เข้าใจผิวตนเอง
อายุน้อยแต่มีริ้วรอยเกิดจากอะไร รวมวิธีชะลอริ้วรอยบนใบหน้า
คนอายุน้อยเกิดริ้วรอยบนใบหน้าขึ้นได้ โดยมีสาเหตุหลักมาจากแสงแดด การล้างหน้าที่รุนแรง และผิวแห้งตึง พร้อมบอกวิธีชะลอริ้วรอยให้มาช้าลง
เข้าใจผิวตนเอง
คนอายุน้อยเกิดริ้วรอยบนใบหน้าขึ้นได้ โดยมีสาเหตุหลักมาจากแสงแดด การล้างหน้าที่รุนแรง และผิวแห้งตึง พร้อมบอกวิธีชะลอริ้วรอยให้มาช้าลง
ริ้วรอย ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาผิวที่ส่งผลให้ใบหน้าของเราดูมีอายุมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าในคนที่อายุยังน้อยก็อาจมีริ้วรอยเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็น ริ้วรอยหน้าผาก ริ้วรอยหว่างคิ้ว ริ้วรอยใต้ตา ริ้วรอยร่องแก้ม ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่าริ้วรอยเหล่านี้เกิดจากอะไร และมีวิธีใดที่จะช่วยชะลอริ้วรอยบนใบหน้าได้บ้าง มาดูกันในบทความนี้เลย!
โดยปกติแล้ว ริ้วรอยบนใบหน้าของเรานั้น เกิดจากการที่สารสำคัญในโครงสร้างผิวอย่าง อิลาสติน กรดไฮยาลูรอน หรือคอลลาเจนเสื่อมสภาพลงเมื่ออายุมากขึ้น ตั้งแต่อายุ 25 ปีเป็นต้นไปและลดลงเรื่อย ๆ ทุกปี ทำให้ผิวหนังมีริ้วรอยเหี่ยวย่นตามจุดต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ริ้วรอยหว่างคิ้ว ริ้วรอยใต้ตา ริ้วรอยร่องแก้ม ร่องตีนกา เป็นต้น ซึ่งปัจจัยที่กระตุ้นทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้านั้นนอกจากอายุที่มากขึ้นและกรรมพันธุ์แล้ว ในคนอายุน้อยยังเกิดริ้วรอยบนใบหน้าขึ้นได้และเป็นสาเหตุให้ผิวหน้าดูแก่กว่าวัย ซึ่งตัวการหลักที่ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น
แสงแดดที่ร้อนแรงอย่างในประเทศไทยบ้านเรา ถือเป็นตัวการหลักที่ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ เนื่องจากในแสงแดดประกอบไปด้วย รังสียูวีเอ (UVA) ซึ่งเป็นรังสีอัลตราไวโอเลตที่มีช่วงความยาวคลื่นยาวที่สุด สามารถทะลุไปถึงชั้นผิวหนังแท้ได้ รวมถึงรังสียูวีบี (UVB) ที่เป็นสาเหตุทำให้ผิวเสียความชุ่มชื้น รู้สึกแสบร้อน แดง และไหม้เกรียม ยิ่งไปกว่านั้นแสงแดดยังส่งผลเสียต่อผิวหนังของเราอีกหลายประการ เช่น
รังสียูวีในแสงแดดสามารถทำลายคอลลาเจนไฟเบอร์ใต้ผิวหนังได้ อีกทั้งยังก่อให้เกิดอีลาสตินที่มีลักษณะผิดปกติเพิ่มขึ้นและทำให้เอนไซม์ Metalloproteinases มีปริมาณที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า และอาจกลายเป็นรอยตีนกาและรอยย่นบนใบหน้าได้
ในแสงแดดยังก่อให้เกิดอนุมูลอิสระในผิวที่สามารถทำลายผิวหนังได้แบบปฏิกิริยาลูกโซ่ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทาง DNA ของเซลล์ผิวหนังและนำไปสู่การเกิดมะเร็งผิวหนังได้ในที่สุด
รังสียูวีในแสงแดดสามารถก่อให้เกิดสภาวะยืดและหดตัวผิวหนัง (Solar Elastosis) ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้ผิวหนังมีความหนาขึ้นและเป็นสาเหตุของริ้วรอยบนใบหน้า รอยตีนกา รวมถึงรอยย่นบริเวณหลังคอ อีกทั้งยังทำให้ผิวหนังบางลงและเกิดรอยฟกช้ำได้ง่ายอีกด้วย
