาพสูงและอ่อนโยนต่อผิว
ครีมกันแดดทาหน้า SPF 30 PA++++ เหมาะสำหรับผิวมัน ผิวเป็นสิว ปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ไม่มีส่วนผสมของสารที่ทำร้ายปะการัง มาพร้อมส่วนผสมของซาลิไซลิก (BHA) และไกลโคลิก (AHA) ที่ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตัน ลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ พร้อมปรับผิวเรียบเนียนมอบลุคผิวแมตต์และคุมมันได้ยาวนานถึง 8 ชั่วโมง
ครีมกันแดดทาหน้าเนื้อบางเบา SPF 50+ PA++++ เหมาะสำหรับผิวธรรมดา-ผิวแพ้ง่าย ซึมซาบเร็ว ไม่ทำให้ผิวหน้ามันวาวและไม่เป็นคราบขาว ปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ไม่มีส่วนผสมของสารที่ทำร้ายปะการัง แพลงตอน สาหร่ายทะเล และสิ่งมีชีวิตในน้ำ
ครีมกันแดดทาหน้า SPF 50+ PA++++ เม็ดสีมิเนอรัล (มีให้เลือก 2 สี) อ่อนโยนต่อผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่ายแต่ปกปิดรอยสิว รอยดำสูง 81% ยาวนานทั้งวัน (8 ชม.) เหมาะสำหรับผิวผสม ผิวมัน และผิวแพ้ระคายง่าย เป็นสิวง่าย สามารถใช้ได้ตั้งแต่อายุ 10 ปีขึ้นไป มาพร้อมเทคโนโลยี Sun Active Defense ช่วยปกป้องสารแอนตี้ออกซิแดนท์ และปกป้องผิวเสื่อมจาก UVA ได้สูงถึง 84% (ผลการวิจัยในอาสาสมัคร 20 คน ปี 2021 Eurofins Dermscan 20E0976/ Poland 2021) จัดการปัญหาเซลล์ผิวเสื่อมและจุดด่างดำ ที่เกิดจากรังสี UVA ทำร้าย ไม่ตกค้างสะสมในทะเล แม่น้ำ และสิ่งแวดล้อม
การเลือกครีมกันแดดทาหน้าที่มีประสิทธิภาพและเหมาะกับผิวของตนเอง จะช่วยปกป้องผิวจากการถูกรังสี UV ในแสงแดดทำร้าย ลดการเกิดปัญหาผิวและริ้วรอยก่อนวัยได้ นอกจากนี้เรายังควรใส่ใจส่วนผสมครีมกันแดด เพื่อลดการสร้างมลภาวะในสิ่งแวดล้อมและปกป้องผิวได้ยาวนานขึ้น เพียงเท่านี้ทริปทะเลก็สนุกได้เต็มที่ แถมผิวไม่ไหม้ดำหลังกลับจากทะเลอีกด้วย