Key Takeaway

  • น้ำตบ คือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีเนื้อบางเบา ซึมซาบง่าย อุดมด้วยสารสกัดที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและแก้ปัญหาผิวเฉพาะด้าน โดยใช้หลังโทนเนอร์และก่อนเซรั่ม
  • ประโยชน์หลักของน้ำตบ ได้แก่ การลดโอกาสเกิดสิว เพิ่มความชุ่มชื้น ชะลอริ้วรอย ลดความมัน และช่วยกระชับรูขุมขน
  • การเลือกน้ำตบควรพิจารณาตามสภาพผิวอย่างผิวมันควรเลือกสูตรควบคุมความมัน ผิวแห้งควรเน้นไฮยาลูรอนและเซราไมด์ ส่วนผิวแพ้ง่ายควรเลือกสูตรอ่อนโยนปราศจากแอลกอฮอล์และน้ำหอม
  • วิธีใช้น้ำตบที่ถูกต้องคือ ใช้หลังทำความสะอาดผิวและโทนเนอร์ สามารถใช้ได้ 2 วิธี คือ เหยาะลงมือแล้วแปะที่ผิว หรือใช้สำลีเช็ด จากนั้นจึงตามด้วยเซรั่มและมอยส์เจอไรเซอร์
     


ใครที่กำลังมองหาสกินแคร์ตัวเด็ดเพื่อผิวสวยสุขภาพดี น้ำตบคือคำตอบที่คุณตามหา! วันนี้เรามาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับประโยชน์ของน้ำตบ พร้อมแชร์เคล็ดลับการใช้น้ำตบแบบเห็นผลจริง พร้อมเสกผิวสวยใส อย่างที่ใฝ่ฝัน

น้ำตบ (Facial Essence หรือ Water Essence) คือ หนึ่งในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า ที่มีลักษณะของผลิตภัณฑ์โดดเด่น แตกต่างจากผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอื่นๆ อย่างเจลล้างหน้า โทนเนอร์ ทั้งในหน้าที่ของการทำงาน วิธีการใช้งาน รวมไปถึงเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์

น้ำตบนั้นมีเนื้อสัมผัสเป็นของเหลว เนื้อใส หรือขุ่น ที่สามารถซึมซาบลงไปสู่ผิวได้อย่างง่ายได้ ไม่ทำให้ผู้ใช้น้ำตบรู้สึกเหนึยว เหนอะหนะ หนักหน้า ทำให้น้ำตบนั้นเหมาะกับผิวแพ้ง่าย ไม่ก่อสิวอุดตัน 

เท่านั้นยังไม่พอน้ำตบยังอุดมไปด้วยสารสกัด ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น และยังมีสารสกัดอัดแน่นตามแต่ละสูตร เพื่อดูแลปัญหาผิวต่างๆ ได้อย่างตรงจุด ฟื้นบำรุงผิวให้แข็งแรง เปล่งปลั่ง แลดูสุขภาพดี
 

เลิกสับสน! โทนเนอร์ VS น้ำตบ VS เซรั่ม ต่างกันอย่างไร

แม้สกินแคร์ทั้ง 3 ชนิดนี้จะมีลักษณะเนื้อผลิตภัณฑ์ที่เหลว เบาบาง และซึมซาบสู่ผิวได้ดี แต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติและประโยชน์ที่แตกต่างกัน
 

  • โทนเนอร์ (Toner): โทนเนอร์ คือตัวช่วยในการปรับสมดุล pH ของผิว เตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุง มีเนื้อเหลว ใส คล้ายน้ำ โดยการใช้เป็นขั้นตอนแรกหลังล้างหน้า 
  • น้ำตบ (Skin Softener): มีเนื้อเหลว ใส บางเบา เน้นการเติมความชุ่มชื้น มีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้นเข้มข้น ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ใช้หลังล้างหน้าหรือโทนเนอร์
  • เซรั่ม (Serum): เซรั่ม คือสกินแคร์ที่มีสารสกัดเข้มข้นสูงที่สามารถแก้ไขปัญหาผิวเฉพาะจุดได้ มีเนื้อเข้มข้น และความหนืดมากกว่าน้ำตบและโทนเนอร์ ใช้หลังโทนเนอร์หรือน้ำตบ
     

ทั้งนี้ โทนเนอร์ น้ำตบ เซรั่ม สามารถใช้สกินแคร์ทั้ง 3 ชนิดร่วมกันได้ แต่ต้องเรียงลำดับการใช้อย่างถูกต้อง และควรรอให้ผลิตภัณฑ์แต่ละตัว ให้ซึมซาบก่อนใช้ตัวต่อไป
 