ปฏิกิริยาของรังสียูวี ทำให้ผิวหนังผลิตเม็ดสีของผิวออกมามากกว่าปกติ ทำให้เกิดกระแดดที่มีลักษณะเป็นจุดน้ำตาลเล็ก ๆ บนผิวหนัง อาจทำให้เกิดฝ้าและจุดด่างดำขึ้นได้เช่นกัน
ริ้วรอยที่เกิดจากการดูแลผิวไม่ถูกวิธี
ในชีวิตประจำวันของเราต้องเผชิญกับทั้งมลภาวะและแสงแดด ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องมีการทำความสะอาดและบำรุงผิวหน้าอยู่เสมอ แต่รู้หรือไม่ว่าหากล้างหน้าหรือบำรุงผิวไม่ถูกวิธีอาจส่งผลให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ เช่น
การล้างหน้า ขัด ถู หรือสครับผิวหน้าผิดวิธีหรือบ่อยเกินไป ส่งผลให้เกิดรอยย่นบนใบหน้าได้ เพราะผิวได้รับการเสียดสีทำให้ผิวบางลงและสูญเสียความชุ่มชื้นระหว่างล้างหน้า โดยเฉพาะจุดที่บอบบางและเกิดริ้วรอยได้ง่ายอย่างบริเวณรอบดวงตา รวมถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว ทำให้ผิวหน้าแห้งตึงและเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ง่ายกว่าปกตินั่นเอง
ใครหลายคนอาจคิดว่าบำรุงผิวหน้าแล้วเป็นอย่างดีอาจไม่เพียงพอเสมอไป โดยเฉพาะคนที่มีผิวแห้งหรือผิวแพ้ระคายง่าย ซึ่งต้องการความชุ่มชื้นมากเป็นพิเศษ หากผิวไม่ได้รับการบำรุงและเติมความชุ่มชื้น จะทำให้ผิวแห้ง มีรอยย่น และเกิดเป็นริ้วรอยก่อนวัยได้ง่าย แถมยังทำให้ผิวดูโทรม ไม่อิ่มน้ำ และดูหมองคล้ำอีกด้วย
ตำแหน่งริ้วรอยบนใบหน้าที่มักเกิดขึ้นได้ง่าย และพบได้ในคนอายุน้อยมีอยู่หลายจุด ดังนี้
การชะลอริ้วรอยบนใบหน้าให้ดูตื้นขึ้นนั้น จำเป็นต้องทำควบคู่กันทั้งการทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อสุขภาพของผิวพรรณที่ดีขึ้นด้วยวิธีธรรมชาติ รวมไปถึงการหัตถการด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอย การเติมฟิลเลอร์ริ้วรอยให้ตื้นขึ้น การเลเซอร์ รวมไปถึงการใช้คลื่นอัลตร้าซาวน์ยกกระชับผิวให้ดูเต่งตึง นอกจากนี้ยังควรทำควบคู่ไปกับการดูแลผิวภายนอกด้วย ดังนี้
1. ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
ในทุก ๆ วัน ควรทาครีมกันแดดอยู่เสมอ เพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวีที่อาจทำร้ายผิว โดยเลือกใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไป เช่น Bioderma Photoderm AKN MAT SPF30 หรือ Bioderma Photoderm Cover Touch SPF50+ สำหรับผิวมัน เป็นสิวง่าย หรือ Photoderm Aquafluide SPF50+ สำหรับผิวแพ้ง่าย ที่มี UV filter ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ (UVA) รังสียูวีบี (UVB) Visible Light และแสงสีฟ้า โดยควรทาซ้ำทุก 2- 3 ชั่วโมงเมื่อออกแดดจัด
2. เช็ดรอบดวงตาอย่างอ่อนโยน
