เทียบให้ชัด โทนเนอร์กับคลีนซิ่งต่างกันยังไง ไอเทมจำเป็นที่ช่วยดูแลผิว
โทนเนอร์กับคลีนซิ่งต่างกันยังไง ระหว่างโทนเนอร์กับคลีนซิ่งควรใช้อะไรก่อน สูตรของคลีนซิ่งกับโทนเนอร์ คุณสมบัติต่างๆ ในการดูแลผิว ควรเลือกใช้ให้ถูกต้อง ตามวัตถุประสงค์
โทนเนอร์กับคลีนซิ่งต่างกันยังไง ระหว่างโทนเนอร์กับคลีนซิ่งควรใช้อะไรก่อน สูตรของคลีนซิ่งกับโทนเนอร์ คุณสมบัติต่างๆ ในการดูแลผิว ควรเลือกใช้ให้ถูกต้อง ตามวัตถุประสงค์
เชื่อว่าหลายคนรู้กันดีอยู่แล้วว่าโทนเนอร์และคลีนซิ่งเป็น Skincare Routine ที่ขาดไม่ได้ในปัจจุบัน เพราะช่วยทั้งทำความสะอาดและบำรุงผิว อย่างไรก็ตามเนื่องจากคุณสมบัติที่ใช้เช็ดทำความสะอาดเหมือนกัน ทำให้หลายคนสับสนว่าโทนเนอร์และคลีนซิ่งเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกันหรือไม่? โทนเนอร์กับคลีนซิ่งต่างกันยังไง?บทความนี้จะพาไปหาคำตอบ
ก่อนไปดูว่าโทนเนอร์กับคลีนซิ่งต่างกันยังไง ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “โทนเนอร์” คือ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหลังการล้างหน้า ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ผิวหน้าสะอาดมากขึ้นแล้ว ในโทนเนอร์ยังมีส่วนผสมของสารบำรุงที่ช่วยให้ผิวความชุ่มชื้น และปรับสภาพผิวให้พร้อมรับการบำรุงด้วยครีมบำรุงผิวในขั้นตอนต่อไป แต่เนื่องจากสภาพผิวแต่ละประเภทมีความแตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรเลือกใช้โทนเนอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองเพื่อประสิทธิภาพในการบำรุง และลดโอกาสเกิดการระคายผิว
แม้ว่าโทนเนอร์ในปัจจุบันจะมีให้เลือกมากมายหลายสูตร แต่หากแบ่งตามคุณสมบัติของโทนเนอร์สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
การใช้โทนเนอร์ควรเลือกที่เหมาะสมกับสภาพผิว เนื่องด้วยมีส่วนผสมที่เหมาะกับสภาพผิวแต่ละประเภท อีกทั้งยังลดโอกาสเกิดการระคายผิว โดยสภาพผิวแต่ละแบบควรเลือกใช้โทนเนอร์ดังนี้
ลำดับการใช้โทนเนอร์จะใช้หลังจากล้างหน้า ซึ่งมีลำดับขั้นตอนดังต่อไปนี้
การใช้โทนเนอร์ที่ถูกต้อง และได้ประสิทธิภาพสูงสุด ในช่วงเช้า-ช่วงเย็นจะมีเคล็ดลับ ดังนี้
ด้วยลักษณะของคลีนซิ่งกับโทนเนอร์ที่มีความใกล้เคียงกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บางคนเข้าใจว่าคลีนซิ่งกับโทนเนอร์เหมือนกัน หรือเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วทั้งสองมีประโยชน์แตกต่างกัน โดยโทนเนอร์มีประโยชน์ดังนี้
คลีนซิ่ง (cleansing) ที่หลายคนเรียกว่า Make up Remover หรือ Remover เป็นผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอาง เนื่องจากปัจจุบันในครีมทาผิว และเครื่องสำอางมักมีคุณสมบัติกันน้ำเพื่อช่วยให้ติดทนนาน หากไม่ใช้คลีนซิ่งทำความสะอาด จะทำให้ผิวไม่สะอาด และเกิดการอุดตัน นอกจากนี้ยังขัดขวางการซึมซับสารบำรุงผิว ทำให้ไม่ได้การบำรุงอย่างเต็มที่ และที่สำคัญยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวได้อีกด้วย