น้ำตบช่วยอะไรได้บ้าง? สรรพคุณที่คุณต้องรู้

น้ำตบช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง? น้ำตบถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์แนะนำสำหรับใครหลายๆ คนที่อยากมีหน้าใส เพราะน้ำตบมีประโยชน์ในการช่วยดูแลผิวหน้า โดยมีคุณสมบัติทั่วไป ดังนี้

  • เตรียมความพร้อมของผิวหน้าก่อนการบำรุง
  • ช่วยให้สารอาหารผิวและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่างๆ จากผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทาสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวหน้าได้ดี
  • ช่วยให้การทำงานของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า

1. น้ำตบช่วยลดโอกาสการเกิดสิวได้

สำหรับคนไหนที่มีผิวหน้ามัน น้ำตบจะช่วยอะไร? ซึ่งความมันเป็นสาเหตุของการเกิดสิวอุดตัน สิวอักเสบ น้ำตบจะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วย เพราะน้ำตบไม่ได้เพียงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าเท่านั้น แต่น้ำตบกลุ่มหน้าใส น้ำตบลดสิว 

สามารถช่วยควบคุมความมันส่วนเกินบนใบหน้า อุดมด้วยกรด BHA (Beta hydroxy acid) หรือ ซาลิไซลิค แอซิด (Salicylic acid) ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า จึงลดแนวโน้มการอุดตันตามรูขุมขนต้นเหตุของสิวได้อย่างดี
 

2. น้ำตบช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับใบหน้า

สำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง น้ำตบก็สามารถช่วยฟื้นบำรุงผิวแห้งกร้านเหล่านี้ ให้มีความชุ่มชื้น แข็งแรง ดูอิ่มน้ำด้วยสารสกัดที่มอบความชุ่มชื้นให้กับผิว อย่างกลีเซอรีน (Glycerin) ที่ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ ชุ่มชื้น ไม่ให้ผิวแห้งกร้าน และยังปลอดภัย ไม่ทำร้ายผิว อ่อนโยนแม้ผิวแพ้ง่าย

 

3. น้ำตบช่วยลดความมันบนใบหน้า

ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง ทั้งฮอร์โมน การใช้ชีวิตประจำวัน ความเครียด ต่างกระตุ้นให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนัง ยิ่งผลิตน้ำมันออกมาบนใบหน้ามากเกินไป ทำให้หน้าดูหมองคล้ำ โทรม เหนอะหนะ และยังเพิ่มโอกาสที่จะทำให้น้ำมันส่วนเกิน และสิ่งสกปรกที่ตกค้างหลุดเข้าไปอุดตันภายในรูขุมขน


โดยน้ำตบที่อุดมไปด้วยส่วนผสมของ Zinc และ วิตามิน บี 6 (Vitamin B6) จะมีสรรพคุณในการช่วยลดการผลิตน้ำมันส่วนเกิน (Sebum) ทำให้ความมันบนหน้าลดลง
 

4. น้ำตบมีส่วนช่วยให้รูขุมขนกระชับ

อีกหนึ่งปัญหาผิวอย่าง ปัญหารูขุมขนกว้าง น้ำตบกระชับรูขุมขนที่มีส่วนผสมของ สารสกัดจากเห็ด (Agaric acid) จะช่วยกระชับรูขุมขน แลดูเล็กลง ลดโอกาสที่สิ่งสกปรกตกค้าง และน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้า เข้าไปอุดตันตามรูขุมขน อันเป็นปัญหาของการเกิดสิว


5. น้ำตบช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยบนผิวหน้า

น้ำตบมีส่วนช่วยในการริ้วรอยได้ เพราะอัดแน่นไปด้วยส่วนผสมที่ช่วยเติมน้ำให้ผิว พร้อมช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้สุขภาพผิวแข็งแรง และริ้วรอยร่องตื้นแลดูลดเลือน

เพื่อการใช้น้ำตบให้เกิดประสิทธิภาพกับผิวมากที่สุด และตอบโจทย์มากที่สุด ควรพิจารณาถึงสภาพผิวร่วมด้วย เพื่อจะได้เลือกใช้น้ำตบที่ดีที่สุดเหมาะสมกับปัญหาผิวของแต่ละคน พร้อมเสริมให้ผิวได้รับผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น
 

ผิวมัน

ผิวมัน ด้วยสภาพผิวที่มีต่อมไขมันอยู่มาก รูขุมขนกว้าง ทำให้ผิวผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมามาก เวลาจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ตัวใดก็มีความกังวลเรื่องความเหนอะหนะที่จะเกิดขึ้นบนใบหน้า แล้วเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาการอุดตันบนใบหน้าเพิ่มขึ้น ดังนั้นควรเลือกใช้น้ำตบกระชับรูขุมขน พร้อมช่วยควบคุมความมัน เพิ่มสมดุลความชุ่มชื้นให้กับผิว ลดสาเหตุการเกิดสิวได้ดี 
 