ผิวบริเวณรอบดวงตาที่มีความบอบบางและเกิดริ้วรอยใต้ตาได้ง่าย ซึ่งบริเวณนี้มักมีคราบเมคอัพติดแน่นและมีความมัน จึงควรเช็ดทำความสะอาดให้หมดจดด้วย Eye remover ก่อนขั้นตอนการล้างหน้า เพื่อชำระคราบสกปรกฝังแน่นและลดการถูบริเวณรอบดวงตาซ้ำ ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตาได้ โดยแนะนำให้เลือก Eye remover สูตรแอคทีฟ ไบเฟส ไมเซล่า (Active Biphase Micellar) อย่าง Bioderma Sensibio H2O Eye ใช้ทำความสะอาดรอบดวงตาและริมฝีปากสำหรับผิวแพ้ง่าย ลบเครื่องสำอางและเครื่องสำอางแบบกันน้ำได้หมดจดโดยไม่ต้องถู พร้อมบำรุงขนตา ถนอมผิวรอบดวงตาและปากให้ชุ่มชื้นยาวนาน
3. เช็ดหน้าให้สะอาด
การเช็ดหน้าอย่างอ่อนโยนด้วยคลีนซิ่งจะช่วยลดการขัดถูบริเวณผิวหน้าที่อาจทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ โดยใช้คลีนซิ่งที่เหมาะสมกับสภาพผิวและไม่ทำให้ผิวแห้งตึงเช็ดทำความสะอาดสิ่งสกปรก คราบความมัน และเมคอัพก่อนขั้นตอนการล้างหน้าทุกครั้ง รวมถึงเลือกคลีนซิ่งที่มีส่วนช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวและลดอาการผิวระคายอย่าง Bioderma Sensibio H2O คลีนซิ่งไมเซล่าวอเตอร์ (Micellar Water) เช็ดทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก พร้อมปลอบประโลมผิวแพ้ระคายง่ายด้วยส่วนผสมของน้ำตาลธรรมชาติบริสุทธิ์ (Rhamnose, Mannitol, Xylitol) ช่วยปกป้องผิวจากสิ่งสกปรกและการระคายผิว พร้อมสารสกัดจากแตงกวาช่วยมอบความชุ่มชื้นและไม่ทำร้ายปราการผิว
4. บำรุงผิวชะลอริ้วรอย
การบำรุงผิวเป็นสิ่งสำคัญมากต่อการชะลอริ้วรอยก่อนวัย ซึ่งเซรั่มเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงที่เหมาะสำหรับการดูแลผิวที่ต้องการชะลอริ้วรอย เพราะเซรั่มเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีความเข้นข้นของ Active Ingredients สูงกว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวประเภทอื่น ๆ โดยเริ่มทาเซรั่มบนผิวหน้าทันทีหลังล้างหน้าในขณะที่ผิวยังชุ่มชื้น เพื่อให้สารบำรุงซึมลึกลงสู่ชั้นในของผิวได้ดี โดยหยดเซรั่ม 2-3 หยดขนาดเท่าเม็ดถั่วเกลี่ยให้ทั่วใบหน้า โดยเลือกเซรั่มที่สารแอนตี้ออกซิแดนท์เพื่อปกป้องผิว เช่น มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid, Carnonsine และ Vitamin E ที่ช่วยปรับผิวหน้าให้ดูสว่างสดใส ริ้วรอยดูตื้นขึ้นอย่าง
Bioderma Sensibio Defensive Serum สำหรับทุกสภาพผิวแม้ผิวบอบบาง ระคายง่าย กักเก็บความชุ่มชื้น ปลอบประโลมผิวระคาย เสริมสร้างอินโวลูกริน (Involucrin) และกรดลอริก (lauric acid) เพื่อปราการผิวที่แข็งแรงขึ้น พร้อมปกป้องผิวจากสิ่งกระตุ้นการแพ้จากภายนอกและปลอบประโลมผิวระคายง่าย
จะเห็นได้ว่าแม้อายุยังน้อยแต่อาจเกิดริ้วรอยบนใบหน้าขึ้นได้จากหลายปัจจัย ซึ่งการดูแลผิวหน้าให้อ่อนเยาว์นั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธี รวมถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่เหมาะสมกับตนเองจะช่วยชะลอริ้วรอยให้มาช้าลงได้ แนะนำว่าควรดูแลผิวและปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของตนเองควบคู่กันไป นอกจากจะช่วยให้ผิวพรรณสุขภาพดีและริ้วรอยมาช้าลงแล้ว ยังทำให้ดูอ่อนเยาว์ลงกว่าวัยอีกด้วย