การที่เราจะมีผิวสุขภาพดี กระจ่างใส ไม่มีสิวกวนใจนั้น จะต้องดูแลผิวตั้งแต่ในขั้นตอนแรก นั่นก็คือ การทำความสะอาดผิวด้วยคลีนซิ่ง มาดูกันว่า คลีนซิ่งที่นิยมใช้เช็ดทำความสะอาดผิวนั้นมีประโยชน์อย่างไรและทำไมจึงต้องเช็ดหน้าด้วยคลีนซิ่งทุกครั้งก่อนขั้นตอนการล้างหน้า

คลีนซิ่งช่วยอะไร มีประโยชน์อย่างไร?

คลีนซิ่ง (Cleansing) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เช็ดทำความสะอาดผิวหน้าที่สามารถขจัดคราบฝุ่น ควัน มลภาวะ รวมถึงคราบสกปรกต่าง ๆ เพื่อเป็นการขจัดคราบสกปรกและคราบความมันที่ฝังแน่นตามรูขุมขนก่อนขั้นตอนการล้างหน้าด้วยโฟมหรือเจลล้างหน้า ซึ่งคลีนซิ่งมีให้เลือกใช้มากมายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น คลีนซิ่งน้ำ คลีนซิ่งบาล์ม คลีนซิ่งครีม คลีนซิ่งเจล คลีนซิ่งออยล์ คลีนซิ่งมิลค์ รวมถึงคลีนซิ่งที่บรรจุแบบแผ่นเช็ดหน้า เป็นต้น 

 

5 เหตุผลที่ควรใช้คลีนซิ่งเช็ดหน้า

นอกจากประโยชน์ในการทำความสะอาดผิวแล้ว คลีนซิ่งยังมีประโยชน์ในด้านการปลอบประโลมผิวและเสริมฤทธิ์ยาบางชนิด โดยเฉพาะในคนที่เป็นสิวและผิวระคายง่าย ซึ่งคลีนซิ่งที่เป็นเวชสำอางอาจมีส่วนผสมของบางชนิดที่ช่วยลดปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดปัญหาผิวได้ เช่น ลดปริมาณเชื้อแบคทีเรีย ลดความมัน ช่วยให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวหนัง ตลอดจนการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า ดังนั้นคลีนซิ่งจึงเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่สำคัญไม่แพ้ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ แถมยังช่วยลดปัญหาผิวได้จากสาเหตุอีกด้วย

 

1. คลีนซิ่งช่วยลดโอกาสเกิดสิว

การใช้คลีนซิ่งเช็ดหน้าก่อนขั้นตอนการล้างหน้าทุกครั้ง จะช่วยขจัดคราบสกปรกและไขมันส่วนเกินที่เกาะอยู่บริเวณผิวหนังอันเป็นสาเหตุของสิว โดยเลือกใช้คลีนซิ่งสูตรอ่อนโยนที่มีค่า pH เป็นกลาง รวมถึงปราศจากสารก่ออาการแพ้ เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์และสารกันเสีย เพื่อไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายผิว รวมถึงไม่ทำให้ผิวแห้งตึงหลังใช้และไม่ทำให้เกิดสิวซ้ำอีกด้วย 

 

2. คลีนซิ่งช่วยชะลอริ้วรอยก่อนวัย

ริ้วรอยบนใบหน้าที่มาก่อนวัย นอกจากจะเกิดจากปัจจัยกระตุ้นจากแสงแดดและการลดลงของคอลลาเจนในผิวแล้ว ริ้วรอยเล็ก ๆ หรือริ้วรอยร่องตื้นยังอาจมีสาเหตุมาจากการเช็ดหรือล้างหน้าโดยไม่ใช้คลีนซิ่งเช็ดทำความสะอาดผิวให้ดีก่อน อาจจำเป็นที่จะต้องถูหน้าแรง ๆ หรือล้างหน้าด้วยโฟมหรือเจลซ้ำ ๆ จึงทำให้ผิวเกิดการเสียดสี สูญเสียความชุ่มชื้น และแห้งตึงหลังล้างหน้า ส่งผลให้เกิดริ้วรอยและทำให้หน้าดูแก่กว่าวัย โดยเฉพาะในคนที่มีผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย หรือผิวบอบบางเป็นสิวง่าย ดังนั้นการใช้คลีนซิ่งเช็ดทำความสะอาดผิวจะช่วยลดการสูญเสียความชุ่มชื้นและริ้วรอยก่อนวัยได้ 