แนะนำ Sébium Lotion น้ำตบที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวมัน ด้วยส่วนผสมที่ช่วยควบคุมความมันและปรับสมดุลผิวให้ความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูกระจ่างใส สุขภาพดี การใช้อย่างสม่ำเสมอและถูกวิธีจะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นตามลำดับ
 

ผิวแห้ง

ผิวแห้ง ปัญหาผิวขาดความชุ่มชื้น แห้งกร้าน ลอกเป็นขุย ควรเลือกน้ำตบที่เน้นไปที่สูตรเพิ่มความชุ่มชื้น ที่อุดมไปด้วยสารเพิ่มความชุ่มชื้น มอยส์เจอร์ไรเซอร์ขั้นสูง อย่างไฮยาลูรอน (Hyaluronic acid) เซราไมด์ (Ceramide) เป็นต้น ช่วยให้หน้าอิ่มฟู รูขุมขนแลดูกระชับ
 

ผิวแพ้ง่าย

ผิวแพ้ง่าย สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ระคายง่าย ทำให้เป็นสิวได้ง่ายนั้น แนะนำให้เลือกดูผลิตภัณฑ์น้ำตบผิวสำหรับแพ้ง่ายที่ส่วนผสมที่อ่อนโยน ยากต่อการทำร้ายผิว ไม่เป็นส่วนผสมที่เป็น กรดเข้มข้นสูง หรือเบสเข้มข้นสูงจนเกินไป เสี่ยงต่อการทำร้ายผิว

มาดูกันว่า วิธีใช้น้ำตบอย่างไรให้ถูกต้อง เหมาะสมกับผิวหน้ามากที่สุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ผิว ได้รับสารบำรุงอย่างเต็มที่ ล้ำลึก
 

  1. ทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึกแบบ Double Cleansing ด้วยการใช้คลีนซิ่งทำความสะอาดเครื่องสำอาง ฝุ่นละออง และมลภาวะที่ตกค้างบนผิว ตามด้วยเจลล้างหน้า เพื่อล้างสิ่งตกค้างให้หมดจด และป้องกันการอุดตันของรูขุมขน
  2. ใช้กระดาษทิชชูสำหรับเช็ดหน้า ซับเบาๆ ห้ามถูแรง เพื่อป้องกันการระคายผิว
  3. เช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการซึมซาบ และเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุง
  4. ใช้น้ำตบซึ่งจะใช้ได้ 2 วิธี 
  • วิธีที่ 1: เหยาะน้ำตบลงบนฝ่ามือ วอร์มผลิตภัณฑ์ให้สารบำรุงแตกตัว หลังจากนั้นให้ลูบไล้ทั่วใบหน้าและลำคอ พร้อมตบเบาๆ ด้วยปลายนิ้ว
  • วิธีที่ 2: ใช้โทนเนอร์น้ำตบ 2-in-1 ด้วยการเทลงบนสำลี เช็ดเบาๆ ทั่วใบหน้า ใช้ก่อนขั้นตอนบำรุง
  1. ทาเซรั่มหลังจากน้ำตบซึมซาบดีแล้ว เพื่อดูแลปัญหาผิวที่ต้องการ
  2. ทามอยส์เจอไรเซอร์เป็นขั้นตอนสุดท้าย เพื่อล็อกความชุ่มชื้น
     

อ่านเพิ่มเติม : 3 สูตร คลีนซิ่งล้างเครื่องสำอาง (Cleansing) เผยผิวดูกระจ่างใส
 

ส่องส่วนผสมเด็ดในน้ำตบ ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น

แล้วจะการเลือกน้ำตบตัวไหนดี? ก่อนอื่นต้องพิจารณาจากส่วนผสมที่บรรจุอยู่ภายในน้ำตบ ไม่เพียงแค่ส่วนผสมที่คัดสรรมาอย่างดีแล้ว ส่วนผสมเหล่านี้จะต้องเหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคน และไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ระคายผิว
 

  • น้ำ (Water) ส่วนประกอบหลักในน้ำตบ ที่จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
  • กลีเซอรีน (Glycerin) มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้น
  • ไฮยาลูรอน (Hyaluronic acid) มีสรรพคุณให้ผิวคงความชุ่มชื้น
  • สารสกัดจากพืชธรรมชาติ (Botanical plant extracts) สาร Antioxidant และปลอบประโลมผิว
  • ยีสต์หมัก (Yeast fermentation) มีส่วนช่วยป้องกันรังสี UV จากแสงแดด
  • วิตามิน (Vitamins) แร่ธาตุ (Minerals) และไขมัน (Lipids) ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับเซลล์ผิว
     