เพื่อให้ทุกคนทำความเข้าใจว่าคลีนซิ่งกับโทนเนอร์ต่างกันยังไง มาดูกันว่าคลีนซิ่งมีกี่แบบ ซึ่งหากแบ่งตามคุณสมบัติสามารถแบ่งได้เป็น 7 ประเภท ดังนี้
ลักษณะเนื้อเหลวเหมือนน้ำใสเหมาะสำหรับคนที่มีผิวมัน เพราะไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือมีน้อยมาก จึงทำให้ไม่รู้สึกเหนียวหน้า และไม่มีความมันตกค้าง
ลักษณะเป็นน้ำมันใสเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยมีส่วนผสมของ Mineral Oil และ Emulsifier และต้องล้างออกด้วยน้ำสะอาดภายหลัง เพราะทำให้รู้สึกหน้ามันหลังใช้ สำหรับคลีนซิ่งประเภทนี้สามารถทำความสะอาดเครื่องสำอางที่มีคุณสมบัติกันน้ำได้ดี
ลักษณะเป็นแผ่นเช็ดทำความสะอาดคล้ายกับทิชชูเปียก เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว และสะดวกต่อการใช้งานนอกสถานที่ เพราะสามารถดึงมาเช็ดหน้าลบเครื่องสำอางได้เลย แต่เวลาใช้ไม่ควรถูหน้าแรง และต้องเปลี่ยนแผ่นคลีนซิ่งทันทีเมื่อคราบเครื่องสำอางเต็มแผ่น
ลักษณะเป็นเนื้อเจลสีใสหรือขุ่น มีทั้งแบบที่มีน้ำมัน และไม่มีน้ำมัน มีส่วนผสมของสารบำรุงผิว เหมาะสำหรับผิวธรรมดา ผิวแพ้ง่าย และผิวมัน
ลักษณะเป็นเนื้อโลชั่นแต่จะไม่ถึงขั้นข้นเหนียวแบบครีม มีส่วนประกอบของน้ำมัน จึงสามารถทำความสะอาดครีมรองพื้นได้ดี เหมาะสำหรับผิวผสมและผิวแพ้ง่าย
ลักษณะเป็นเนื้อเชอร์เบท ข้นเหมือนครีมแต่หนืดกว่า เมื่อโดนน้ำจะเปลี่ยนเป็นน้ำนม มีคุณสมบัติทั้งช่วยทำความสะอาดเครื่องสำอาง และบำรุงผิวหน้า โดยไม่ก่อให้เกิดความระคายผิว เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
ลักษณะเป็นเนื้อครีม เหมาะกับผิวแห้วและผิวธรรมดา แต่ไม่เหมาะกับคนที่มีผิวมัน ใช้แล้วไม่เหนียวหน้า อ่อนโยน แต่ไม่นิยมในประเทศไทย
แม้โทนเนอร์กับคลีนซิ่งจะต่างกันยังไงก็ตาม แต่การเลือกใช้คลีนซิ่งเองก็ควรพิจารณาจากสภาพผิวหน้าเช่นเดียวกันกับการใช้โทนเนอร์ ดังนี้
ควรใช้คลีนซิ่งวอเตอร์ คลีนซิ่งน้ำมัน คลีนซิ่งออยล์ หรือคลีนซิ่งครีม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า เพราะเมื่อผิวขาดความชุ่มชื้นจะส่งผลให้ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย และหมองคล้ำ แต่ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้คลีนซิ่งน้ำที่ทำให้ผิวแห้งมากขึ้น ซึ่งสำหรับคนที่ไม่แน่ใจว่าควรเลือกคลีนซิ่งแบบไหน แนะนำ Hydrabio H2O คลีนซิ่งไมเซล่าวอเตอร์จากไบโอเดอร์มา ซึ่งเป็นสูตรที่เหมาะกับคนผิวแห้ง เพราะมีไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) ไซลิทอล (Xylitol) และ สารสกัดจากเมล็ดแอปเปิล (Apple extract) ช่วยคงความชุ่มชื้นให้ผิว และทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก
เหมาะกับคลีนซิ่งแบบน้ำที่คุณสมบัติช่วยกำจัดน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้า แต่ควรหลีกเลี่ยงคลีนซิ่งที่ส่วนผสมของน้ำมันเพราะจะทำให้ผิวมัน และเกิดสิวได้ง่ายขึ้น