 

3. คลีนซิ่งช่วยป้องกันรูขุมขนกว้าง 

การใช้คลีนซิ่งเช็ดหน้าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยป้องกันรูขุมขนกว้างได้ เพราะหากปล่อยให้ผิวหน้ามีคราบเมคอัพหรือสิ่งสกปรกอุดตันอยู่ในรูขุมขนโดยไม่เช็ดออกด้วยคลีนซิ่งและล้างหน้าให้สะอาด อาจกระตุ้นให้ต่อมผลิตไขมันใต้ผิวหนังมีขนาดใหญ่ขึ้นจนทำงานผิดปกติและผลิตน้ำมันส่วนเกิน (Sebum) ออกมามากเกินไป จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้รูขุมขนขยายกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณ แก้ม จมูก หน้าผาก เหนือปาก หรือที่เรียกว่า T-Zone ที่มีความมันมากกว่าบริเวณอื่น ๆ

 

4. คลีนซิ่งช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น

การใช้คลีนซิ่งเช็ดหน้าเป็นประจำนอกจากจะทำให้ผิวหน้าสะอาดแล้ว ยังทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น เพราะการใช้คลีนซิ่งเช็ดผิวหน้าก่อนการล้างหน้าจะสามารถลดการสะสมของสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่ในชั้นผิว ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าและเผยผิวใหม่ที่กระจ่างใส แถมยังช่วยให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่อีกด้วย 

 

5. คลีนซิ่งช่วยลดการสูญเสียน้ำในผิว

การใช้คลีนซิ่งเช็ดหน้าที่มีส่วนผสมของไฮยารูลอนิก หรือไนอะซิไมด์จะช่วยลดการสูญเสียน้ำในผิวได้ดีขึ้น รวมถึงช่วยส่งเสริมผิวให้กักเก็บน้ำในผิวและคงความสมดุลน้ำในผิวได้ดี อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่ผิวแห้งขาดน้ำหรือระคายง่ายควรหลีกเลี่ยงคลีนซิ่งที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือสารทำความสะอาดผิวบางชนิด เพราะอาจทำให้ผิวหน้าแห้งลอกเป็นขุยได้

คลีนซิ่งตัวไหนดี เลือกใช้อย่างไรให้เหมาะกับผิว?

การเลือกใช้คลีนซิ่งเช็ดหน้าควรพิจารณาจากสภาพผิวของตนเอง เพื่อที่จะได้มองหาส่วนผสมของคลีนซิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผิวมากที่สุด เลือกใช้คลีนซิ่งตัวไหนดี? Bioderma มีคลีนซิ่ง 3 สูตรที่เหมาะกับผิวมาแนะนำ

 

ผิวผสม - ผิวมัน : คลีนซิ่ง Bioderma Sebium H2O

คลีนซิ่งสูตรอ่อนโยนสำหรับผิวผสมและผิวมัน ด้วยไมเซล่า วอเตอร์ โครงสร้างคล้ายคลึงกับผิว สามารถความสะอาดได้อย่างอ่อนโยน ขจัดคราบเครื่องสำอางล้ำลึกโดยไม่ทำร้ายปราการผิว มีส่วนผสมของ Zinc gluconate และ Copper Sulfate ช่วยควบคุมความมันบนใบหน้าและลดการสะสมของแบคทีเรียสาเหตุของการเกิดสิว พร้อม DAFTM PATENTED COMPLEX สิทธิบัตรเฉพาะของ Bioderma ช่วยลดผิวระคายและเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิว

 

ผิวระคายง่าย ผิวบอบบาง : คลีนซิ่ง Bioderma Sensibio H2O 

คลีนซิ่ง Biomimetic Micellar Water สำหรับผิวแพ้ ระคายง่าย ผิวบอบบาง ที่มีโครงสร้างคล้ายคลึงกับผิวจริง ไม่มีสี ไม่มีน้ำหอม ปราศจากพาราเบนและสารกันเสีย รวมถึงมีค่า pH 5.5   สามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก โดยไม่ทำร้ายปราการผิว (Skin Barrier) พร้อมปกป้องจุลินทรีย์บนผิว (Microbiome) ให้มีความสมดุล

ด้วยคุณสมบัติของน้ำตาลธรรมชาติบริสุทธิ์ (Pure Natural Sugar) และสารสกัดจากแตงกวา (Cucumber Fruit Extract) ช่วยมอบความชุ่มชื้นให้กับผิว  ปลอบประโลม และเสริมปราการผิวให้แข็งแรง ไม่ไวต่อสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดการแพ้และระคายผิว

 

ผิวแห้ง แพ้ง่าย ผิวขาดน้ำ : คลีนซิ่ง Bioderma Hydrabio H2O 

คลีนซิ่งไมเซล่า วอเตอร์ที่มีส่วนผสมของ Glycerin ช่วยเสริมความชุ่มชื้นให้กับผิว พร้อมด้วย Xylitol และสารสกัดจากเมล็ดแอปเปิ้ล (Apple Seed Extract) ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิวได้ยาวนาน สามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก ไม่ทำให้ผิวระคาย และเสริมปราการผิวให้แข็งแรง

การทำความสะอาดผิวหน้าด้วยคลีนซิ่ง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยกำจัดสิ่งสกปรกและลดการอุดตันบนผิวหนัง โดยการใช้คลีนซิ่งเช็ดหน้าให้สะอาดก่อนการล้างหน้าจะช่วยให้ผิวสะอาด กระจ่างใส แถมยังช่วยให้ผิวสุขภาพดีในระยะยาวอีกด้วย 

Bioderma Hydrabio H2O ขวด 500 ml

คลีนเซอร์แบบไม่ต้องล้างออก

ผิวแพ้ง่ายขาดน้ำ

สิทธิบัตร Aquagenium™

Hydrabio H2O

คลีนซิ่งเวชสำอาง ไมเซล่า วอเตอร์ สำหรับทำความสะอาดผิว ให้ความชุ่มชื้น โดยไม่ทำลายสมดุลของผิว

สำหรับใคร

ผู้ใหญ่, วัยรุ่น

BIODERMA Sébium H2O ไมเซล่า วอเตอร์ ทำความสะอาดสูตรดั้งเดิม

คลีนเซอร์แบบไม่ต้องล้างออก

ผิวผสมถึงผิวมัน ผิวเป็นสิวง่าย

เทคโนโลยี ไมเซล่า

Sébium H2O

ไมเซล่า วอเตอร์ทำความสะอาดสูตรดั้งเดิม ทำความสะอาดและไม่ทำลายสมดุลของผิว

สำหรับใคร

ผู้ใหญ่, วัยรุ่น

คลีนเซอร์แบบไม่ต้องล้างออก

ผิวแพ้ง่าย ผิวธรรมดา

เทคโนโลยี ไมเซล่า

Sensibio H2O

The original Cleansing Micellar Water. Soothes and respects the skin's balance.

คลีนซิ่งไมเซล่า วอเตอร์ (Micellar Water) ปลอบประโลมผิวแพ้ระคายและไม่ทำลายสมดุลของผิว

สำหรับใคร

ผู้ใหญ่, วัยรุ่น