ส่วนผสมในน้ำตบ ที่อาจทำร้ายผิว

แม้น้ำตบจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพผิวมากมาย แต่ก็ต้องระวัง เพราะว่าในน้ำตบบางตัวอาจจะมีส่วนผสมที่ก่อความระคายผิวขึ้นมาได้ ดังนั้น ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายก็ควรจะใส่ใจในการเลือกน้ำตบแบบอ่อนโยน เหมาะกับผิวแพ้ง่าย ไม่ทำร้ายปราการผิว และนี่คือ 3 ส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยงในน้ำตบสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
 

  • แอลกอฮอล์ (Alcohol) เป็นสารเคมีที่ดึงความชุ่มชื้นออกจากผิว ส่งผลให้ผิวแห้ง ขาดน้ำ ทำให้ปราการผิวอ่อนแอ เกิดระคายผิวง่าย ส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวระยะยาว
  • น้ำหอม (Fragrance) เป็นสารเคมีสังเคราะห์ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์มีกลิ่นหอม แต่สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายนั้น การหลีกเลี่ยงน้ำหอมจะดีกว่า เพื่อไม่ให้เกิดการระคายผิว และทำให้ผิวไม่แพ้ง่าย
  • สารพาราเบน (Paraben) เป็นสารกันเสียที่ใช้ในการป้องกันการเจริญเติบโตของ เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และจุลินทรีย์ พร้อมช่วยยืดอายุของผลิตภัณฑ์ แม้สารพาราเบนจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ก็ทำให้ผิวระคายผิวได้
     

สรุป

น้ำตบ คือสกินแคร์ที่มอบความชุ่มชื้นเข้มข้นให้กับผิว พร้อมช่วยเตรียมผิวให้พร้อมรับสารบำรุงในขั้นตอนต่อไปได้อย่างล้ำลึก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรใช้ตามลำดับขั้นตอนการบำรุงอย่างถูกวิธี ซึ่งจะช่วยให้ผิวได้รับประโยชน์จากการบำรุงอย่างเต็มประสิทธิภาพ

มาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับน้ำตบที่หลายคนสงสัยกัน ด้วยคำตอบที่ช่วยให้คุณเข้าใจและใช้น้ำตบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

น้ำตบแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักตามสูตรและการใช้งาน

  • น้ำตบแบบให้ความชุ่มชื้น - เน้นเติมน้ำให้ผิว
  • น้ำตบแบบผสมสารบำรุง - มีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิวเพิ่มเติม
  • น้ำตบแบบเฉพาะทาง - แก้ปัญหาผิวเฉพาะจุด เช่น ผิวมัน ผิวแพ้ง่าย

ใช้ได้ทุกวัน ทั้งเช้าและเย็น เพราะน้ำตบมีเนื้อบางเบา ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน แต่ควรเลือกสูตรที่เหมาะกับสภาพผิว และสังเกตการตอบสนองของผิวในช่วงแรกที่ใช้

ปริมาณที่เหมาะสมคือ 3-5 หยด สำหรับใบหน้าและลำคอ ปริมาณอาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสำหรับผิวแห้งหรือในสภาพอากาศแห้ง ควรเริ่มจากน้อยแล้วค่อยๆ เพิ่มตามความต้องการของผิว

น้ำตบมีส่วนผสมของสารบำรุงเข้มข้น เน้นการเตรียมผิวและเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุง ส่วนน้ำแร่เป็นน้ำบริสุทธิ์ที่มีแร่ธาตุตามธรรมชาติ ใช้เพื่อเพิ่มความสดชื่นและความชุ่มชื้นเบื้องต้น

ควรรอประมาณ 30 วินาที - 1 นาที ก่อนลงผลิตภัณฑ์ตัวถัดไป เพื่อให้ผิวดูดซึมสารบำรุงได้อย่างเต็มที่ หากผิวยังรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ อาจรอนานขึ้นจนกว่าจะแห้งสนิท

BIODERMA Sébium Lotion โลชั่นน้ำตบคุมมัน

บำรุงผิวได้ทุกวัน

ผิวผสมถึงผิวมัน

สิทธิบัตร Fluidactiv™

Sébium Lotion

โลชั่นน้ำตบคุมมัน ปรับสมดุลค่า pH น้ำมันและน้ำเพื่อผิวดูกระจ่างใส

สำหรับใคร

ผู้ใหญ่, วัยรุ่น