เหมาะกับคลีนซิ่งแบบน้ำ หรือคลีนซิ่งแบบน้ำนม ที่มีความอ่อนโยน และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า แต่ควรหลีกเลี่ยงคลีนซิ่งที่มีส่วนน้ำมันเช่นกัน เพราะทำให้ผิวหน้ามันและเกิดสิวได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะช่วงบริเวณ T- Zone
ควรเลือกใช้คลีนซิ่งที่มีคุณสมบัติทำความสะอาดอย่างล้ำลึก และขจัดความมันบนผิวหน้า อย่าง Sébium H2O คลีนซิ่งไมเซล่า วอเตอร์ที่เหมาะกับคนที่มีผิวมัน เพราะมีส่วนผสมของ Copper Zinc Complex ที่ช่วยกำจัดความมันส่วนเกิน ควบคุมความมันบนใบหน้า ลดการสะสมแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว และฝุ่น PM2.5 ที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสิว
ควรเลือกใช้คลีนซิ่งที่ระบุว่าเหมาะกับคนที่ผิวบอบบางแพ้ง่ายโดยเฉพาะ เพื่อลดโอกาสเกิดการระคายผิว เนื่องจากผิวมีความบอบบาง หากเกิดการอุดตันทำให้เกิดการอักเสบ และเป็นสิวได้ง่ายกว่าสภาพผิวแบบอื่น สำหรับผลิตภัณฑ์คลีนซิ่งที่แนะนำคือ Sensibio H2O คลีนซิ่งไมเซล่า วอเตอร์ (Micellar Water) ที่มี pH 5.5 ใกล้เคียงกับผิว จึงไม่ทำลายสมดุลของผิว และไม่ก่อให้เกิดการระคายผิว
เชื่อว่าต้องมีหลายคนสงสัยว่าระหว่างโทนเนอร์กับคลีนซิ่งใช้อะไรก่อน ซึ่งคำตอบคือ ควรใช้คลีนซิ่งก่อน โดยมีลำดับขั้นตอนดังต่อไปนี้
ถึงขั้นตอนการเช็ดทำความสะอาดผิวหน้าด้วยคลีนซิ่งจะมีเพียงไม่กี่ขั้นตอนแต่ควรทำอย่างถูกต้อง เพื่อประสิทธิภาพในการทำความสะอาด และลดการระคายผิว แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเคล็ดลับเล็กน้อยเพื่อบำรุงผิวหน้า ดังนี้
จะเห็นได้ว่าคลีนซิ่งนั้นมีความสำคัญมากในการทำความสะอาดผิวหน้า ซึ่งไม่เฉพาะกับคนที่แต่งหน้าเป็นประจำเท่านั้น แต่คนที่เป็นสิวง่าย ผิวแพ้ง่ายก็ควรเช็ดทำความสะอาดผิวหน้าก่อนล้างด้วยคลีนเซอร์
จากที่กล่าวไปทั้งหมด ความแตกต่างระหว่างคลีนซิ่งกับโทนเนอร์ หลายคนคงรู้แล้วว่าคลีนซิ่งกับโทนเนอร์ต่างกันอย่างไร เพราะถึงจะเป็นผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาดผิวเหมือนกัน แต่คลีนซิ่งใช้ทำความสะอาดผิวก่อนการล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์ เพื่อกำจัดคราบเครื่องสำอาง ฝุ่นละออง สิ่งสกปรก และแบคทีเรีย ส่วนโทนเนอร์เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหลังจากการล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์ รวมทั้งเปิดผิวให้พร้อมสำหรับรับครีมบำรุงผิวมากขึ้น
ไม่ว่าโทนเนอร์กับคลีนซิ่งต่างกันยังไง หรือเหมือนกันในเรื่องไหน จากประโยชน์ต้องยอมรับว่าคลีนซิ่ง และโทนเนอร์เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะช่วยทั้งทำความสะอาด และบำรุงผิวไปพร้อมๆ กัน แต่ทั้งนี้แนะนำว่าควรเลือกให้เหมาะสมกับสภาพผิวและใช้อย่างถูกวิธี เพราะนอกจากจะช่วยให้ผิวสะอาดหมดจด ลดการเกิดสิวแล้ว ยังช่วยผิวแข็งแรงขึ้นอีกด้วย